ข่าวด่วน

Home ข่าวด่วน
Featured posts

เครียดหนัก เงินหายจากบัญชี 5.3 แสน ถึงขั้นกินน้ำยาล้างจาน ธนาคารปัดไปมาพิสูจน์ไม่ได้

วันที่ 31 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงานว่า น.ส.เบญจวรรณ สุพะนาม อายุ 35 ปี อยู่เลขที่ 2 หมู่ 5 บ้านโคกกลาง ต.เมืองฝาง จ.บุรีรัมย์ ร้องผ่านสื่อว่า เงินหายจากบัญชีธนาคารไป 530,000 บาทแต่ธนาคารอ้างว่าเราเป็นคนทำธุรกรรมเอง ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นจริง และอยากให้ผู้รู้มาชี้แนะหาทางออกเพราะเกิดอาการเครียด

น.ส.เบญจวรรณ เล่าว่าสามีไปทำงานอยู่ประเทศเกาหลี เมื่อประมาณ 6 ปีที่ผ่านมา ตอนแรกๆจะส่งมาให้ทางบ้านใช้จ่ายเดือนละประมาณ 40,000 บาท เข้าธนาคารกรุงเทพ ของแม่ ผ่านไปประมาณ 2 ปี สามีบอกว่าเงินจะเอาเข้าบัญชีของตนซึ่งมีบัญชีธนาคารกรุงไทยอยู่แล้วเพื่อเก็บไว้สร้างบ้าน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเงินที่สามีส่งมาจะเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย

ซึ่งสามีได้ส่งเงินมาเพิ่มเรื่อยๆจนกระทั่งเป็นเดือนละ 80,000 บาท และทุกครั้งที่เงินเข้าบัญชี หลังหักค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว ทั้งค่าไฟ ค่าน้ำ และค่าส่งงวดรถเดือนละ 22,000 บาท ตนจะโอนผ่านแอป เข้าธนาคารธนชาติของตนอีกบัญชีหนึ่ง เพราะอยากจะเก็บไว้เป็นบัญชีเอกเทศเอาไว้สร้างบ้านตามที่สามีบอกมา ซึ่งล่าสุดมีเงินฝากบัญชีธนาคารธนาชาติ 560,000 บาท

ล่าสุดน้าสาวมาขอยืมเงิน 200,000 สอบถามสามีแล้วบอกว่าให้ได้ วันที่ 21 ก.ค.ตนกับน้าสาวเดินทางไปเบิกเงินที่ธนาคารธนชาติ ถึงธนาคารเอาสมุดบัญชีไปปรับพบว่าเงินในบัญชีเหลือเพียง 30,000 บาทเท่านั้น

จึงไปสอบถามเจ้าหน้าที่ ได้รับคำตอบว่าเป็นรายการโอนจากแอปของเราเองไปยังธนาคารเดิมคือธนาคารกรุงไทย ตนได้ยืนยันกับธนาคารว่า”ฉันไม่ได้โอน”ธนาคารตอบกลับมาอีกว่าถ้าตนไม่ได้โอนจะต้องเป็นคนในบ้านเป็นคนโอน ตนก็แจ้งไปอีกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะที่บ้านอยู่กับพ่ออายุ 59 แม่อายุ 53 อาชีพทำนาทุกครั้งหากพ่อหรือแม่ จะโอนตนต้องเป็นคนโอน เพราะพ่อ-แม่ทำไม่เป็น ส่วนลูก 7 ขวบกับ 4 ขวบยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะทำธุรกรรมได้

เจ้าหน้าที่ธนาคารธนชาติ ยังบอกอีกว่าถ้าคิดจะไปแจ้งความให้ไปปรึกษากันดีๆก่อน เพราะเข้าข่าย แจ้งความเท็จ มีโทษจำคุกตนกับน้าสาวจึงกลับบ้านเพื่อมาปรึกษากับครอบครัว ซึ่งพ่อแม่ยืนยันเช่นเดียวกันว่า ไม่เคยโอนไม่รู้เรื่องการโอน

