Home ข่าวบันเทิง จบแล้วรัก 7 ปี!! ดาราสาว “เบเบ้ ธันย์ชนก” เปิดใจเลิกสามี “บูม สุธีร์” ครั้งแรก

จบแล้วรัก 7 ปี!! ดาราสาว “เบเบ้ ธันย์ชนก” เปิดใจเลิกสามี “บูม สุธีร์” ครั้งแรก

83
0

นักแสดงสาวและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง เบเบ้ ธันย์ชนก ฤทธินาคา เปิดใจครั้งแรก ยอมรับจบรัก 7 ปี กับสามี ‘บูม สุธีร์’

วันที่ 17 มิ.ย.2567 ถูกจับตามองว่าได้เลิกรากับสามี บูม สุธีร์ สำหรับนักแสดงสาวและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังอย่าง เบเบ้ ธันย์ชนก ฤทธินาคา หลังเพจดังเปิดคำใบ้ถึง อดีตดาราสายเฮลตี้เลิกสามี รวมถึงกรณีที่เบเบ้ไปออกรายการ พร้อมเผยความสัมพันธ์กับสามี ว่า “เป็นเพื่อนกัน” ทำให้ยิ่งถูกจับตามองมากขึ้น

ล่าสุด เบเบ้ ธันย์ชนก ฤทธินาคา เปิดใจครั้งแรก เมื่อเจ้าตัวได้มาร่วมงานเปิดตัว Vita Daily – Recharge Your Day หอประชุม AUA ราชดำริ

อัปเดตชีวิต?

โอเคทุกอย่างค่ะ ก็เริ่มๆ บาลานซ์ชีวิตของตัวเอง แต่ก่อนเราอาจจะเครียดเรื่องของการทำงาน ต้องทำงานทุกวัน แต่ว่าช่วงนี้ก็ปล่อยจอยบ้าง มีไปเที่ยว ไปลองอะไรใหม่ๆ มีกิจกรรมใหม่ๆ นอกกรอบบ้าง เป็นการหาอะไรใหม่ๆ เราทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ แต่ก่อนตื่นมา เข้ายิมออกกำลังกาย นอน เพื่อนออกกำลังกายใหม่ พอมันซ้ำๆ รู้สึกว่าเบิร์นเอาท์ แพชชันเริ่มหายไป เลยหากิจกรรมใหม่ดู เริ่มไปดำน้ำ ไปตีกอล์ฟ”

ก่อนหน้านี้ดูยุ่งตลอด?
“มันก็อยู่ที่การจัดตารางตัวเอง เราก็ว่างตลอด เพียงแค่ไม่ได้เอากิจกรรมพวกนี้ใส่เข้าไปในชีวิต พอปรับเปลี่ยนชีวิตแล้วก็ดีขึ้นค่ะ เป็นช่วงทดลองว่าเราชอบอะไรจริงๆ อะไรที่ทำให้เรามีความสุขในชีวิต”

ถามถึงสถานะของเรา ก่อนหน้านี้มีข่าวลือ แต่ยังไม่ได้ยินจากปากเรา?
“ก็ประมาณนั้น (กลับมาโสด?) ใช่ค่ะ”

เกิดอะไรขึ้น?

“มันก็เป็นมาเรื่อยๆ แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวของเราเป็นคนโอเคกับทุกสิ่ง ก็เลยเหมือนไม่ได้คุย ไม่ได้ปรับความเข้าใจอย่างจริงจัง จนเริ่มมีการละเลยกันบ้าง จนวันนึงเป็นแบบนี้”

ผ่านการคุยกันไหม?
“ก็คุยมาเรื่อยๆ นะคะ มีการพูดเรื่องนี้ แต่ว่าไม่คุยกันต่อ มีพูดขึ้นมาแต่ไม่ได้คุยกันต่อ

(ปัญหาสะสม?)
ใช่ค่ะ”

ระยะเวลาก่อนตัดสินใจนานไหม?
“ก็เป็นปีเหมือนกัน จะมีช่วงดี คุย มีดี มีคุย เหมือนคนปกติทั่วไปเลยค่ะ”

พยายามปรับกันสุดทางแล้ว?
“ก็พยายามกันค่ะ“

สภาพจิตใจ?
“ก็อยู่กับตัวเองมากขึ้น จริงๆ เราก็อยู่กับตัวเองมาตลอด (หัวเราะ) แต่ก็อค่อย่างที่บอกพยายามบาลานซ์ชีวิตมากขึ้น และโฟกัสความสุขของตัวเราเอง”

ช่วงมีข่าวลือออกมาเฮิร์ตหนัก?
“ก็มีเหมือนกัน ปกติทั่วไปเลย แต่ว่าเราไม่ได้เกลียดกัน ทุกวันนี้ยังคุย ยังทำงานด้วยกัน เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันค่ะ ยังมีธุรกิจทำด้วยกัน โอเคมากๆ”

จบด้วยดี คุยกันด้วยความเข้าใจ?
“ใช่ค่ะ”

ห่างมาทบทวน วันนึงจะกลับมาเหมือนเดิมได้ไหม?

“ไม่รู้เลยจริงๆ”

คนรอบตัวรู้พร้อมข่าว?“จริงๆ เราจะเป็นคนเก็บทุกอย่าง เพื่อนก็ไม่ปรึกษา ความเข้าใจก็ไม่ปรับ พ่อแม่ก็ไม่บอก เพราเราเป็นคนนิสัยเก็บ ก็จะมีเพื่อนบางคนที่คอยสังเกต คอยดู ก็จะรู้ เข้าใจ ก็มีบางส่วนที่รู้พร้อมกัน”

แต่ไม่ได้มีเอฟเฟกต์กับตัวเราใช่ไหม การที่เราไม่ได้บอกคนรอบตัว?

