Home ข่าวท้องถิ่น เภสัชกรสาว เล่านาทีบีบหัวใจ ช่วยหนูน้อย1ขวบ อาหารติดคอ ธาตุแตก

เภสัชกรสาว เล่านาทีบีบหัวใจ ช่วยหนูน้อย1ขวบ อาหารติดคอ ธาตุแตก

88
0

จากกรณีผู้ใข้เฟซบุ๊กชื่อ kratib Napakkamon โพสต์คลิปนาทีชีวิต ขณะที่แม่อุ้มหนูน้อย 1 ขวบ เข้าร้านเภสัช ขอความช่วยเหลือ หลังลูกมีอาการชักเกร็ง ตาค้าง อ่อนแรง

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 มิ.ย.2567 เภสัชกรหญิง ณภัคมนต์ ลักษณะ เภสัชกรร้านยา ร้านคลินิกยาบ้านคลองขุด (ร้านยาพี่กระติ๊บ) อ.เมือง จ.สตูล เปิดเผยกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ ระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.ของวันที่ 26 มิ.ย.67 ในระหว่างที่ตนกำลังทำงานอยู่ในร้านยา มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง อุ้มลูกวัยประมาณ 1 ขวบครึ่ง และตะโกนเข้ามาว่า “พี่ติ๊บช่วยหน่อยค่ะ ลูกชัก”

เภสัชกรสาว เล่านาทีบีบหัวใจ ช่วยหนูน้อย 1 ขวบ อาหารติดคอ ชักเกร็ง ตาค้าง ธาตุแตก ไร้การตอบสนอง ก่อนปลอดภัย เผยเหตุการณ์ระทึกเมื่อ 11 ปีที่แล้ว

เภสัชกรสาว เล่านาทีบีบหัวใจ ช่วยหนูน้อย 1 ขวบ อาหารติดคอ ชักเกร็ง ตาค้าง ธาตุแตก ไร้การตอบสนอง ก่อนปลอดภัย เผยเหตุการณ์ระทึกเมื่อ 11 ปีที่แล้ว

หลังจากได้ยินแบบนั้น ตนจึงรีบไปอุ้มเด็กมาไว้บริเวณคอกสำหรับเด็ก แล้วบอกให้คุณยายไปนำน้ำและผ้ามาเช็ดตัวเด็กทันที ก่อนจะบอกให้พ่อของเด็กรีบโทรหา 1669 เพราะจากที่ตนประเมินอาการของเด็กเบื้องต้น พบว่าเด็กมีอาการตาเบิกโพลง ไร้การตอบสนอง ปัสสาวะและอุจจาระราด

ทั้งนี้ เมื่อตนนำผ้ามาเช็ดเด็ก ปรากฏว่าตัวเด็กไม่ได้ร้อน โดยตนมีประสบการณ์จากที่หลานของตนเป็นไข้จากอาการชัก จึงคิดว่าเด็กไม่ได้มีอาการไข้ ซึ่งตอนนั้นตนก็ร้อนรนใจคิดว่าจะรีบพาไปโรงพยาบาลเลยดีหรือไม่ ประกอบกับแม่ของเด็กก็อยู่ในสภาวะควบคุมสติไม่อยู่

แต่ตนก็คิดว่ายังไงก็ต้องช่วยเด็กให้ได้ จึงถามแม่ของเด็กอีกครั้งว่าก่อนที่จะมาหาตนเด็กกินอะไรมาบ้าง เพราะที่บ้านตนก็เลี้ยงเด็กจึงมองว่าอาการอาหารติดคอนั้นเกิดขึ้นได้ง่ายสำหรับเด็กวัยนี้ ที่มีพฤติกรรมชอบอมอาหาร จึงทำให้เสี่ยงที่อาหารจะติดภายในหลอดลม

