วันที่ 20 ก.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุชายเมายาเสพติดบุกบ้านพยายามขืนใจหญิงขณะนอนอยู่ในมุ้งกับลูกสาวภายใบ้านพัก ผู้เป็นแม่ต่อสู้ร้องขอความช่วยเหลือจนลูกชายและชาวบ้านพากันมาช่วยจับคนร้ายไว้ได้ ก่อนถูกลูกชายเตะเข้าก้านคอเสียชีวิตทันที

โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.30 น. ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุชาวบ้านช่วยกันจับมัดชายเมายาเสพติดบุกบ้านพยายามขืนใจหญิง แต่ถูกลูกชายเตะก้านคอแน่นิ่งอยู่ในบ้าน ต.ปากกราน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม แพทย์รพ.พระนครศรีอยุธยา และสมาคมอยุธยารวมใจหน่วยกู้ภัยอยุธยา

ที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง ชั้นบนกลางบ้านข้างมุ้งพบศพชาย อายุ 38 ปี สวมใส่เสื้อกล้ามสีดำ นุ่งผ้าโสร่ง นอนคว่ำหน้ามีเชือกไนล่อนสีเขียวมัดอยู่ที่ข้อมือและข้อเท้า โดยพบร่องรอยการต่อสู้ ข้าวของกระจัดกระจาย

หญิงเจ้าของบ้าน ระบุ อยู่บ้านกับลูกสาว 3 คน ลูกชาย 1 คน ขณะนอนอยู่กับลูกสาวในมุ้งกลางบ้าน คนตายบุกมุดมุ้งเข้ามาพยายามถอดเสื้อผ้าขืนใจ ลูกสาวตกใจลุกวิ่งหนีกระโดดลงไปตามชาวบ้านมาช่วย ส่วนตนพยายามต่อสู้และร้องขอความช่วยเหลือ ลูกชายอายุ 17 ปี ที่นอนอยู่ห้องข้างล่างได้ยินเสียงวิ่งขึ้นช่วยพร้อมกับกลุ่มชาวบ้าน

แต่คนตายดิ้นไปมาตลอด จนต้องช่วยกันจับมัด ด้วยความโกรธลูกชายเลยชกต่อยเตะคนตายเข้าที่ก้านคอแน่นิ่งไป ซึ่งปรากฎว่าทำให้คอหักตาย คนตายเป็นคนในหมู่บ้านมีพฤติกรรมเสพยา เคยก่อเหตุลักษณะแบบนี้มาก่อน ถ้าลูกกับชาวบ้านไม่มาช่วยอาจโดนขืนใจทำร้ายถึงตายได้”

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำศพส่งรพ. ก่อนให้ญาติรับกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา พร้อมสอบสวนโดยเบื้องต้นตั้งข้อหา ทำร้ายร่างกายทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตกับลูกชายไว้ก่อน แต่ไม่มีพฤติกรรมหลบหนีจึงปล่อยตัวชั่วคราวก่อนนัดหมายดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ธนาคารออมสินปล่อย สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการอาชีพอิสระรายย่อย วงเงินกู้อนุมัติสูงสุด 100,000 บาท เพื่อเป็นเงินทุนหรือเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ ไม่ต้องใช้หลักประกัน ผ่อนยาว 8 ปี ดอกเบี้ยเพียง 1% ต่อเดือน ไม่ต้องมีสลิปเงินเดือนก็สามารถยื่นสมัครได้ เช็กรายละเอียด ตรวจสอบคุณสมบัติ ดังนี้

คุณสมบัติผู้กู้ :

1.ผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ผู้ขับขี่รถตู้สาธารณะ พ่อค้าแม่ค้า หรือผู้จำหน่ายสินค้า Online เป็นต้น

2.บุคคลธรรมดา สัญชาติไทย อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และเมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาชำระเงินกู้ ต้องไม่เกิน 70 ปี

