ข่าวด่วน

Home ข่าวด่วน Page 2
Featured posts

น้ำป่าเขาใหญ่ทะลักกลางดึก อุทยานเขาใหญ่สั่งปิดด่วน 3 แหล่งท่องเที่ยว

วันที่ 30 ก.ค. 2567 จากสภาพฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ตลอดทั้งวันทั้งคืนติดต่อกัน และได้เกิดน้ำป่าจาก อุทยานแห่งเขาใหญ่ไหลหลากมาจาก น้ำตกแก่งหินเพิง บนคลองใสใหญ่ลงพื้นที่ ต.สำพันตา อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ได้ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเขตพื้นที่บ้านสะพาน ม.5 ต.สะพานหิน อ.นาดี ชาวบ้านต้องหนีตายหนีน้ำกันจ้าละหวั่น รวมทั้งสิ่งของมีค่า สัตว์เลี้ยง เช่น หมูไว้ยังที่ปลอดภัย

เจ้าหน้าที่ทหารจากปราจีนบุรี ปภ.อาสา หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสัจจพุทธธรรมแห่งประเทศไทย (กบินทร์บุรี) ต้องนำเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ติดอยู่ภายในร่วม 200 หลังคาเรือน ถูกตัดขาดออกมาไว้ด้านนอก เช่น เด็กเล็ก สตรี ผู้สูงอายุ และหมูออกจากฟาร์มอย่างยากลำบาก เพราะกระแสน้ำยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางพื้นที่ระดับสูงเกือบ 2 เมตร

นายดำริห์ รัตนชินกรณ์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวจ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นเจ้าของสวนศักดิ์สุภารีสอร์ต และผู้ประกอบการล่องแก่งหิน ต.สำพันตา อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี โพสต์ภาพน้ำท่วมรีสอร์ตที่ตั้งติดคลองใสใหญ่ พร้อมข้อความระบุว่า เป็นผู้ประสบภัยชั่วคราว น้ำจากบนเขาเริ่มลดลง ระดับน้ำที่รีสอร์ตเริ่มทรงตัว คาดว่าตีสามน่าจะค่อยๆ ลดลง พรุ่งนี้เช้าคงจะตรวจสอบความเสียหายได้ แต่คงไม่มาก เนื่องจากลูกน้องมาช่วยยกของขึ้นที่สูง อาทิตย์หน้ารับลูกค้าได้แน่นอน

ด้านนายชัยยา ห้วยหงษ์ทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กล่าวว่า ด้านบน อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ฝนตกตลอดต่อเนื่องทั้ง และได้มีประกาศแจ้งการงดบริการท่องเที่ยวที่น้ำตกตะคร้อ ต.บุฝ้าย อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เนื่องจากระดับน้ำแรงเชี่ยวกรากมีปริมาณสูง

และอีก 1 แห่งคือที่คลองใสใหญ่ ต.สำพันตา อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แหล่งท่องเที่ยวที่มีการผจญภัยล่องแก่งหินเพิง พบมีระดับน้ำสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้เอ่อบนถนนแล้วในขณะนี้ โดยน้ำป่าไหลหลากจึงสั่งปิดแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 2 แห่งดังกล่าวเพิ่มต่อไปอีก 1 วัน คือในวันนี้ 30 ก.ค. 67 ปิดต่อไปเป็นวันที่ 2 ต่อเพิ่ม พร้อมกับได้พิจารณาให้ปิดแหล่งท่องเที่ยว น้ำตกนางรองจนครนายก เพิ่มอีก 1 แห่งในวันนี้ 30 ก.ค. 67 ขอให้ประชาชนด้านล่างระวังจะถูกน้ำป่าไหลหลากน้ำท่วมฉับพลันที่อาจเกิดขึ้นได้

ปราจีนฯอ่วม! ฝนถล่มหนัก น้ำป่าไหลทะลักท่วมกลางดึก บ้านเรือนกว่า 200 หลังคาจมบาดาล

