นักแสดงหนุ่ม โตโน่ ภาคิน มารับรางวัล รางวัล “เอ๊ะ? Awards by TK Park” ในงาน Learning Fest Bangkok 2024 ภายหลังรับรางวัลเสร็จ เจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์พูดถึงผลงานละครเรื่อง พระจันทร์แดง และ ดวงใจในมนตรา ที่เล่นคู่กับแฟนสาว ณิชา ณัฏฐณิชา ไปฉายที่ประเทศอินโดนีเซีย

ละครได้ไปฉายที่ต่างประเทศ? “เรื่องแรกมันชื่อเรื่องว่า “พระจันทร์แดง” แล้วพอดีว่ากระแสตอบรับมันดีมาก ทางอินโดนีเซียเขาก็เลยอยากจะดูผลงานของเราอีก เลยได้เป็น “ดวงใจในมนตรา” ก็รู้สึกดีใจครับผม ไม่เคยคิดว่าเราจะมีแฟนคลับที่ชอบละครเราจากต่างประเทศ”

“ตอนแรกเรางงทำไมเขามาพิมพ์ ไทเกอร์ศมา คือเราเล่นเป็นเสือชื่อศมาก็เลยไปดูในคอมเมนต์ถึงได้ทราบว่าอ๋อ…เขาไปออนที่อินโดฯ แล้วทีนี้พอกระแสตอบรับดีก็เป็น “ดวงใจในมนตรา” พี่หน่อง(อรุโณชา ภาณุพันธุ์)ส่งมาบอก ดีใจครับ แฟนๆ ก็อยากให้เราไปจัดมีตแอนด์กรี๊ดที่นู่น แต่ด้วยจังหวะเวลาด้วยงานของเราที่นี่มันก็ยังไม่มีช่วงเวลาที่มันจะไปได้”

“ผมชื่นใจในฐานะที่เราเป็นนักแสดง เราก็รักในงานของเราและทำเต็มที่ แต่ตอนที่ทำเราไม่ได้คิดหรอกว่าจะต้องไปถึงต่างประเทศ เราแค่โฟกัสกับบทบาทของเรา คือเพราะความตั้งใจมันไม่ใช่แค่จากผมนะ จากผู้กำกับ จากนักแสดงทุกท่าน มันเริ่มมาเห็นผลจนทำให้ต่างชาติเขาให้ความสนใจ มีแฟนคลับที่ติดตามเราจากที่โน่นก็เป็นความภูมิใจ มันก็เป็นกำลังใจที่เราอยากจะพัฒนาตัวเองต่อไป”

“ผมก็เห็นแฟนๆ แท็กกันมาเยอะพอสมควร แล้วผมคิดว่าทุกคนทำดี นักแสดงทุกท่านช่วยกัน แล้วตัวผู้กำกับเองก็ตั้งใจ ซึ่งเป็นความบังเอิญที่พี่ใหม่(ภวัต พนังคศิริ) กำกับทั้งสองเรื่องเลยทั้งพระจันทร์แดงและดวงใจในมนตรา”

แล้วได้เตรียมตัวไหมว่าอาจจะมีแฟนมีตฯ จริงๆ? “ต้องให้พี่เมย์ผู้จัดการดูคิว แล้วก็ต้องอยู่ที่ณิชาด้วยว่าคิวตรงกันมั้ย เพราะเราก็อยากให้พี่หน่อง(ผู้จัด)มีกำลังใจ เหนื่อยกันมา บางทีบางเรื่องอาจจะถูกจริตคนไทย แต่บางเรื่องอาจจะไปถูกจริตคนต่างชาติ คือขอให้เราตั้งใจกันไว้เถอะครับเพราะว่ามันก็เป็นหน้าที่ของเรา”

“แล้วคือทุกวันเนี่ยมันยากที่เราจะมาบอกว่าทำแบบนี้แล้วประสบความสำเร็จ คือมันมีหลายแพลตฟอร์มหลายทางให้แฟนจากทั่วโลกได้เลือกดู เราในฐานะของคนสร้างคนผลิต และนักแสดง ผมว่าเราโฟกัสเล่นอย่างเดียวก็คือทำให้มันดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้”

แล้วกับณิชามีเรื่องต่อไปหรือยัง? “ตอนนี้ผมกับณิชาคิวแน่น คิวไม่ตรงกันเลย ผมก็มีถ่ายน้องก็มีถ่าย”