3.เป็นผู้มีถิ่นที่อยู่หรือสถานประกอบการที่แน่นอน สามารถติดต่อได้

เอกสารการสมัคร :

เอกสารส่วนบุคคล

สำเนาบัตรประชาชนของผู้กู้/คู่สมรส

สำเนาทะเบียนบ้านของผู้กู้/คู่สมรส

สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลของผู้กู้/คู่สมรส (ถ้ามี)

สำเนาใบสำคัญการสมรส/ใบสำคัญการหย่า/ใบมรณบัตรของคู่สมรส (ถ้ามี)

เอกสารทางการเงิน

เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และเอกสารประกอบการสมัครใช้บริการสินเชื่อ ได้ที่ธนาคารออมสินสาขา ที่ท่านขอใช้บริการ

เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

รายละเอียดสินเชื่อ

จำนวนเงินให้กู้ :

ให้กู้ตามความจำเป็นและความสามารถในการชำระหนี้ ไม่เกินรายละ 100,000 บาท

หลักประกันเงินกู้ :

บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ตามที่ธนาคารกำหนดค้ำประกัน สามารถค้ำประกันได้ไม่เกิน 100,000 บาทโดยธนาคารเป็นผู้จ่ายค่าธรรมเนียมของภาระค้ำประกันให้แก่ผู้กู้ เป็นไปตามที่ บสย.กำหนด

ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ :

สูงสุดไม่เกิน 8 ปี (96 งวด)

อัตราดอกเบี้ย :

อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.00 ต่อเดือน (Flat Rate)

อัตราดอกเบี้ยกรณีผิดนัดไม่ชำระหนี้ เท่ากับอัตราดอกเบี้ยสูงสุดตามสัญญาบวกร้อยละ 0.25 ต่อเดือน

วันที่ 20 ก.ค.67 เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลเมืองใหม่บางบัวทอง เดินทางเข้าตรวจสอบหลังรับแจ้งเหตุไฟไหม้รถยนต์ที่บริเวณ ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ฝั่งขาออก มุ่งหน้าอำเภอไทรน้อย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

ที่เกิดเหตุเป็นถนน 3 เลน โดยที่หน้าห้องเครื่องรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น C43 สีขาว ทะเบียน 3ขร 4369 กรุงเทพมหานคร มีเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลาประมาณ 10 นาที จึงสามารถดับไฟเอาไว้ได้ เบื้องต้นพบรถถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายทั้งคัน

นายพิทักษ์พงษ์ สิงห์ซอม อายุ 49 ปี เจ้าของรถ กล่าวว่า กำลังจะขับรถไปที่อำเภอบางเลน จ.นครปฐม ก่อนเกิดเหตุรถเหมือนมีอาการเร่งไม่ขึ้น จึงเข้ามาจอดข้างทาง พอจอดสักพักก็มีเสียงดังที่ฝากระโปรงหน้ารถ ตอนนั้นตกใจมากจึงรีบลงจากรถแล้ววิ่งไปทางด้านหลังรถเกือบ 100 เมตร ตอนแรกยังไม่เห็นควันหรือไฟลุก สักพักสังเกตเห็นควันขึ้นน่าจะด้านหน้ารถ ตนไม่ได้ไปแต่งเติมอะไรเลย ซึ่งรถคันนี้เป็นรถที่ไปซื้อต่อเขามา ใช้มาได้ประมาณ 2 ปีกว่าๆ