เมื่อช่วงดึกวันที่ 30 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา เกิดฝนตกลงมาต่อเนื่องในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ส่งผลให้เกิดน้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ไหลหลากมาจากน้ำตกแก่งหินเพิง ลงพื้นที่ อ.นาดี เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนอย่างรวดเร็ว ในเขตพื้นที่บ้านสะพาน ม.5 ต.สะพานหิน ชาวบ้านต้องขนสิ่งของหนีน้ำกันจ้าละหวั่น

เจ้าหน้าที่ทหารจากปราจีนบุรี ปภ.อาสาหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสัจจพุทธธรรมแห่งประเทศไทย (กบินทร์บุรี) ต้องนำเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ติดอยู่ภายในร่วม 200 หลังคาเรือนถูกตัดขาดออกมาไว้ด้านนอก

อย่างไรก็ตาม บางพื้นที่กระแสไฟฟ้ายังไม่ตัด ยากแก่การช่วยเหลือ เกรงว่าจะเกิดอันตรายได้ เบื้องต้นระดับน้ำยังเพิ่มขี้นอย่างต่อเนื่อง เพราะช่วงค่ำฝนตกลงมานานนับชั่วโมงอีกดังกล่าว

คดีพลิก คุณยาย 73 ถูกลูกทิ้ง นั่งร้องไห้ ตากแดดใต้สะพาน เพื่อนบ้านเผยความจริง

จากกรณียาย อายุ 73 ปี นั่งรถเข็นวีลแชร์ถูกนำมาทิ้งไว้ใต้สะพานพระราม 5 ใกล้กับปากซอยนรินทร์กลึง ต.บางไผ่ สร้างความสงสารให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก คุญยายบอกว่ามีปากเสียงกับลูกสาวคนเล็ก เกี่ยวกับเรื่องที่ตนต้องการไปทำบุญใส่บาตรให้กับลูกสาวคนโตที่เสียชีวิตไป แต่ลูกสาวคนเล็กได้ต่อว่า และให้ลูกเขยอุ้มขึ้นรถแท็กซี่มาพร้อมกับรถเข็นแล้วมาจอดปล่อยตนไว้ตรงนี้

ล่าสุด รายการลุยชนข่าวได้สัมภาษณ์เพื่อนบ้าน เผยว่า ข่าวที่ออกไปไม่ใช่ความจริง ยายติดการพนันอย่างหนัก ลูกสาวคนเล็กดูแลอย่างดี ให้เงินเท่าไร ยายเอาไปเล่นไพ่หมด เวลาอยู่กับลูกสาวกลายเป็นคนจำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อเข้าวงไพ่สมองแล่น จำได้หมดทุกอย่าง เล่นจนต้องขายบ้านที่ต่างจังหวัดหาเงินมาจ่าย ยืนยันยายไม่ได้บ้า

ต่อมา ลูกสาวเปิดใจกับทีมข่าวว่า ไม่ได้ทิ้งแม่ ให้เงินวันละ 100 บาท แต่แม่เอาไปเล่นไพ่ และที่เห็นว่าไปนั่งร้องไห้ อ้างว่าไม่ให้ทำบุญให้พี่ จริงๆแล้วให้เงินไปแล้ว แต่ไม่ว่างไปทำบุญด้วย ต้องทำงานหาเงิน แต่แม่เหมือนน้อยใจ ตัดพ้อต่างๆ ตนจึงให้แฟนไปเรียกแท็กซี่ให้แม่ไปทำบุญ แต่แม่ไปลงใต้สะพานพระราม 5 และบอกว่าโดนทิ้ง และตอนอยู่บนแท็กซี่ แม่ก็ทะเลาะกับคนขับ เพราะหาที่เล่นไพ่ไม่เจอ

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พลตรีหญิง 5 นาย เป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษ

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 ราชกิจจานุเบกษา ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 5 นาย ดังนี้