วันที่ 22 ก.ค.จึงเดินทางไปขอ Statement กับธนาคารธนาชาติและธนาคารกรุงไทย ปรากฏว่าเงินที่ตนโอนเข้าธนาคารธนชาติ ถูกโอนกลับมายังธนาคารกรุงไทยจริง แต่ที่ตนงงที่สุดคือ เงินจากธนาคารกรุงไทย ถูกโอนผ่านแอป ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาครั้งละ 10,000-20,000 บาท บางครั้ง 30,000 บาท ไปยังบัญชีประเทศจีนและประเทศเวียดนามเป็นเงินกว่า 530,000 บาท

ด้วยความมั่นใจจึงเดินทางไปแจ้งความกับตำราวจที่ สภ.หนองสองห้อง ตำรวจตรวจสอบโทรศัพท์พบว่าเป็นการโอนจากแอปของเราเอง พูดเหมือนเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าไปปรึกษากันก่อนไหม ยังไม่กล้ารับแจ้งความเพราะหากผิดพลาดมาเรามีคดีแน่

น.ส.เบญจวรรณ เล่าอีกว่า ตอนนี้งงไปหมดตนจะรู้จักบัญชีต่างประเทศได้อย่างไร เพราะไม่เคยรู้จักหรือสั่งสินค้ากับคนต่างประเทศ กลับมาถึงบ้านนั่งคิดนอนคิดก็ไม่ออกว่าตนไปทำอะไรที่ไหนอย่างไร เพราะสติตนเป็นปกติไม่เคยเล่นการพนัน

วันนั้นพอกลับบ้านนอนไม่หลับ เวลาประมาณ 22.45 น.ได้มีโทรศัพท์เบอร์แปลกโทรเข้ามา บอกว่าเงินที่หายไปจากธนาคารธนชาติไปนั้น อย่าพึ่งตกใจนะมันเป็นความผิดของทางธนาคาร เดี๋ยวทางธนาคารจะตรวจเส้นทางการเงินของน้อง วันพรุ่งนี้เวลาประมาณ 10.00-11.00 น.วันถัดไปธนาคารจะโอนเงินเข้าบัญชีคืน ตอนนั้นรู้สึกโล่งอก ตอนหลับสนิท

พอวันถัดมา(23 ก.ค.)นั่งรอนอนรอข้อความเงินเข้าแต่ไม่มีจนถึงบ่าย จึงเดินทางไปหาธนาคารอีก ธนาคารบอกว่าเหมือนเดิมคือไม่มีเงินเข้าออกแต่อย่างใด ทำให้ต้องคอตกกลับบ้านอีก

ตอนนี้ตนเครียดมากอยากจะให้ธนาคารตรวจเช็คให้ละเอียดอีกครั้ง หรือหน่วยงานใดมาให้ความรู้หาแนวทางช่วยเหลือตนเองด้วย ปกติเงินที่โอนออกโอนเข้าผ่านทางแอปของตน จะมีข้อความเข้ามา แต่ทำไมเวลาโอนไปต่างประเทศเราไม่รู้

น.ส.เบญจวรรณ บอกด้วยว่า ที่ผ่านมายอมรับว่าเครียดถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย กินน้ำยาล้างจานเข้าไป นอนอยู่ที่โรงพยาบาล 1 คืน เพราะเครียดไม่รู้จะไปพึ่งใครได้ ทุกหน่วยงานดูหลักฐานแล้วบอกว่าเป็นเพราะเราเองซึ่ง มันเป็นไปไม่ได้

เกิดเหตุ ขบวนรถตำรวจชนกันหลายคัน ผู้บาดเจ็บเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 21 นาย

เมื่อวันที่ 30 ก.ค.2567 ศูนย์วิทยร่วมกตัญญูจังหวัดปทุมธานี ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนกันหลายคัน บริเวณตรงข้ามโลตัส สาขานวนคร ถนนพหลโยธินขาเข้า ช่องทางด่วน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึง ประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าตรวจสอบ ที่เกิดเหตุ พบรถตู้ตำรวจ และรถยนต์ตำรวจ ชนท้ายกันหลายได้รับความเสียหาย หน้ารถพังยับเยิน มี ผู้บาดเจ็บเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 21 นาย บาดเจ็บตามร่างกาย กู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลการุญเวชนวนคร

เบื้องต้นมีรายงานว่า ขบวนรถตำรวจทั้งหมด เป็นตัวแทนตำรวจภูธรจังหวัดสิงห์บุรีเดินทางมาประกวดการฝึก ที่ บช.ภ.1 ก่อนจะมาประสบอุบัติเหตุ โดยรถตู้ตำรวจและรถกระบะตำรวจได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 9 คัน ขบวนรถตำรวจขับต่อแถวจะมาประกวดการฝึกที่กรุงเทพฯ เสียหลักชนกัน 9 คันเจ็บ 21 รายถนนพหลโยธินขาเข้า

ประกันสังคมยืนยันแล้ว จ่ายเงินบำนาญตลอดชีพ ตอนอายุ 55 ปี

จากกรณีที่ก่อนหน้านี้มีข่าวสารสำคัญเกี่ยวกับสำนักงานประกันสังคมจ่ายเงินบำนาญชราภาพตลอดชีพ ให้แก่ผู้ประกันตนกองทุนประสังคมเมื่ออายุครบ 55 ปี ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

ผู้ประกันตนที่มีอายุ 55 ปี มีสิทธิรับเงินชราภาพรายเดือนตลอดชีวิต โดยมีหลักเกณฑ์การจ่ายเงินบำนาญชราภาพสำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ดังนี้

1. กรณีผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือน เมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง จะได้รับเงินบำนาญชราภาพเป็นรายเดือนตลอดชีวิต ในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย

2. กรณีผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมากกว่า 180 เดือน จะได้รับเงินบำนาญชราภาพในอัตราร้อยละ 20 และปรับเพิ่มขึ้นอีกในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบครบทุก 12 เดือน

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานประกันสังคม สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.sso.go.th หรือหากมีข้อสงสัยต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขาทุกแห่ง หรือที่สายด่วน 1506

ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม

เด็ก 4 ขวบไม่รู้ พ่อเสียชีวิตแล้ว ระหว่างมาเซอร์ไพรส์วันเกิด

จากกรณีเรื่องราวสะเทือนใจของครอบครัวนายสัญญา อายุ 31 ปี พ่อเลี้ยงเดี่ยวชาว ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม ที่ดูแลลูกลำพังตั้งแต่แรกคลอด ในวันเกิดอายุครบ 4 ขวบของลูกชาย นายสัญญาซื้อของเล่นเป็นรถตักจำลอง แล้วขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าสายฝนจะเอาไปเซอร์ไพรส์ลูกที่รักษาตัวจากการป่วยไข้หวัดใหญ่อยู่ที่โรงพยาบาลอำเภอศรีสงคราม

แต่ของเล่นกลับไปไม่ถึงมือลูกน้อย เมื่อนายสัญญาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตระหว่างการเดินทาง หลังจากทราบเรื่องราว เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้าช่วยเหลือได้นำเอาของเล่นที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งเค้กวันเกิดปักเทียนเลข 4 ไปเซอร์ไพรส์เด็กน้อย โดยที่ยังไม่มีใครกล้าบอกว่าคุณพ่อเสียชีวิตแล้ว

นางอลิษา อายุ 52 ปี ป้าของนายสัญญา เล่าทั้งน้ำตาว่า นายสัญญาเป็นหลานชาย ทั้งพ่อและแม่ของนายสัญญาต่างก็เสียชีวิตหมดแล้ว ส่วนนายสัญญาเคยแต่งงานมีภรรยา หลังภรรยาคลอดลูกไม่ถึงเดือนก็หย่าร้างกัน ตอนนั้นนายสัญญาอุ้มน้องน้ำ ลูกชายวัยแบเบาะมาหาตน พร้อมกับร้องไห้ฟูมฟาย บอกกับตนว่าช่วยเลี้ยงลูกชายคนนี้ให้ด้วย เพราะกังวลว่าตัวเองเป็นผู้ชายคงเลี้ยงดูได้ไม่ดีแน่ ตนจึงรับเลี้ยงน้องน้ำตั้งแต่นั้นมา ส่วนนายสัญญาต้องไปทำงานรับจ้างหารายได้