แล้วเขินไหมถ้าจะต้องเล่นด้วยกันอีก? “(ยิ้ม) คือเราเคยคุยกันไว้นะว่าพอจบดวงใจในมนตราแล้ว เรายังไม่ต้องมาเล่นด้วยกัน คือผมอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน คือเวลาที่เราเล่นแล้วมันแตกต่างถ้าเน้นแต่จะขายจิ้นตัวผมเองไม่ถนัด”

“ผมมองว่าการแสดงคือการแสดง ผมไม่ได้มองว่าต้องมาเล่นกับคนนี้เพราะกระแส ผมจะเล่นเพราะว่าบทนี้มันดีมันท้าทายเรามันให้อะไรกับคนดู ไม่ได้มองว่าถ้ามาเล่นกับคนนี้แล้วจะดัง ผมไม่เคยใช้ตรงนั้นในการตัดสินใจในการรับงานเลย แต่ถ้าบทมันใช่เวลามันใช่ผมยินดีพร้อมเลยครับ”

ถ้าเล่นเป็นคู่รักกันในเรื่องมันจะเป็นยังไง? “ตบจูบอย่างงี้หรอครับ (ความในใจหรือเปล่า?) ไม่ใช่ครับ หมายถึงว่าฉีกบ้าง เพราะว่าที่เล่นกันมามันจะรักกุ๊กกิ๊ก หรืออาจจะลองให้ผมเล่นเป็นตัวร้ายบ้าง ณิชาเป็นนางเอกก็ได้แล้วคนอื่นเป็นพระเอกก็ได้ ผมคิดว่าเราเป็นนักแสดงมันค่อนข้างที่จะอิสระที่เราจะไปเป็นใครก็ได้ ขอแค่เราทำให้มันดี”

แสดงว่ามีแนวทางชัดเจนถ้าหากจะต้องร่วมงานกับณิชา? “จริงๆ มันมีติดต่อมาตลอดแหละครับให้เล่นคู่กัน แต่ด้วยเรื่องของบท เรื่องของระยะเวลาด้วย เพราะว่าตอนนี้ณิชาก็มีเส้นทางของเขาที่อยากจะทำ ส่วนของผมก็เช่นกัน มีหนังมีซีรีส์ที่ต้องรับผิดชอบ ผมว่าสักวันนึงถ้ามันใช่ก็อาจจะต้องได้กลับมาเจอกันอีก”

เปลี่ยณิชาเล่นเป็นผู้หญิงร้ายๆ เราเป็นผู้ถูกกระทำ ไหวไหมบทนี้? “(ยิ้ม)ผมกำลังคิดว่ามันได้หมด อย่างที่บอกว่าการแสดงผมว่ามันหลากหลาย ท้าทายอยู่เสมอ แต่ถ้าจะให้มาเล่นเพราะว่ามีข่าวกันในชีวิตจริงเลยมารับงาน คือผมไม่ถนัด งานก็คืองาน ถ้าจะเอากระแสในเรื่องส่วนตัวมาปนกับงาน ผมไม่ทำอย่างนั้นครับ ถ้าผมไปขายจิ้นผมไม่ถนัดครับ”

แต่ไม่เขินใช่ไหมมาร่วมงานกับณิชา? “ไม่เขินครับ แต่ถามว่ามันมีขั้นตอนที่ยากขึ้นมั้ย มันก็ต้องมีบ้างอยู่แล้วแหละในความรู้สึก แต่ในฐานะนักแสดงผมว่าเราต้องทำให้ได้”