1. พลตรีหญิง คุณหญิงสุทัตตาภักดิ์ บริรักษ์ภูมินทร์

2. พลตรีหญิง คุณหญิงนฤมล สัมผัส

3. พลตรีหญิง คุณหญิงอรอนงค์ ปิยนาฏวชิรพัทธ์

4. พลตรีหญิง คุณหญิงปภัสสร สิริวชิรภักดิ์

5. พลตรีหญิง คุณหญิงชยุตรา สิริวชิรภักดิ์

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม พุทธศักราช 2567 ประกาศ ณ วันที่ 27 กรกฎาคม พุทธศักราช 2567 เป็นปีที่ 9 ในรัชกาลปัจจุบัน

อ่านฉบับเต็มคลิกที่นี่

ลุง อปพร. แต่งชุดเต็มยศใช้ผ้าขาวม้า จบชีวิตในสวนยาง

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 29 ก.ค. 2567 พ.ต.ต.สมภาษ ผลถาวร สว.(สอบสวน)สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนผูกคอตายในขนำในสวนยาง ริมถนนสายเอเซีย41 ม.7 ต.ปริก อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ทุ่งใหญ่ และจนท.มูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์ ไปที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุบนขนำพบศพผู้ตายชื่อนายฉลอง ชูรอด อายุ 62ปี อยู่บ้านเลขที่ 127/2 ม.7 ต.ปริก อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช แต่งกายชุด อปพร.เต็มยศ และสวมรองเท้าหนังขัดมันแวววับ ใช้ผ้าขาวม้าผูกคอตายกับขื่อไม้บนขนำ ซึ่งลูกชายได้ปลดผ้าขาวม้านำศพมาก่อนแล้ว สภาพศพลิ้นจุกปากขาดอากาศหายใจ

ในที่เกิดเหตุ จนท.พบจดหมายลาตายจำนวน 1ฉบับซึ่งนายฉลอง เขียนลาตาย ได้สั่งเสียให้ลูกชายและญาติจ่ายเงินหนี้สินค่าติดต่างๆในหมู่บ้านให้ด้วย ซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่มากนัก

จากการสอบสวนทราบว่านายฉลองฯผู้ตาย ชอบทำงานเป็นจิตอาสาเป็นชีวิตจิตใจมาหลายปีแล้วและ ได้อาสาสมัคร ทำงานเป็น จนท.อปพร.ประจำ อบต.ปริก มาหลายปีเช่นกัน แต่ระยะหลังนายฉลองป่วยเป็นโรคประจำตัวโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืดพยายามรักษาแต่ไม่หายขาดสักที อาจจะทำให้นายฉลองเครียดตัดสินใจผูกคอตายลาโลกดังกล่าว

โดยก่อนผูกคอตายมีเพื่อนบ้านเห็นผู้ตายเที่ยวถามหากระดาษเพื่อมาเขียนอะไรสักอย่างและแต่งกายชุดเครื่องแบบ อปพร.เต็มยศขัดรองเทม้าหนังแวววับ แต่ไม่มีใครสงสัย จนกระทั่งมาพบผูกคอตายลาโลกดังกล่าว ญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต ก่อนมอบศพให้กับญาตินำศพไปจัดการตามประเพณีต่อไป

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.นครศรีธรรมราช รายงาน

ชัดเจนแล้ว เรื่องเงินดิจิทัลแลกเป็นเงินสด

จากกรณี สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ พูดคุยกับ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรายการ กรรมกรข่าวคุยนอกจอ ถึงประเด็นเกี่ยวกับ ดิจิทัลวอลเล็ต โดยช่วงหนึ่งสอบถามเรื่องข้อกังวลว่า อาจจะเกิดช่องโหว่ที่ทำให้บางกลุ่มได้ผลประโยชน์ รวมทั้งเมื่อแจกเงินดิจิทัลแล้ว ก็อาจจะถูกนำไปแลกเป็นเงินสด ดังนั้นจะมีวิธีดูแลจัดการอย่างไร

ทั้งนี้ นายสรยุทธถามว่า เราจะสามารถป้องกันคนเอาเงินดิจิทัลวอลเล็ต ไปแลกเป็นเงินสดอย่างไร ในกรณีที่คนที่ต้องการที่จะแลก อยากได้เงินสดไปซื้อเหล้า เอาไปจ่ายค่าไฟ โดยยอมที่จะเสียส่วนต่าง เช่น มีเงินดิจิทัล 10,000 บาท แต่ขอแลกเป็นเงินสด 7,000 บาท ให้ร้านกินกำไรไปเลย 3,000 บาท