ก่อนเกิดเหตุสลด น้องน้ำป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์และพยาบาลอย่างใกล้ชิดที่โรงพยาบาลอำเภอศรีสงคราม ตนกับหลานชายจึงมีการผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าดูแล

วันที่เกิดเหตุตนได้โทรบอกหลานให้มาเปลี่ยนเวรดูแลน้องน้ำ ตอนนั้นฝนตกอยู่ ตนก็เตือนว่าให้รอฝนซาก่อนค่อยออกมาเปลี่ยนเวรกัน ไม่คิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุรับวันเกิดลูกชาย ตนทราบข่าวเพราะมีญาติโทรมาบอกให้ไปดูหน่อยว่าเป็นรถของนายสัญญาหรือไม่ ขณะนั้นในใจภาวนาว่าถ้าเป็นหลานชาย ขอให้ปลอดภัย

พอไปถึงที่เกิดเหตุ ตนเห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยคลุมผ้าขาวแล้ว จึงขอดูหน้าผู้เสียชีวิต ปรากฏว่าเป็นหลานชายตนจริง ถึงกับช็อคปล่อยโฮทันที ยิ่งตรวจดูที่กระเป๋าสะพายพบรถของเล่นแบคโฮ ที่ตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์ลูกชายในวันเกิดที่ 29 กรกฎาคมนี้ ทำให้ตนแทบเป็นลมเพราะของขวัญวันเกิดไปไม่ถึงมือลูกชายเขา มาถึงตอนนี้ ยังไม่กล้าบอกหลานชาย และร่วมอวยพรจัดวันเกิดให้ โดยไม่กล้าบอกว่าพ่อเสียแล้ว

นับถือใจคนพม่าจริง ๆ เปิดเหตุผลทำไมคนพม่า ทะลักวัดพระแก้ว

วันที่ 29 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้มีไวรัลที่ทำคนไทยหลายคนตื่นตาสุดๆ หลังผู้ใช้ tiktok รายหนึ่ง ได้ถ่ายภาพบรรยากาศที่มีคนไปต่อคิวเข้าวัดพระแก้วกันเป็นจำนวนมาก แม้ว่าในตอนนั้น บรรยากาศดูครึ้มเหมือนฝนจะตก แต่ทุกคนก็ยืนสู้ไม่ถอย จะเห็นได้ว่าคนที่มายืนต่อกันนั้น ส่วนใหญ่เป็นคนเมียนมา หรือ คนพม่า ที่มาต่อคิวจนล้นทะลักจากฝั่งหน้าวัดพระแก้ว

ภาพจาก Tiktok thehammer1453

ภาพจาก Tiktok thehammer1453

สำหรับเบื้องหลังของปรากฏการณ์ คนพม่าทะลักวัดพระแก้วดังกล่าวนั้น เนื่องจากคนพม่าเป็นคนที่ชอบทำบุญมาก ๆ และการเข้าวัดพระแก้ว หากไม่ใช่คนไทย มีบัตรประชาชนไทย จะต้องเสียค่าใช้จ่าย 500 บาท แต่ระหว่างวันที่ 27-30 กรกฎาคม 2567 ทางสำนักพระราชวัง เปิดให้เข้าวัดพระแก้วฟรีตลอดทั้งวัน และเปิดให้เข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามได้ แต่งดเข้าชมพระอุโบสถ ตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น. และเข้ากราบถวาบบังคมพระบรมรนูป สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชในปราสาทพระเทพบิดร ได้ตั้งแต่ 08.00-12.00 น. นั่นจึงเป็นเหตุให้เห็นคนพม่าเข้าวัดกันล้นหลาม สู้ต่อคิวแบบไม่มีถอย