นางมณฑา ยศสกุลเลิศ หรือ เจ๊หมวย อายุ 73 ปี เจ้าของร้านขายแก๊ส กล่าวว่า ได้ยินเสียงระเบิด พอมองไปก็เห็นคนวิ่งหนีมาทางนี้แล้ว สังเกตเห็นควันไฟค่อยๆมากขึ้นและมีเปลวไฟไหม้อย่างรวดเร็ว ตอนนั้นตกใจมากเพราะที่บ้านมีแก๊สอยู่เป็นจำนวนมาก ต้องเอาน้ำไปฉีดตรงบริเวณรอบบ้านให้ชื้นไว้ก่อน โชคดีที่ลมพัดไปอีกทางหนึ่ง ถ้าลมพัดมาทางบ้านของตน ซึ่งมีทั้งถังแก๊สและของเก่า คงจะได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน ตอนนี้ไฟดับแล้วก็รู้สึกดีใจมาก แต่ก็ยังไม่หายตกใจ

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.นนทบุรี รายงาน

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวเศร้า ที่โลกออนไลน์เข้ามาแสดงความเสียใจกันเป็นจำนวนมาก หลังล่าสุด เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศ ได้รายงานว่า คู่สามีภรรยาบล็อกเกอร์สายท่องเที่ยวได้เสียชีวิตลงแล้ว ระหว่างปีนเขาในญี่ปุ่น หลังภรรยาโดดลงไปในแม่น้ำเพื่อช่วยชีวิตสามี ส่งผลให้ทั้งคู่ถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากพัดหายไป ก่อนจะพบร่างในภายหลัง

โดยเหตุดังกล่าวนั้น ภรรยาชาวจีนวัย 35 ปี อากู (Agu) และสามีไม่ทราบชื่อ วัย 41 ปี เสียชีวิตระหว่างไปปีนเขาในประเทศญี่ปุ่นกับเพื่อน

โดยสามีของอากูได้ตกลงไปในแม่น้ำพร้อมเสื้อชูชีพ ก่อนที่อากูจะโยนเชือกยาว 100 เมตรลงไปให้เขา ทางสามีพยายามว่ายน้ำข้ามไปยังอีกฝั่งเพื่อนำเชือกไปผูกกับอะไรสักอย่าง ก่อนจะถูกกระแสน้ำซัดกลืนร่างหายไป

หลังจากพูดคุยสั้นๆ กับเพื่อน อากูก็ตัดสินใจกระโดดลงไปในแม่น้ำพร้อมชูชีพ เพื่อช่วยสามี แต่กลับกลายเป็นภาพสุดท้าย จนถูกน้ำพัดไปทันทีทั้งคู่ เพื่อนที่ไปด้วยกันจึงรีบแจ้งทางตำรวจให้เข้ามาช่วยเหลือ

หลายชั่วโมงต่อมา ร่างของพวกเขาถูกพบอยู่ปลายแม่น้ำ สภาพสวมเสื้อชูชีพ ต่อมาแพทย์ระบุว่าเสียชีวิตจากการจมน้ำ สำหรับแม่น้ำที่ทั้งคู่ตกลงไปมีความกว้างประมาณ 80 เมตร และลึกถึง 20 เมตรในบางจุด ระดับน้ำสูงขึ้นและไหลอย่างรวดเร็วหลังจากฝนตกหนักก่อนวันเกิดเหตุ

ทั้งนี้ อากูกับสามีเพิ่งแต่งงานกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 โดยฝ่ายชายยังเขียนข้อความผ่านโซเชียลมีเดียว่า “ผมเลือกภูเขาเป็นงานอดิเรกตลอดชีวิต ตอนนี้ผมเลือกที่จะปีนเขาพร้อมกับคู่รักของผม ผมหวังว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางในชีวิตที่มีความสุข ผมหวังว่าเราจะได้สัมผัสชีวิตด้วยกัน และผมหวังว่าคุณจะอยู่เคียงข้างผมตลอดไป

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวเศร้า ที่โลกออนไลน์เข้ามาแสดงความเสียใจกันเป็นจำนวนมาก หลังล่าสุด เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศ ได้รายงานว่า คู่สามีภรรยาบล็อกเกอร์สายท่องเที่ยวได้เสียชีวิตลงแล้ว ระหว่างปีนเขาในญี่ปุ่น หลังภรรยาโดดลงไปในแม่น้ำเพื่อช่วยชีวิตสามี ส่งผลให้ทั้งคู่ถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากพัดหายไป ก่อนจะพบร่างในภายหลัง