ซึ่งนายจุลพันธ์ยอมรับว่า เรื่องนี้มันยากที่จะป้องกันได้ 100% แต่ตนจะบอกว่า เงินดิจิทัล 10,000 บาท มีค่าเท่ากับเงินสด 10,000 บาท การจะเอาเงินดิจิทัลไปแลกเงินสดในราคาที่ลดลง มันไม่ฉลาด และเงินดิจิทัลใช้ได้กว้าง ใช้ได้ทุกที่ อีกอย่างคือ หากต้องการซื้อสินค้าที่อยู่ในลิสต์ต้องห้าม คุณสามารถเอาเงินสดไปซื้อได้ แล้วค่อยใช้เงินดิจิทัลไปซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคแทน การจะเอาเงินดิจิทัลไปแลกเงินสดในมูลค่าที่ลดลง ถือเป็นเรื่องไม่ฉลาด

อีกประเด็นคือ เรามีระบบการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ข้อมูลในระบบไม่หาย เช่น ร้านค้าร้านหนึ่ง ปกติขายได้เฉลี่ย 4,000 แต่อีกวันขายได้กระโดดไป 80,000 ระบบจะต้องแจ้งเลย แล้วหน่วยงานก็จะต้องไปตรวจสอบ หากพบว่าไม่ได้มีการซื้อขายสินค้าจริงก็จะดำเนินการ ซึ่งในอดีต เคสที่รัฐดำเนินคดีและเรียกเงินคืนรวมทั้งตัดสิทธิ

ด้านนายสรยุทธถามต่อว่า ในมุมของร้านค้าร้านเล็ก เนื่องจากกว่าจะได้เงินสดก็นาน ร้านจะไม่มีเงินสดไปซื้อกับร้านรายย่อยอื่น ๆ ได้ แบบนี้สุดท้าย เงินก็จะหมุนเข้าสู่ร้านใหญ่ นายจุลพันธ์ก็ตอบว่า ร้านรายย่อยสามารถขึ้นทะเบียนกับเราได้ เพื่อให้มีตัวเลือกที่กว้างขึ้น และเราจะดึงซัพพลายเชนเข้ามาถึงผู้บริโภคดีขึ้น ทำให้เกิดความคล่องตัว อีกอย่างคือ เงินสดในระบบมีอยู่ 10 ล้านล้าน ส่วนเงินดิจิทัลนั้นเพียง 5 แสนล้าน ดังนั้นเงินในระบบไม่ได้หายไปไหน ดังนั้น การที่ร้านไปซื้อข้าวของมาขาย ไม่จำเป็นต้องใช้ดิจิทัลวอลเล็ตทุกเคสอยู่แล้ว

สุดท้าย นายจุลพันธ์ยืนยันว่า เชื่อว่าหลังจากรัฐบาลแถลงครั้งล่าสุด จะเกิดผลในทางบวกต่อเศรษฐกิจ เมื่อทุกคนรู้ว่าช่วงปลายปีเงินจะลงมา จีดีพีปีนี้ขยับแน่นอน ร้านค้าและโรงงานต้องเริ่มผลิตสินค้า ขยับจ้างงาน และหลังจากนั้นจะเกิดผลเต็มรูปแบบ และคาดว่าประชาชนจะได้ทันใช้เงินดิจิทัลก่อนสงกรานต์และปีใหม่

กรมอุตุฯ เตือน 24 ชม.ข้างหน้า พื้นที่สีแดงเจอฝนตกหนัก เช็กเลย

วันที่ 29 กรกฎาคม 2567 พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

สำหรับบริเวณอ่าวไทยตอนบน ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 18:00 น. วันนี้ ถึง 18:00 น. วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำพูน ลำปาง ตาก อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส   อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนหรือฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