“เนื่องจากว่าเราเป็นคนที่จัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้ค่อนข้างเก่ง คือพอเรารู้สึกว่าเริ่มเครียด เริ่มมีอะไรที่ไม่ถูกใจ เรากผมจะมีวิธีการทำให้ตัวเราเองสบายใจขึ้น พอทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าบางทีสิ่งนี้มันเป็นเรื่องเล็กที่มองข้ามไปได้”

ตอนนี้อักษรย่อออกมาเราตกใจไหม?

“ก็ไม่ได้ตกใจ แต่ก็แค่รู้สึกว่าไม่ได้อยากออกมาพูด เพราะปกติเราไม่ใช่คนที่แคร์เรื่องส่วนตัวอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่เราภูมิใจในการที่จะบอกต่อ”

เลยรอวันที่พร้อมทีเดียวค่อยพูด?
“ใช่ รอจังหวะ รอเวลาอะไรต่างๆ เพราะมันเป็นเรื่องของหลายฝ่าย ให้ทุกคนรู้สึกสบายใจให้ได้ก่อน”

เป็นเพราะไลฟ์สไตล์หรือเปล่า ทำให้ไปต่อไม่ได้?

“ไลฟ์สไตล์จริงๆ มันก็ปรับได้หมดนะคะ ตอบไม่ถูกเลย อาจจะเป็นเรื่องของความรู้สึกด้วย แล้วก็สิ่งที่มันสะสมมาเรื่อยๆ ค่ะ”

หลายคนก็ช็อก ไม่คาดคิดว่าจะเป็นคู่เรา แต่ตอนนี้ผ่านมาแล้ว กลับมาใช้ชีวิตปกติร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วใช่ไหม?

“ชีวิตก็ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ เหมือนเดิม (หัวเราะ)”

เริ่มใหม่ได้ไหม หรือพอแล้วกับความรัก?

“ไม่พอ (หัวเราะ) พูดไป จริงๆ แล้วหลักๆ เราอยู่ด้วยตัวของเราเองได้ แต่ว่าเราก็ไม่ได้ปิดกั้น ว่าจะไม่คุยกับใครเลยชีวิตนี้ จะครองโสดอยู่คนเดียว คือปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ตามจังหวะของมัน เพราะเราก็เรียนรู้ในอดีตที่ผ่านมาแล้ว ถ้าเกิดเราไปแพลน ไปเร่ง ไปตั้งเป้าหมายว่าตอนนี้ต้องแต่งงาน หรือต้องทำอะไร มันก็อาจจะจังหวะไม่ดี”

มีผลต่อการตัดสินใจในรักครั้งใหม่ไหม?

“ก็มีค่ะ ทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา ก็เป็นประสบการณ์ชีวิตให้เราโตมากขึ้น ให้เราได้เรียนรู้อยู่แล้ว”

ก่อนหน้านี้เราหายจากโซเชียลไป เป็นเพราะอยากพักใจหรือเปล่า?

“ขี้เกียจถ่ายรูปค่ะ (หัวเราะ) เพิ่งรู้ว่าการไปเที่ยวแบบไม่ถ่ายรูปมีความสุขมาก มันได้เห็นในสิ่งที่อยู่ข้างหน้าแบบไม่ผ่านจอ ไม่ต้องมีการรีบตื่นขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปก่อนกินข้าว ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวซิกแพ็กจะไม่ชัด (หัวเราะ) ก็จะไม่ค่อยมีโมเมนต์นั้น ก็คือใช้ชีวิตจริงๆ เอ็นจอยกิจกรรมต่างๆ จริงๆ ถ้ามีเวลาถ่ายรูปค่อยถ่าย แต่จะไม่แบบทริปนี้ฉันจะต้องมีชุด 1 2 3 4 ไม่มีแล้ว ได้ใช้ชีวิตจริงๆ แล้วมีความสุขมากๆ ก็เลยอาจจะเห็นรูปน้อยหน่อย การใช้ชีวิตมันก็ต้องใช้ตังค์ ก็เลยมาอัปเดตหน่อย (หัวเราะ)”

นิวเบเบ้คือชีวิตยืดหยุ่นมากขึ้น?

“ยืดหยุ่นมากขึ้นเลยจริงๆ คือประสบการณ์ชีวิตอย่างหนึ่ง ว่าเราอย่าไปเครียดกับตัวเองมาก ให้ตัวเองได้ลองล้มดูบ้าง แล้วก็ลุกขึ้นมาบ้าง แต่ก่อนจะรู้สึกว่าล้มไม่ได้ พลาดไม่ได้”

ตอนนี้จะกลับมารับงานมากขึ้นไหม?

“ก็กลับมารับอยู่ตลอดค่ะ แต่งานที่โฟกัสอยู่ตอนนี้ จะเป็นเรื่องของเทรนเนอร์ เปิดคอร์สออนไลน์สอนออกกำลังกาย แล้วก็จะเป็นคอนเทนต์ในยูทิวบ์ที่อาจจะขยันมากขึ้น ลงคลาสออกกำลังกายมากขึ้น หรืออาจจะมีคอนเทนต์ใหม่ๆ ให้หลายๆ คนได้รู้สึกว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องสนุกและอยากจะลอง เหมือนเดิม ยังเหมือนเดิมทุกอย่างค่ะ กลับมาแล้วค่ะ”

เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here