ขึ้นแท่นเป็นคุณพ่อลูก 1 เรียบร้อยแล้ว สำหรับพระเอกชื่อดัง พอร์ช ศรัณย์ ซึ่งเปิดตัวมีลูกชายคนแรก ชื่อว่า น้องโฮมส์ กำลังอยู่ในวัยน่ารักน่าเอ็นดูเลยทีเดียว ทำเอาหลายๆคนต่างพากันตกหลุมรักหนักมากล่าสุด พอร์ช ควงคู่ลูกชาย น้องโฮมส์ เปิดใจเคลียร์ข่าวเม้าท์เป็นพระเอกแอบซุกลูก ตอนนี้เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวไหมยุคพี่ญ่าถ้าเป็นพระเอกดังมีลูกต้องปิด ทำไมคุณถึงไม่กลัวปิดเป็นความลับดีกว่า ไม่บอกใคร ?” เอาจริงๆไม่ได้ปิดเลย มันเป็นเรื่องที่ดี ถ้าหากว่าแฟนคลับเราหรือคนที่ติดตามเราเขาก็ต้องรักลูกเราด้วย เพราะว่าเขาก็คือสายเลือดของผมคือลูกของผม ”มีหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นซิงเกิ้ลแด๊ดหรือเปล่า ?” ไม่ๆ แต่ว่ารับหน้าที่เลี้ยงซะส่วนใหญ่ บางทีแม่เขาไม่ว่าง ที่สำคัญคืออยากเลี้ยงเองด้วย เราอยากทำให้เต็มที่จะได้ไม่ต้องเสียใจกลับมานั่งย้อนว่าทำไมตอนเด็กไม่เลี้ยง เราเลี้ยงเต็มที่แล้วไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงเราทำหน้าที่พ่อของเราได้เต็มที่ ”

ทำไมเลือกที่จะทำเองทุกอย่างมากกว่าที่จะมีพี่เลี้ยง ?” ผมเป็นคนขี้แพนิกรู้สึกว่าชอบทำอะไรด้วยตัวเองดีกว่า ”ตอนมีข่าวเรื่องพระเอกดังปิดบังเรื่องมีลูก พอเราอ่านข่าวแล้วรู้สึกยังไง รู้สึกว่าเป็นเราไหม ?” รู้สึกว่าเป็นเราแหละ แต่รู้สึกว่าเราไม่ได้ปิดเลยเราตั้งใจ คือคิดไว้แล้วตอนมีลูกว่าควรจะแถลงข่าวป่ะพี่ผู้จัดการก็บอกว่าไม่ต้องหรอกเดี๋ยวทำตัวคนก็เห็นเอง ตอนมีลูกก็พาลูกออกไปข้างนอกออกไปเที่ยวบ่อยมาก แต่ไม่มีคนทักเลยว่าลูกผม ก็ไปด้วยกัน ไม่รู้เลย เพิ่งรู้ ”

กำลังดังเปรี้ยง!!ตกแฟนๆสาวสายวายได้ทั่วโลกจากซีรี่ส์แซฟฟิกเรื่องดัง ใจซ่อนรัก สำหรับดาราสาว ออม กรณ์นภัส ดีกรีนักแสดงดาวรุ่ง ลูกไม้ใต้ต้นดาราดัง ก้อย นฤมล ที่เพิ่งเข้าวงการไม่นานแต่มีผลงานออกมาให้ชมกันมากมายเลยทีเดียว

ซึ่งล่าสุดในโลกโซเชียลมีการแชร์ภาพก่อนเข้าวงการสมัยเรียนสาธิตมศว.ของสาวออมออกมาว่อน ซึ่งบอกเลยว่า น่ารักมากๆ ยิ่งโตยิ่งสวยจริงๆ และนอกจากนี้ยังมีการแชร์ประวัติว่า ที่แท้สาวออมเป็น ทายาทรุ่นที่3ของบริษัท ส่งออกอาหารแช่แข็งชื่อดังที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานหลายสิบปีด้วย

สำหรับคุณพ่อของ ออม กรณ์นภัส ก็คือ ปณตพงศ์ เศรษฐรัตนพงศ์ หรือ คุณอ๊อก ทายาทรุ่นที่ 2 ของ บริษัท เศรษฐชล จำกัดซึ่งก่อตั้งโดย คุณธนา เศรษฐรัตนพงศ์ และ คุณยุพยง เศรษฐรัตนพงศ์ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2535 บริษัทตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 16 ไร่ บนทำเลทองของถนนบางนา-ตราด ดำเนินธุรกิจอาหารแช่แข็งด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ใน 5 ประเภทสินค้าหลัก ได้แก่ ปลาแช่แข็ง ผักแช่แข็ง ผลไม้และน้ำผลไม้แช่แข็ง สินค้าพร้อมรับประทานแช่แข็ง และขนมหวานไทยแช่แข็ง โดยส่งออกไปยัง สหรัฐอเมริกา, สวิตเซอร์แลนด์, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน และตลาดภายในประเทศ ผลิตอาหารสำหรับสายการบิน ซึ่งดำเนินธุรกิจมานานกว่า 30 ปีแล้ว