จากนั้นแม่ของเด็กจึงแจ้งว่าน้องกินองุ่นไป 3 ชิ้นเล็ก ๆ เมื่อได้ยินแบบนั้นตนจึงรีบกระทุ้งตัวเด็กจำนวน 10 ครั้ง น้องก็เริ่มมีการตอบสนอง และมีเสียงร้องเบา ๆ และทำการกระทุ้งไปอีก 2 ครั้ง เพื่อให้เด็กตอบสนองเต็มที่และปกติ จนครั้งสุดท้ายเด็กร้องออกมาอย่างชัดเจน ตนรู้ได้ทันทีเลยว่าเด็กปลอดภัยแล้ว จากนั้นน้องก็ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลสตูลต่อไป

เภสัชกรหญิง ณภัคมนต์ กล่าวต่อว่า นาทีนั้นบีบหัวใจตนมาก แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าผู้ป่วยหรือเด็กมีอาการธาตุแตกแล้ว ในใจตนไม่สามารถที่จะรอเวลาให้ผ่านไปเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร ตนทนไม่ได้ที่จะให้เด็กตายไปต่อหน้าต่อตา ต้องบอกตามตรงว่าตนไม่ได้มีความรู้ทางด้านนี้เลย อาศัยดูจากคลิปวิดีโอในข่าวต่าง ๆ

ตนเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่มีคุณแม่คนไหนควบคุมสติได้อยู่ ถ้าเป็นลูกของตนตนก็คงจะเป็นแบบเดียวกัน พอเห็นเด็กปลอดภัยตนก็รู้สึกโล่งมากจนร้องไห้ออกมา ถึงตอนนี้ตนก็ยังคงน้ำตาคลออยู่ เพราะตนก็เป็นแม่คนด้วย

ทั้งนี้ เมื่อ 11 ปีที่แล้ว ที่ร้านตนก็เคยเจอเหตุการณ์บีบหัวใจมาครั้งหนึ่ง นั่นคือเหตุการณ์กลุ่มโจรบุกเข้าร้าน ในตอนแรกกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวเข้ามาขอซื้อยาแก้ไอ แต่ตนไม่ได้จำหน่าย กลุ่มวัยรุ่นจึงออกจากไป

ก่อนจะกลับมาที่ร้านและชักปืนมาขู่ตน แต่ขอบคุณตัวเองในวันนั้นที่มีสติ ทำให้ตนสังเกตเห็นได้ว่าตัวปืนเป็นพลาสติก และรู้ว่านั่นไม่ใช่ปืนจริง จึงทำการต่อสู้ไม่ให้เขาหนีไป

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของร้านขายยานั้น มีหน้าที่จ่ายยาและให้คำแนะนำ อีกส่วนหนึ่งคือมีหน้าที่ปฐมภูมิหรือรีเฟอร์เคสให้กับโรงพยาบาล ภายหลังจากที่ซักประวัติแล้ว และพบว่าผู้ป่วยมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคที่ฉุกเฉิน อาทิ โรคหลอดเลือดหัวใจ เคสเหล่านี้เภสัชกรยังสามารถตั้งสติและส่งเคสต่อให้ทางโรงพยาบาลได้

ส่วนเภสัชกร ตนก็ได้รับการอบรมในชั้นมหาวิทยาลัย ซึ่งผ่านมาหลายปี แต่หลังจากนั้นตนก็ไม่เคยได้รับการอบรมในเรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้น กรณีเจอเคสฉุกเฉินภายในร้านยา

จึงอยากผลักดันเรื่องนี้ไปให้ถึงสภาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เภสัชชุมชน ให้สร้างองค์ความรู้ อบรมในเรื่องนี้ให้มากขึ้น เพราะร้านยาก็เป็นเหมือนเพื่อน เข้าถึงประชาชนได้มากกว่า

กรณีนี้สามารถเป็นอุทาหรณ์ให้แก่ทุกคนได้ เพราะเหตุการณ์ฉุกเฉินสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ สิ่งที่สามารถทำได้คือการเตรียมความรู้ เรียนรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ต้องตั้งสติให้ดี และสังเกตให้มาก ๆ

คลิกชมคลิป

เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here