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊ก Radio Taiwan International เคยเผยผลสำรวจว่า คนพม่าเป็นประเทศที่มีการทำบุญเยอะที่สุดในโลก ประชากรพม่า 10 คน ชอบทำบุญ 9 คน จัดเป็นประเทศอันดับ 1 ที่มีการทำบุญมากที่สุด และการที่ชาวเมียนมาและคนไทย ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง มีสัดส่วนผู้บริจาคช่วยเหลือการกุศลกว่าร้อยละ 87 ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ใกล้กันนั้น เพราะประชาชนนับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท มีธรรมเนียมปฏิบัติในเรื่องการทำบุญตักบาตรให้พระสงฆ์เป็นประจำ

“เสี่ยโป้” ถูกลอบฆ่าในคุกบางขวาง ทนายเตรียมร้องรัฐมนตรี ผวามีใบสั่ง ญาติหวั่นตายคาคุก

วันที่ 30 ก.ค.2567 มีรายงานว่า วันพรุ่งนี้ 31 ก.ค. 2567 เวลา 10.00 น. ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ เสี่ยโป้ หรือ นายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ จะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียน ถึง พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้ตรวจสอบเรือนจําบางขวาง หลังจากที่เรือนจําบางขวางเลือกปฏิบัติต่อนักโทษที่ถูกคุมขังในระหว่างพิจารณาคดีเสมือนเป็นนักโทษเด็ดขาด อันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง

เนื่องจาก นายเสี่ยโป้ ได้ถูกนักโทษเด็ดขาดลอบฆ่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมาหลายครั้ง ขณะถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำบางขวาง โดย ถูกเหล็กเส้นยาว ไล่แทง โดยเหล็กเส้นนี้อยู่ในห้องเก็บอุปกรณ์ จึงไม่ทราบว่า นักโทษนำออกมาได้อย่างไร มีการตั้งข้อสันนิฐานว่า ไม่รู้ว่ามีใบสั่งจากผู้มีอิทธิพลหรือไม่ ครอบครัวเกรงว่าจะตายคาคุก จึงเดินทางมาร้องเรียน

สำหรับ เสี่ยโป้ ถูกคุมตัวเข้าเรือนจำตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.64 ในความผิดฐานชักชวนเล่นพนันออนไลน์และฟอกเงิน โดยถูกคุมตัวที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อมาได้ย้ายมาที่เรือนจำบางขวาง หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 65 ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 50 ปี ในความผิดฐานชักชวนเล่นพนันออนไลน์และฟอกเงิน วงเงิน 1.7 พันล้าน

ทะเบียนบ้านไม่ตรง อยากใช้เงินดิจิทัล 10,000 ต้องทำตามนี้ด่วนเลย

โครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท (Digital Wallet) โดยประชาชนกลุ่มที่มีสมาร์ทโฟน ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น “ทางรัฐ” ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม-15 กันยายนนี้

ทำให้ยอดการสมัครเข้าใช้งานแอพพ์ทางรัฐ ของประชาชน เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากเดิม (ก่อนวันที่ 24 กรกฎาคม 2567) มีจำนวนการใช้งานเฉลี่ยวันละ 50,000-60,000 ครั้ง ขณะที่ปัจจุบัน (ภายหลังวันที่ 24 กรกฎาคม 2567) พบว่ามีจำนวนการสมัครเข้าใช้งานเฉลี่ยถึงวันละ 800,000-900,000 ครั้ง ซึ่งมากกว่ายอดการสมัครใช้เดิมกว่า 10 เท่า

โดยโครงการดังกล่าว มีเงื่อนไขการใช้จ่ายหลักๆผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท คือ ใช้จ่าย ระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็ก รวมถึงร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก ซื้อสินค้าจากร้านค้าในอำเภอเดียวกันกับชื่อที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ซื้อขายแบบพบหน้า

ซึ่งมีการตรวจสอบ 3 ข้อ

1.ที่อยู่ของร้านค้าตามที่ลงทะเบียนโครงการฯ ข่าวเด่นวันนี้

2.ที่อยู่ของประชาชนตามทะเบียนบ้านในขณะที่ ลงทะเบียนโครงการฯ

3.พิกัดที่อยู่ของประชาชนในขณะที่ใช้จ่ายกับร้านค้าต้องอยู่ในเขตอำเภอเดียวกัน

แต่สำหรับใครที่เจอปัญหา “ที่อยู่ในทะเบียนบ้านกับที่อยู่จริงๆ ปัจจุบัน คนละที่กัน” นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒนต์ รมช.คลัง ระบุว่าประชาชนสามารถย้ายที่อยู่ในทะเบียนบ้านได้ เพื่อให้สามารถใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ตได้สะดวก ตามเงื่อนไขจะเปิดให้ไปย้ายทะเบียนบ้าน ที่อำเภอ