โดยเหตุดังกล่าวนั้น ภรรยาชาวจีนวัย 35 ปี อากู (Agu) และสามีไม่ทราบชื่อ วัย 41 ปี เสียชีวิตระหว่างไปปีนเขาในประเทศญี่ปุ่นกับเพื่อน

โดยสามีของอากูได้ตกลงไปในแม่น้ำพร้อมเสื้อชูชีพ ก่อนที่อากูจะโยนเชือกยาว 100 เมตรลงไปให้เขา ทางสามีพยายามว่ายน้ำข้ามไปยังอีกฝั่งเพื่อนำเชือกไปผูกกับอะไรสักอย่าง ก่อนจะถูกกระแสน้ำซัดกลืนร่างหายไป

หลังจากพูดคุยสั้นๆ กับเพื่อน อากูก็ตัดสินใจกระโดดลงไปในแม่น้ำพร้อมชูชีพ เพื่อช่วยสามี แต่กลับกลายเป็นภาพสุดท้าย จนถูกน้ำพัดไปทันทีทั้งคู่ เพื่อนที่ไปด้วยกันจึงรีบแจ้งทางตำรวจให้เข้ามาช่วยเหลือ

หลายชั่วโมงต่อมา ร่างของพวกเขาถูกพบอยู่ปลายแม่น้ำ สภาพสวมเสื้อชูชีพ ต่อมาแพทย์ระบุว่าเสียชีวิตจากการจมน้ำ สำหรับแม่น้ำที่ทั้งคู่ตกลงไปมีความกว้างประมาณ 80 เมตร และลึกถึง 20 เมตรในบางจุด ระดับน้ำสูงขึ้นและไหลอย่างรวดเร็วหลังจากฝนตกหนักก่อนวันเกิดเหตุ

ทั้งนี้ อากูกับสามีเพิ่งแต่งงานกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 โดยฝ่ายชายยังเขียนข้อความผ่านโซเชียลมีเดียว่า “ผมเลือกภูเขาเป็นงานอดิเรกตลอดชีวิต ตอนนี้ผมเลือกที่จะปีนเขาพร้อมกับคู่รักของผม ผมหวังว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางในชีวิตที่มีความสุข ผมหวังว่าเราจะได้สัมผัสชีวิตด้วยกัน และผมหวังว่าคุณจะอยู่เคียงข้างผมตลอดไป

หัวหน้ารปภ. เผย ‘เอก สายเต๊าะ’ ก่อกวนทั้งคืน-ปรี่เข้าทำร้าย บังคับให้บอกรหัสประตูหลังหมู่บ้าน ก่อนถูกรวบเช้านี้

วันที่ 20 ก.ค. 67 ตำรวจสืบ สน.ดอนเมือง และ สืบสวนนครบาล นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบ้านของ นายเอกลักษณ์ หรือ เอก สายเต๊าะ อายุ 42 ปี ย่านดอนเมือง หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในหมู่บ้านว่า นายเอก มีพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ก่อกวนคนในหมู่บ้าน จอดรถยนต์กีดขวางทางเข้าออก หมู่บ้าน และไลฟ์สดก่อนกวนผู้อื่น

โดยลูกบ้านรวมตัวกันขับไล่นายเอก และดีดนายเอก ออกจากกลุ่มไลน์ เพราะมีการพิมพ์ก่อกวนสมาชิกในกลุ่มไลน์ และใช้ถ้อยคำหยาบคาย แต่ก็ยังไม่มีใครทำอะไรได้ จนชาวบ้านประกาศขายบ้านด่วน เพราะทนกับพฤติกรรมของนายเอก ไม่ไหว