ส่วนเส้นทางบันเทิง ออม กรณ์นภัส (ชื่อเดิมว่า นรวรรณ เศรษฐรัตนพงศ์)เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงเมื่อปี 2562 จากการคัดเลือกเป็นนักแสดงซีรีส์วัยรุ่นเรื่อง สูตรรักนักการโรงแรม ทางช่อง 3 ต่อมาออมได้ทำสัญญาเป็นนักแสดงสังกัดช่อง 3 เอชดี มีผลงานละครเรื่อง เก็บแผ่นดิน และซีรีส์ จากสูญถึงสิบ ต่อด้วยละครหลังข่าวเรื่อง พราวมุก, ดวงตาที่สาม ในบทบาทนักแสดงรับเชิญ และ เกมล่าทรชน ซึ่งได้รับบทนำเต็มตัว ตามด้วยเรื่อง อ้ายข่อยฮักเจ้า, ใต้เงาตะวัน, มาตาลดา, แค้น, ซีรีส์ชุด ดวงใจเทวพรหม ตอน ลออจันทร์

และซีรีส์เรื่องล่าสุดอย่าง Girl’s love ใจซ่อนรัก รับบทนำคู่กับ หลิงหลิง ศิริลักษณ์ ซึ่งเป็นซีรีส์แนวแซฟฟิกเรื่องแรกของทางช่อง 3 อีกด้วย

นาทีนี้คงไม่รู้จัก “ลิลลี่ เหงียน” ไฮโซสาวลาว-เวียดนาม เจ้าของสโลแกน ลิลลี่สไตล์  ที่ฝันอยากจะเป็นดาราในประเทศไทย ถึงขั้นยอมแยกทางกับสามี เพื่อที่จะทำตามฝัน ซึ่ง ลิลลี่ เหงียน นั้น บอกว่าเคยลงทุนไปแล้วเกือบ 100 ล้าน เพื่อจะเป็นนักแสดง แต่สุดท้ายก็โดนหลอกมาหลายครั้ง กระทั่งล่าสุดมาเป็นประเด็นกับ ปู มัณฑนา จึงทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น

แน่นอนว่านาทีหลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า ลิลลี่ เหงียนทำอาชีพอะไรทำไมรวยจัง หรือ กระทั่งมีคนอยากรู้ อาชีพลิลลี่ เหงียน เพราะในประวัติลิลลี่ เหงียน เบื้องต้นบอกแค่ว่า เธอเป็นไฮโซ เป็นนักธุรกิจสาว แต่ก็ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า ลิลลี่ เหงียนทำงานอะไร ถึงได้มีเงินให้คนอื่นยืมเป็น 100 ล้าน และแม้ว่าจะโดนโกงไปขนานั้น แต่เธอก็ยังใช้ชีวิตแบบลักซูรีได้อยู่

ล่าสุด ลิลลี่ เหงียน ได้ออกมาเล่าถึงความรวยของตนเองให้ฟังแล้วในรายการแฉ ซึ่งเธอบอกว่า ลิลลี่ รวยได้เพราะมีผัวรวย ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแต่อย่างใด แต่คือเรื่องจริง ซึ่ง ลิลลี่ ยังบอกอีกว่า เธอเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว 4 ครั้ง และผัวรวยทุกคน

ลิลลี่ เหงียนเล่าว่า เธอมีแฟนคนแรกตอนอายุ 19 ปี เธอชอบเขาตั้งแต่เด็ก แฟนคนแรกเป็นเพื่อนแม่ อายุห่างกัน 20 ปี แต่ไม่เคยมีอะไรกัน แฟนคนแรกเป็นคนที่รับซื้อเศษทองคำ หรือทองแท่ง จากนั้นก็เอามาหลอมเป็นทองแท่ง แล้วเอาไปขายตามเยาวราช และคุณแม่ของตนก็รับซื้อทองอยู่แล้ว แฟนคนแรกพอได้ทอง ก็เอามาให้ตนตลอด แค่มีแฟนคนแรกตนก็มีเงินใช้เดือนละเป็นแสนบาทแล้ว