หรือสำนักงานเขตก่อน ที่จะเริ่มลงทะเบียนสมัครดิจิทัลวอลเล็ต 1 วัน เช่นหากลงทะเบียนทะเบียนวันที่ 1 ก.ย. 67 ก็ต้องย้ายทะเบียนบ้านให้เสร็จก่อนวันที่ 31 ส.ค. 67 ซึ่งสมัยนี้การย้ายทะเบียนบ้านก็ทำได้ง่าย โดยสามารถย้ายปลายทางได้เลย.

ด่วน!! พบชายคลั่งถือมีด 2 เล่ม ไล่ฟันคนอื่น ใครอยู่ในพื้นที่ระวัง

30 ก.ค. 2567 จากกรณี เฟซบุ๊กเพจ Nakorn 45 อัญวุฒิ โพธิ์อำไพ โพสต์ข้อความ ว่า “วิ่งกันกระเจิง.!! กู้ภัยเข้าช่วยเหลือรับผู้ป่วยจากสายด่วนถึงจุดเกิดเหตุผู้ป่วยจากดีๆไปเอามีD2เล่มไล่ฟันในพื้นที่ประเวศ”

เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่อยู่ในพื้นที่ ทราบว่า ได้ รับแจ้งจากแม่ผู้ก่อเหตุว่าจะต้องไปรับลูกชายเพื่อไปส่งที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงบ้านแล้วก็พูดคุยกับลูกชายได้ตามปกติ แต่เมื่อกำลังจะขึ้นรถ ลูกชายกลับมีอาการคลุ้มคลั่ง วิ่งคว้ามีดทำครัวมา 2 เล่ม วิ่งเข้าหาเจ้าที่กู้ภัยที่กำลังจะพาไปส่งโรงพยาบาล ทำให้เจ้าหน้าที่แตกตื่นรีบวิ่งออกมา ก่อนที่จะประสานกับตำรวจสน. ประเวศ ให้เข้ามาระงับเหตุ

ล่าสุด เมื่อเวลา 13.37 น. มีรายงาน ว่าประชาชนถูกแทงได้รับบาดเจ็บ 1 ราย

แต่ชายคนก่อเหตุมีอาการคลุ้มคลั่งหนักมาก ถือมีดแกว่งไปแกว่งมา ก่อนจะวิ่งฝ่าตำรวจ แล้ว ข้ามถนนใหญ่ไปหลายเลน เบื้องต้นตอนนี้ยังไม่สามารถควบคุมชายคนก่อเหตุได้ แต่ตำรวจเป็นห่วงเกรงว่าจะไปทำร้ายประชาชนที่อยู่รอบข้าง จึงได้ขับรถตามล่า

เศร้า! ชายวัย 66 ป่วยรุมเร้าหลายโรค แต่ยังต้องออกเรือหาเลี้ยงชีพ เพราะครอบครัวไม่มีรายได้ สุดท้ายวูบเสียชีวิตในน้ำ

เมื่อเวลา 07:30 น. วันที่ 30 ก.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ขลุง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีผู้จมน้ำเสียชีวิตอยู่ในคลองขลุง สาเหตุคาดว่าตกน้ำ ภายในคลองขลุงริมป่าชายเลน ตรงข้ามกับร้านอาหารฟาร์มปูนิ่ม ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี

หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ต้องนั่งเรือออกไปห่างฝั่งประมาณ 300 เมตร ก่อนจะพบศพอยู่ภายในคอกเลี้ยงหอยนางรมของชาวบ้าน ใกล้เคียงกับป่าชายเลน เป็นพื้นที่เขต หมู่ 10 ต.เกวียนหัก อ.ขลุง สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อกันฝนสีม่วง ด้านในสวมเสื้อ กางเกงขาสั้น มือข้างซ้ายกำเชือกของคอกเลี้ยงหอยไว้แน่น ผู้เสียชีวิต เป็นชาย อายุ 66 ปี ประวัติมีโรคประจำตัวหลายโรค ทั้งเบาหวาน ความดัน เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาได้ประมาณ 3 วัน

ทางด้าน ลูกสาวผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลว่า เคยไปพบพ่อนอนหมดสติเนื่องจากเป็นลม จากอาการโรคเบาหวาน มาครั้งหนึ่งแล้ว ส่วนสาเหตุที่ผู้เสียชีวิต ต้องออกเรือนั้น เนื่องจากครอบครัวไม่มีรายได้จากทางอื่น ตัวพ่อเองป่วยอยู่ ก็กลัวจะไม่มีเงินซื้อกับข้าวกิน จึงต้องกัดฟันทั้งที่ร่างกายไม่แข็งแรง ขับเรือออกไปวางรอบดักปู เพื่อนำมาขายเลี้ยงชีพ

โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ลูกเขยของผู้เสียชีวิต ได้รับโทรศัพท์จากภรรยาว่า พ่อหายไปตั้งแต่เมื่อคืนจนเช้านี้ยังไม่กลับเข้าบ้านเลย ให้ช่วยขับเรือออกตามหน่อย จนกระทั่งมาพบว่า เรือลอยอยู่ริมฝั่งติดกับคอกเลี้ยงหอยนางรมของชาวบ้าน จึงหาบริเวณใกล้เคียงจนพบร่างพ่อตานอนเสียชีวิต อยู่ในคอกหอยนางรม จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบดังกล่าว

ย้อนคำพูดผู้บริหาร ซีเอ็ด ที่คนแชร์นับหมื่นครั้ง หลังเด็กมานั่งเกะกะในร้านหนังสือ โลกต้องการคนอย่างนี้

กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ หลังจากได้มีผู้ใช้บัญชี TikTok ของนักเรียนกลุ่มหนึ่ง ที่คาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงประถมศึกษา-มัธยมต้น ที่พากันไปนั่งในร้านหนังสือชื่อดัง มีการเอาอาหารเข้ามากินในร้าน นั่งตรงพื้นทางเดิน และมีน้องคนหนึ่งที่ยกเค้กมาเซอร์ไพร์สเพื่อน จนสร้างเสียงวิพากย์วิจารณ์ต่าง ๆ นานา ว่าการทำแบบนี้ไม่เหมาะสมกับพื้นที่ตรงนั้นที่มีแต่กระดาษ หากเกิดไฟไหม้ขึ้นมา มันไม่ใช่การแค่สูญเสียทรัพย์สิน แต่อาจจะหมายรวมถึงชีวิตคนอื่นรวมถึงตัวน้อง ๆ เองด้วย

นอกจากนี้ เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นยังได้ลามไปที่ประเด็นที่ว่า ปกติในร้านหนังสือ มักจะมีเด็ก ๆ ที่เลิกเรียน ที่ต้องมารอผู้ปกครอง หรือเด็ก ๆ ที่มารอเพื่อน ใช้ร้านหนังสือเป็นสถานที่นัดพบ บางคนมาหยิบหนังสือในร้านเปิดทำการบ้าน บางคนมานั่งอ่านหนังสือฟรี ๆ จนคนในร้านจะเดินก็ลำบาก ต้องคอยหลบเลี่ยงเด็ก ๆ บางคนเลือกไม่ไปซื้อหนังสือในบางชั้น เพราะเห็นเด็ก ๆ นั่งรอกันอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้บรรยากาศในร้านดูวุ่นวาย คนซื้อไม่ได้อ่าน คนอ่านไม่ได้ซื้อ