ล่าสุด ตำรวจสืบสวนนครบาล นำหมายค้นเข้าไปตรวจสอบภายในหมู่บ้าน เจออาวุธปืนยาว บีบีกัน ซึ่งนายเอก อ้างว่าเป็นปืนที่ไม่ได้ใช้แล้ว และใช้งานไม่ได้ นอกจากนี้ยังเจอมีดยาวหัวตัด อยู่ในบ้านด้วย ตำรวจจึงแจ้งนายเอก ว่าจะพาตัวไป สน.ดอนเมือง แต่นายเอกต่อรอง ขอกินข้าวก่อน และ จะขอขับรถไปเอง แต่ตำรวจไม่ยอม ต้องพานายเอก ขึ้นรถกระบะสายตรวจ ออกไปจากหมู่บ้าน

จากนั้น นายเอก ถูกคุมตัวขึ้นรถ ออกไปจากหมู่บ้าน และในช่วงที่ นายเอกถูกคุมตัว ออกไปจากหมู่บ้านนั้น ชาวบ้าน ที่อยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว ต่างปรบมือ โห่ร้องแสดงความดีใจ ที่นายเอก ถูกจับกุมตัว และบางคนบอกอยากให้ตำรวจขังลืมไปเลย

โดยตำรวจไนำตัวนายเอก เข้าไปพูดคุย เพื่อทำข้อตกลงไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านอีก ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการพูดคุย เพื่อปรับทัศนคติ

ด้าน หัวหน้ารปภ. เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ช่วงกลางคืนที่ผ่านมาได้ถูกนายเอกเข้ามาก่อกวน และพยายามเข้ามาทำร้ายร่างกาย ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้น เพราะนายเอกต้องการที่จะเข้าหมู่บ้านทางด้านหลังซึ่งเป็นทางเดียวกับที่ตอนนายเอกเอารถไปปิดทางเข้าออกแล้วลูกบ้านจะต้องออกด้านหลังหมู่บ้าน

ตอนนั้นนายเอกได้มาบังคับให้ตนไปเปิดประตูซึ่งเป็นกุญแจล็อกด้วยรหัสตนเองได้บอกไปว่าไม่มีรหัสต้องไปขอนิติทำให้ นายเอกเกิดความโมโหและพยายามเข้ามาทำร้าย สุดท้ายต้องไปเอารหัสมาเพื่อที่จะเปิด เพื่อลดแรงปะทะ ยอมรับว่าตอนนี้รปภ. ในหมู่บ้านเกิดความหวาดกลัวนายเอก

เมื่อวันที่ 16 ก.ค.67 เพจ นิวส์ชลบุรี-ระยอง ออนไลน์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า รอฟังข่าวใหญ่ บริษัทเรียกพนักงานมา เซ็นสัญญาเลิกจ้าง ก่อนจะประกาศปิดกิจการในไทยถาวร วันนี้ ย้ายฐานผลิตไปที่เวียดนาม เป็นกำลังใจให้กับพนักงานทุกๆคนนะครับ

อย่างไรก็ตามจะเป็นบริษัทไหนนั้น หากมีความคืบหน้าอย่างไรทีมงานจะรีบนำมาอัพเดททันที

พ่อวีนฉ่ำ ลูกคิดเลข 4×5=20 ครูตรวจว่าผิด เห็นเฉลยคำตอบ 4×5=20 ยิ่งฉุน งงต่างกันตรงไหน แต่ฟังครูอธิบายคำเดียว ยอมรับเป็นตัวเองที่คิดผิด

โจทย์คณิตศาสตร์ในบทเรียนของเด็กนักเรียนในปัจจุบัน หลายข้อต้องใช้สมองคิดวิเคราะห์อย่างหนัก แม้กระทั่งผู้ใหญ่ยังเรียกได้ว่าแทบ “สมองระเบิด” เมื่อช่วยลูกๆ แก้โจทย์การบ้าน และมีหลายครั้งที่กลายมาเป็นประเด็นถกเถียงกันไม่จบสิ้น ทั้งความไม่ชัดเจนของคำถาม วิธีคิดคำนวนที่แตกต่างกัน หรือแม้แต่ข้องใจว่าคุณครูอาจจะตรวจผิดพลาด