เปิดภาพน้ำท่วมรีสอร์ท บ้านพักในพื้นที่อำเภอไทรโยค

จากที่ฝนตกหนักในพื้นที่ อ.สังขละบุรี ทองผาภูมิ และไทรโยค จ.กาญจนบุรี ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมจำนวนมาก และมีน้ำป่าไหลบ่าจากที่สูงลงสู่แม่น้ำแควน้อย มีปริมาณน้ำจำนวนมาก ด้านชลประทานแจ้งการระบายน้ำผ่านเขื่อนแม่กลองในปริมาณมากกว่า 800 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนสูงขึ้น 1-2 เมตร ที่ผ่านมา

ส่งผลให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำแควน้อย ในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงถ้ำกระแซ หมู่ 1 ต.วังโพธิ์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ทั้งสองฝั่งแม่น้ำ ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย น้ำป่าไหลบ่าเข้าท่วมโรงแรม รีสอร์ท อาคารที่พักจมน้ำ แพพักลอยเคว้งคว้างกลางแม่น้ำแควน้อย ถ้ำกระแซ ทางรถไฟ มีพืชผลการเกษตรเสียหายจำนวนหลายพันไร่ ส่วนรีสอร์ท โรงแรมที่พักเสียหายหนัก ต้องยกเลิกการให้บริการที่พักแก่นักท่องเที่ยวที่สั่งจองที่พักล่วงหน้า

สำหรับสถานการณ์ระดับน้ำล่าสุดวันนี้ 29 ก.ค.67 น้ำจากแม่น้ำแควน้อยล้นตลิ่งเข้าท่วมรีสอร์ทบ้านพักในพื้นที่อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ระดับน้ำยังคงที่

ขอบคุณ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดกาญจนบุรี

เรียบเรียง มุมข่าว

พ่อป่วยหนักหายใจไม่ออก โรงพยาบาล ไล่กลับบ้าน สุดท้าย!! พ่อเสียชีวิต ลูกสาวร่ำไห้ เดือนหน้าจะรับปริญญาแล้ว พ่อยังไม่ได้เห็นเลย

เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 67  ที่ วัดสระเพลง ต.สูงเนิน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา มีการประกอบพิธีฌาปนกิจ นายสมพร รัศมี อายุ 50 ปี ชาว สปป.ลาว บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจของชาวบ้านที่มาร่วมงาน โดยเฉพาะทางภรรยา และลูกสาว ของนายสมพร ที่สวมชุดครุย คณะวิยาการจัดการ เอกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มาร่วมพิธีฌาปนกิจผู้เป็นพ่อ ยืนกอดรูปร้องไห้เสียใจเป็นอย่างมาก

เนื่องจาก นางสาว วรรณภรณ์ สีสม อายุ 25 ปี เพิ่งเรียนจบและเตรียมเข้ารับใบปริญญาบัตรในวันที่ 21 สิงหาคม นี้ นอกจากนี้ทางนางสาววรรณภรณ์ เตรียมตัวเป็น ว่าที่เจ้าสาว เนื่องจากกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานในช่วงปลายปีนี้อีกด้วย แต่ทางนายสมพร ผู้เป็นพ่อนั้นมาเสียชีวิตอย่างกระทันหันไปเสียก่อน ยังไม่ทันเห็นลูกสาวได้ใส่ชุดครุย ทางนางสา ววรรณภรณ์ จึงสวมชุดครุยมาร่วมพิธีในครั้ง เพื่อให้พ่อใด้เห็นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะทำพิธีฌาปนกิจ

โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้สืบเนื่องจากทาง นายอธิบดี ภัทรกวิน อายุ 30 ปี ลูกเขยของนายสมพร ได้ร้องเรียนมายังสื่อมวลชน หลังจากนายสมพร นั้นมีอาการป่วยและไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในอำเภอสูงเนิน ทางโรงพยาบาล ปฏิเสธการรักษา ก่อนกลับมาที่บ้านอีกครั้ง