แต่อย่างไรก็ตาม นั่นจึงทำให้เกิดการหยิบยกบทสัมภาษณ์ของคุณ เกษมสันต์ วีระกุล นักวิชาการอิสระ และผู้บริหารซีเอ็ด ที่เคยให้สัมภาษณ์กับ The Momentum เมื่อ 5 ปีก่อน โดยที่ส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ คุณเกษมสันต์ได้พูดถึงร้านหนังสือซีเอ็ดในสาขา จ.ปัตตานี ที่ต้องปิดไปเพราะร้านไม่มีคนเข้า ไม่มี Traffic และหมดสัญญากับทางเจ้าของพื้นที่ แต่ถ้าที่ไหนสู้เราก็พร้อมที่จะสู้ ที่ไหนมีที่ทางดี ๆ ก้บอกได้เลย

ความฝันของตน คือ อยากจะเปิดร้านหนังสือที่เป็นแลนด์มาร์ก ให้คนมายืนถ่ายรูป อ่านหนังสือได้ฟรี ร้านซีเอ็ดเองตอนโรงเรียนเลิกก็มีเด็ก ๆ เข้าร้านเป็นจำนวนมาก เรามีชั้นวางกระเป๋าให้วาง ก็ไม่พอ ต้องไปวางตรงพื้น ที่ร้านมีแต่เด็ก ๆ นั่งอ่านหนังสือกันตรงพื้น ซึ่งเราก็ไม่ได้หวังว่า เด็กจะต้องมาซื้อหนังสือ ขอแค่มาอ่านเถอะ บางคนอีเมลมาบอกว่า รำคาญมากที่จะไปซื้อหนังสือก็ซื้อไม่ได้

มีแต่เด็กมานั่งเต็มพื้นที่ของร้าน ตนก็ได้แต่ขอโทษ เพราะปรัชญาของร้านคืออยากให้คนเข้ามาอ่านหนังสือ เราไม่มีเงินพอจะจัดสรรโต๊ะและเก้าอี้ให้ได้ อยากจะขอความเห็นใจว่า ถ้าจะมาซื้อหนังสือ ให้เลี่ยงมาในชั่วโมงนั้น ถ้าเด็กมาอ่านหนังสือแล้วมาไล่ คงจะใจร้ายไปหน่อย และขัดกับปรัชญาของเรา เราอยากเห็นเด็กอ่านหนังสือ ซื้อหรือไม่ก็เรื่องของเด็ก และต้องขอโทษผู้ใหญ่มา ณ ที่นี้

งานนี้ได้มีคนหยิบยกบทสัมภาษณ์นี้ไปแชร์ต่อกันจำนวนมาก หลายคนได้ร่วมเผยถึงประสบการณ์ ยกให้ร้านซีเอ็ดเป็นบ้านหลังที่สอง จริงอยู่ที่เข้าร้านแล้วไม่ซื้อ แต่ช่วยปลูกฝังนิสัยรักการอ่านมาตั้งแต่นั้น แม้หนังสือในร้านจะแพง บางเล่มราคาหลายร้อย เด็กจ่ายไม่ไหว แต่การที่ซีเอ็ดเปิดพื้นที่ให้เด็กเข้าถึงหนังสือที่ซื้อไม่ได้ หรือเป็นเซฟโซนระหว่างที่เด็กรอผู้ปกครองมารับ ก็สร้างความทรงจำดี ๆ ให้เด็กหลายคนมานักต่อนัก และทำให้ซีเอ็ดกลายเป็นร้านหนังสือในใจเสมอ

Popular Posts

My Favorites

โทรหมื่นสาย/วัน เบื้องหลังโฉ่ พ.ต.ท. แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สะเทือนถึงรัฐบาล

0
เจาะเบื้องหลัง รวบ พ.ต.ท. เชียงใหม่ โยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จ่อให้ออกจากราชการไว้ก่อน ชี้ หลักฐาน SIM BOX 12 เครื่อง ใช้โทรวันละเป็นหมื่นสาย เร่งตรวจสอบชายแดน...   มุกประจำของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในการข่มขู่ และหลอกลวงประชาชน คือการอ้างตัว เป็น “ตำรวจ” หรือ หน่วยงานด้านการสืบสวน จับกุมในการทำผิดกฎหมายทางใดก็ทางหนึ่ง แต่กับข่าวล่าสุด เมื่อเร็วๆ...