ดังเช่นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ คุณพ่อคนหนึ่งแสดงความไม่พอใจลงโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยชี้ให้เห็นว่าแบบทดสอบวิชาคณิตศาสตร์ของลูกที่กำลังเรียนชั้นประถมศึกษา ถูกคุณครูตรวจอย่างไม่ถูกต้อง ทำให้พลาดคะแนนในข้อดังกล่าวไป โดยโจทย์ข้อดังกล่าวมีอยู่ว่า “มีนักเรียนนั่งเรียงกัน แต่ละแถวมี 5 คน เรียงกันเป็น 4 แถว รวมทั้งหมดมีนักเรียนกี่คน?”

จากปัญหาข้างต้น ลูกของเจ้าของโพสต์จึงคำนวณได้ดังนี้ 4 x 5 = 20 คน แต่เมื่อส่งคำตอบไปกลับถูกครูขีดฆ่าว่า “ผิด” พร้อมทั้งเฉลยวิธีคำนวณที่ถูกต้อง ว่าควรเป็น 5 x 4 = 20 คน

โพสต์ของคุณพ่อคนนี้ทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือดในหมู่ชาวเน็ตอย่างรวดเร็ว เพราะคนส่วนใหญ่ก็คิดเหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วคำตอบคือ นักเรียน 20 คน ดังนั้นจึงไม่มีความแตกต่างว่าไม่ว่าจะใช่วิธีคำนวณ 4×5 หรือ 5×4

สุดท้ายคุณพ่อคนนี้ตัดสินใจไปสอบถามคุณครูถึงโรงเรียน หลังจากได้รับฟังความคับข้องใจของผู้ปกครองแล้ว ครูประจำชั้นก็ยิ้มแล้วจึงอธิบายอย่างใจเย็นว่า “หน่วยนี้ถามจำนวนคน เลยต้องใช้จำนวนคนคูณ ไม่ใช่จำนวนแถวที่จะคูณ คำตอบที่ถูกต้องก็สำคัญ แต่สิ่งสำคัญมากกว่าคือ นักเรียนเข้าใจปัญหาอย่างชัดเจน ในระดับผู้ใหญ่ 4×5 หรือ 5×4 ก็ไม่แตกต่างกัน แต่ในการเรียนระดับประถมศึกษา การคำนวณนี้จะต้องเป็น 5×4”

หลังจากได้ยินคำอธิบายและเข้าใจถึงวิธีการเรียนการสอนทั้งหมดแล้ว ผู้เป็นพ่อก็ได้แต่นิ่งอึ้งและเขินอายกับความจริงตรงหน้า ปรากฏว่าเขาเอ่ยปากกล่าวตำหนิคุณครูไปแบบผิดๆ เพราะแท้จริงแล้วผู้ที่ต้องทบทวนความรู้ก็คือตัวเขาเอง

จากกรณีที่เด็กชายชั้น ป.1 อายุ 7 ขวบ โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ถูกครูลงโทษเพราะติดเครื่องหมายชุดลูกเสือมาโรงเรียนไม่ครบ สั่งวิ่งรอบสนาม 5 รอบ ซึ่งเด็กป่วยหืดหอบอยู่แล้ว ทำให้หายใจไม่ทัน ครูโทรตามผู้ปกครองมาที่โรงเรียน นำลูกส่งคลินิก ก่อนส่งต่อ รพ.อำเภอ แต่เด็กเสียชีวิตในที่สุด ตามที่นำเสนอไปก่อนหน้า