แต่เนื่องจากอาการไม่ดีขึ้น จึงได้ไปหาหมออีกครั้ง จนอาการทรุดลงทางโรงพยาบาลดังกล่าว จึงส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราชฯ แต่กว่าจะไปถึงอาการ นายสมพร ทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเสียชีวิตในเวลาต่อมา นายอธิบดี เล่าให้ฟังว่า นายสมพร ได้ไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. ของคืนวันที่ 21 ก.ค. ด้วยอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก โดยไปยังห้องฉุกเฉิน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อยู่ประมาณ 3-4 คน โดยในเบื้องต้นทางโรงพยาบาลไม่เชื่อว่า ทางนายสมพรนั้นมีอาการวิกฤตจริง ทางเจ้าหน้าที่เลยแจ้งว่า รพ. ช่วงเวลานี้รับเฉพาะกรณีที่ผู้ป่วยวิกฤตจริงเท่านั้น ตอนนี้มาทำไม ทำอะไรไม่ได้ พร้อมกับให้กลับบ้านและปฏิเสธการรักษาท่าเดียว

ซึ่งเวลานั้นทางครอบครัวได้ขอร้องให้ทางโรงพยาบาลรับนายสมพรเอาไว้ เพื่อนอนรอดูสังเกตุอาการแต่ทางโรงพยาบาลได้ทำการปฏิเสธ และไล่นายสมพร ลงจากเปลผู้ป่วยให้มานอนตรงที่นั่งพักรอคิว ในขณะนั้นทางนายสมพรนั้นอาการเริ่มทรุดหนัก สังเกตจากสีหน้าเพราะไม่สามารถนั่งได้แล้ว นอกจากนี้ทางโรงพยบาลได้มีการตำหนินายสมพร ว่า ทำไมถึงไม่ใส่หน้ากากอนามัยมา จึงให้แม่ยายของตนนั้น วิ่งออกไปซื้อหน้ากากอนามัยหน้าโรงพยาบาล เพื่อมาใส่ให้กับนายสมพร ก่อนที่จะให้กลับบ้านพร้อมจ่ายยาที่ดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวกับอาการป่วยของนายสมพร

ซึ่งยาที่ให้มานั้น มียาบรรเทาอาการโรคภูมิแพ้ ยาลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเกลือแร่ ซึ่งจากรับยาทางโรงพยาบาลก็ให้กลับไปบ้าน และบอกว่าให้มาใหม่ในช่วงเช้าวันที่ 22 ก.ค. แต่หลังจากกลับไปบ้านแล้ว นายสมพรอาการไม่ดีขึ้น พร้อมกับทรุดหนักลงกว่าเดิม โดยอาเจียนเป็นเลือด ซึ่งทางญาติจึงได้นำตัวนายสมพรไปยังโรงพยาบาลอีกครั้งตอนเวลา 06.00 น. กว่าจะได้รักษาก็เวลา 08.00 น.

ซึ่งหลังจากไปรอบที่ 2 ทางหมอและพยาบาลก็ได้ตรวจร่างกายและอีกหลายอย่างก่อนที่จะเห็นว่า อาการไม่ดีขึ้น เกินความสามารถในการรักษาของโรงพยาบาล จึงได้มีการส่งตัวไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลมหาราชฯ ซึ่งกว่าจะมาถึงและเข้ารับการรักษาก็เป็นเวลา 11.00 น. แล้ว ซึ่งขณะกำลังรักษาอยู่ที่ รพ.มหาราชฯ นั้น ทางแพทย์และพยาบาลก็ให้การรักษาอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายนายสมพร ได้เสียชีวิตในช่วงบ่ายของวันที่ 22 ก.ค.

ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนตั้งคำถามถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแห่งแรก เนื่องจากตนรู้สึกว่า การดูแลรักษาคนไข้นั้นไม่เต็มที่ และมารยาทก็ไม่ดี ทั้งเรื่องการให้นายสมพร พ่อตาของตน ลงจากเปลไปนอนอยู่ที่นั่งรอคิว รวมไปถึงการตำหนิเรื่องการใส่หน้ากากอนามัย ทำไมถึงต้องให้ทางแม่ยายของตนนั้นวิ่งออกไปหาซื้อหน้ากากอนามัย ทั้งที่ทางโรงพยาบาลน่าจะมีแค่ 1 ชิ้น ก็ให้ไม่ได้เลยเหรอ นายอธิบดี เล่าต่อว่า ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ทางตนและครอบครัวของแฟนได้มีการเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนไปยังสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้เข้าตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น

ซึ่งหลังจากร้องเรียนไปไม่นานทาง ผอ.โรงพยาบาลได้ติดต่อเข้ามาพูดคุย เพื่อหาทางเยียวยาต่างๆ แต่พฤติกรรมของทางโรงพยาบาลนั้นไม่ใช่ เนื่องจากในวันเผา 28 ก.ค. ทางโรงพยาบาลนั้นก็ไม่ได้ส่งตัวแทนมารวมไปถึงพวงหรีด เพื่อแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้ตนรู้สึกรับไม่ได้กับเรื่องนี้ และเตรียมที่จะดำเนินการให้ถึงที่สุด และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใครอีก

ด้านนางสาววรรณภรณ์ ลูกสาวของนายสมพร เล่าให้ฟังว่า ที่ตนใส่ชุดครุยมาในวันนี้ก็เพื่อต้องการให้พ่อเห็น เพราะพ่อนั้นยังไม่เคยเห็นตนใส่ชุดครุยสักครั้ง ซึ่งตนจะเข้ารับปริญญาในวันที่ 21 ส.ค. นี้ และจะเข้าพิธีแต่งงานในช่วงปลายปีนี้ แต่ทางพ่อนั้นไม่มีโอกาสได้เห็น แต่ต้องมาเสียชีวิตไปเสียก่อน

ซึ่งตนก็สงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ รพ.ดังกล่าว เพราะพ่อของตนไปรับการรักษาตอนตี 3 ทางเจ้าหน้าที่กลับปฏิเสธการรักษาพร้อมไล่กลับบ้าน ซึ่งถ้าหากในวันนั้นเจ้าหน้าที่รับพ่อของตนไว้รักษา อาจทำให้มีโอกาสรอดชีวิต ถึงแม้จะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนอยากให้ทางรพ. ออกมาชี้แจงรายละเอียดว่า เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงไม่รับพ่อของตนไว้รักษาตั้งแต่แรก ซึ่งทางแม่ของตนและพี่ชายก็พยายามบอกให้ทางโรงพยาบาลรับตัวพ่อเอาไว้ เพื่อดูอาการ เพราะอาการพ่อของตนนั้นไม่ดี แต่ทางโรงพยาบาลกลับปฏิเสธพร้อมกลับให้ไปรักษาตัวที่บ้าน จนกระทั่งอาการพ่อของตนนั้นทรุดหนัก ส่งไปรักษาตัวที่ รพ.มหาราช ก็สายเกินไปจนพ่อของตนนั้นเสียชีวิตในที่สุด

โหด! หนุ่มแค้น 2 ปี ถูกตบหน้า บุกจ่อยิง บังแอ ร่วงดับคาโต๊ะร้านก๋วยเตี๋ยว

เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 29 ก.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง ได้รับแจ้งเหตุยิงกันมีคนเสียชีวิต ที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่ง ม.14 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้ง จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุบริเวณกลางซอยเทพกุญชร 42 (ซอยแมนฮัตตัน) หน้าอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น บริเวณโต๊ะหินอ่อน เจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิตชื่อ นายสุรัตน์ หรือ บังแอ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี สภาพนั่งอยู่โต๊ะหินอ่อน ศีรษะฟุบหน้าคว่ำกับพื้น ซึ่งบนโต๊ะมีจานข้าววางอยู่ 2 ใบ หม้อร้อนใส่ต้ม 1 ใบ ขวดน้ำอัดลม 2 ขวด แก้ว 2 ใบ มีคราบเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก พบถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณปลายคาง 1 นัด

จากการสอบถาม นายดงเย็น (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 52ปี กล่าวว่า ตนเดินมาหาผู้เสียชีวิต ซึ่งขณะนั้นนั่งกันอยู่ 3 คน ตนนั่งแป๊บเดียวไม่น่าเกิน 10 นาที ซึ่งตนรู้จักก็เลยเดินมาหา ตนรู้จักคนก่อเหตุเหตุชื่อเล่นว่า ป้อม และเขาเคยมีเรื่องกันมาก่อน

ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้เสียชีวิตไปตบผู้ก่อเหตุน่าจะ 2 – 3 ปีแล้วที่มีเรื่องกันน่าจะเรื่องของผู้หญิง ตนมานั่งคุยแต่ไม่ได้กินอาหาร ซึ่งคนก่อเหตุขับรถชอปเปอร์สีแดงมาดู และก็เข้ามาทักตน จากนั้นคนก่อเหตุก็ได้ไปสั่งข้าว แต่ทางร้านบอกว่าข้าวหมด คนก่อเหตุเลยบอกว่า เดี๋ยวไปซื้อที่อื่น จากนั้นนายป้อมก็ขับรถออกไปและก็ขับกลับมาอีกครั้ง จากนั้นเดินเข้าถาม แอมึงทำกูทำไม ก่อนลั่นไกปืนจ่อยิงเลย ตนยังตกใจอยู่เลย ซึ่งห่างไม่เกิน 1 เมตร ตนก็นึกว่าเขามาแค่ขู่

ทางด้าน นายวิชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี กล่าวว่า ตอนนั้นนั่งอยู่กัน 3 คน ก่อนหน้านี้คนที่ยิงมาซื้อข้าวและที่ร้านข้าวร้านข้าวหมด คนยิงก็ขับรถออกไป สักพักหนึ่งเขาก็กลับเข้ามาใหม่ จอดรถไว้หน้าร้าน จากนั้นก็เดินเข้ามาและถามผู้เสียชีวิตว่า แอมึงทำกูทำไม แล้วเอาปืนยิงใส่ ซึ่งผู้เสียชีวิตมีปากเสียงกันหรือเปล่าตนไม่รู้ แต่ตนรู้จักกับผู้เสียชีวิต ซึ่งตนเริ่มสั่งข้าวรออาหาร 20 นาที ส่วนคนยิงนั้นมา 2 รอบ โดยรอบแรกเขาขับรถชอปเปอร์

ขณะที่ นายวัชระพล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุตนไม่อยู่ มีเพื่อนโทรบอกว่า บังแอถูกยิง จึงได้มาดู ส่วนสาเหตุคิดว่าน่าจะเมื่อ 2 ปีที่แล้ว คนก่อเหตุชื่อ ป้อม ไปว่าแฟนของผู้เสียชีวิตและผู้เสียชีวิตก็เลยตบผู้ก่อเหตุไป 1 ที จากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ซึ่งผู้เสียชีวิตมีอาชีพเลี้ยงไก่ชนอยู่ที่บ้าน ส่วนคนชื่อป้อมบ้านอยู่ปากซอย

ส่วน ร.ต.ท.วรัญชัย หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุและบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานแล้วก่อนให้ทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำศพผู้เสียชีวิตส่งนิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ เพื่อตรวจสอบอีกครั้ง ส่วนผู้ก่อเหตุขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.คลองหลวง ไปตรวจสอบกล้องวงปิดเส้นทางหลบหนีเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป

Popular Posts

My Favorites

โตโน่ ภาคิน ปลื้มละครคู่ ณิชา ไปฉายต่างประเทศ – เผยจุดยืนรับงานไม่ถนัดขายจิ้น

0
นักแสดงหนุ่ม โตโน่ ภาคิน มารับรางวัล รางวัล “เอ๊ะ? Awards by TK Park” ในงาน Learning Fest Bangkok 2024 ภายหลังรับรางวัลเสร็จ เจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์พูดถึงผลงานละครเรื่อง พระจันทร์แดง และ ดวงใจในมนตรา ที่เล่นคู่กับแฟนสาว ณิชา ณัฏฐณิชา ไปฉายที่ประเทศอินโดนีเซีย ละครได้ไปฉายที่ต่างประเทศ?...