ซึ่งต่อมา ครูประจำชั้น เล่าให้ฟังว่า วันเกิดเหตุเด็กแต่งตัวติดเครื่องหมายชุดลูกเสือไม่ครบ จึงได้ทำโทษให้วิ่งหน้าแถว 3 รอบ ระหว่างทำโทษเด็กจึงรู้ว่าเด็กมีอาการผิดปกติ น้องบอกว่าหนูไม่ไหว ก็เลยถามว่าหนูไม่สบายใช่ไหม น้องบอกว่าครับ ไม่สบายก็เลยให้นั่งพักก่อน ส่วนตนเองก็มาสอนเด็กคนอื่นตามปกติ

สักพักหนึ่งหันไปเห็นน้องกำลังจะอาเจียน น้องบอกคุณครูโทรตามพ่อให้หน่อย ครูก็โทรหาพ่อให้บอกว่าน้องไม่สบายมารับน้องหน่อย แล้วให้น้องนอนพักรอพ่อ ไม่เกิน 5 นาที ครูไม่รู้ว่าน้องมีโรคประจำตัว รู้แต่ว่าไม่สบาย หยุดไปหลายวัน ช่วงเย็นตนจะนำพวงหรีดไปร่วมแสดงความเสียใจ และเป็นเจ้าภาพสวดศพ ทั้งนี้ คณะครู รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ล่าสุดวันที่ 20 ก.ค. 67 หลังงานสวดอภิธรรมศพคืนแรก ผู้จัดการโรงเรียน ได้พูดคุยกับทางญาติถึงสาเหตุการเสียชีวิตโดยญาติให้ข้อมูลว่า น้องปอดติดเชื้อและสามารถเป็นได้ตลอดเวลา ซึ่งไม่เกี่ยวกับการถูกลงโทษ โดยทางโรงเรียนยินดีช่วยเหลือเป็นเงิน 20,000 บาท ซึ่งทางญาติยอมรับและไม่ติดใจแต่อย่างใด

จากกรณี เพจ เฮียขับรถ โพสต์คลิปเหตุการณ์รถบรรทุกขับซิ่งไล่ชนรถจำนวนหลายสิบคันบนถนนพระราม 2 สร้างความเสียหายและผู้คนบาดเจ็บจำนวนมาก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพลเมืองดีพยาพยามขี่ไล่ตามสกัด คลิปคลิกที่นี่

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 17 ก.ค.67 พนักงานสอบสวนเวร สน.ท่าข้าม ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนได้รับความเสียหายจำนวนหลายคัน บริเวณหน้าวัดท่าข้ามฯ และหลบหนีมุ่งหน้าถนนพระรามสอง

พลเมืองดีได้ติดตามคนขับรถผู้ก่อเหตุ ซึ่งรถได้เสียหลักลงข้างทาง เป็นเหตุให้นายเกียรติชัย อายุ 31 ปี คนขับรถบรรทุกได้รับบาดเจ็บไม่สามารถขับต่อไปได้ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพีเอ็มจีพระราม 2

ล่าสุด รายการข่าว เที่ยงวันทันเหตุการณ์ เผยความคืบหน้านาทีการจับกุมคนขับรถบรรทุก พบขวดแอลกอฮอล์ในรถด้วย พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม เปิดเผยว่า ให้แพทย์ตรวจสอบแอลกอฮอล์คนขับอีกครั้ง ซึ่งในรถมาด้วยกัน 3 คัน เป็นรถที่เอามาจากไซต์งาน

ทั้งนี้พบว่ารถที่ถูกรถบรรทุกคันดังกล่าวชนได้รับความเสียหาย 29 คัน เป็นรถยนต์ส่วนตัว 25 คัน รถตู้โดยสาร 1 คัน รถสองแถว 2 คัน มอเตอร์ไซค์ 1 คัน มีคนเจ็บรักษาตัวที่โรงพยาบาล 10 คน เหตุการณ์คาบเกี่ยวหลายพื้นที่ โดยรถคันก่อเหตุไม่มีประกันด้วย