ส่วน แฟนคนที่ 2 เป็นเพื่อนของพี่ชาย และเป็นสามี เรารู้จักกันมานานแล้ว แยกย้ายกันไปและมาเจอกันอีกที เขาเป็นคนฮ่องกง คนนี้ตอนแรกไม่ได้รักชอบพอกัน ตอนนั้นลิลลี่ยังบริสุทธิ์ ไม่รู้ว่าผู้ชายผู้หญิงจูบกันเป็นยังไง และอยากลองกับเขา และคนนี้เป็นคนที่ให้เงินลิลลี่ร้อยล้าน และมีคอนโดให้คนเช่า ให้ลิลลี่เก็บค่าเช่าเลย

แต่มีข้อแม้คือแฟนจะบอกว่าห้ามทำงาน ลิลลี่มีหน้าที่เป็นแม่บ้านอยู่กับบ้าน มีหน้าที่แต่งตัวสวยๆ ไปกิน เที่ยว อยากทำอะไรทำเลย แต่ขออย่างเดียวคืออย่าคิดหาเงิน เพราะลิลลี่จะมีแต่เสียเงิน แฟนบอกว่า ถ้าอยากเป็นดาราก็ได้ แต่ให้เลิกกันเลย ซึ่งลิลลี่เองก็ไม่ได้อยากเลิก ในขณะที่สามีคนที่ 3 และสามีคนที่ 4 นั้น ดียิ่งกว่า 1-2 คนแรก และอายุเยอะกว่าหมด เพราะลิลลี่ชอบแบบนี้

ลิลลี่ ยังบอกอีกว่า ทุกคนที่เป็นแฟนทั้ง 4 คน จะบอกว่า ไม่ต้องคิดหาเงิน เพราะลิลลี่เป็นคนอ่อนต่อโลก มองคนไม่ออก วันๆ ชีวิตของลิลลี่คือ กิน เที่ยว ทำบุญ อยู่กับลูก จนรู้สึกเบื่อ ที่ผ่านมาลิลลี่แฟน 4 คนไม่เคยคิดว่าจะเลิกกัน แต่ก็เลิกกัน และลิลลี่ก็มีลูกด้วย ลิลลี่ไม่คิดว่าการมีผัวเลี้ยงจะยั่งยืน

“ลี่โสดมา 5 ปี มีคนเข้ามาตลอด แต่จะให้มานั่งกินนอนกินเหมือนเดิม ไม่เอา เพราะเคยแล้ว ลี่ไม่สบายใจ ถ้าคนที่เขามาสอนให้ลี่ทำมาหากิน ลี่เอา ที่ผ่านมามีแต่ผู้ชายให้ แต่จากนี้ลี่อยากเลี้ยงผัว”

เป็นดราม่าที่โลกออนไลน์ต่างให้ความสนใจอย่างมาก หลังจากที่ชาวเน็ตได้ดูคลิปที่ 2 ยูทูบเบอร์หนุ่ม พี่จอง-คัลแลน ไปเที่ยวที่เกาะปันหยี จ.พังงา สำหรับค่าบริการและสินค้า ที่ชาวเน็ตต่างพูดถึง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการชี้แจง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด พี่จอง ได้ออกมาเคลื่อนไหว ท่ามกลางดราม่าเกาะปันหยี โดยเจ้าตัวได้โพสต์ภาพตัวเองผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว jung_kt_ ที่มีผู้ติดตามบัญชีกว่า 1.5 ล้านคน โดยเจ้าตัวได้โพสต์ภาพระหว่างทริปเที่ยว กำลังยิ้มหวาน ๆ อยู่บนเรือ

พร้อมกับระบุแคปชั่นเอาไว้ว่า“ผมคิดว่า ทุก ๆ ทีมีทั้งดี และไม่ดี ผมอยากให้ทุก ๆ คน มองแต่สิ่งดี ๆ เราจะเป็นคนที่มีความสุข มองดูที่นี้ครับ” ขณะที่แฟนคลับด้อมใจฟู ต่างให้กำลังใจ ชื่นชมพี่จอง น่ารัก แสนดีที่สุด

ขณะที่ คัลแลน หรือ พัค กีดึก (PARK KIDEUK) ก็ได้เข้ามาคอมเมนต์ในโพสต์ดังกล่าวของพี่จองทันที ซึ่ง คัลแลน ได้คอมเมนต์เป็นรูปหัวใจสีแดงเท่านั้น ขณะที่แฟนคลับต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ต่างชื่นชมในความคิดอ่านของพี่จองมากๆ และเชื่อว่าไม่มีอะไรที่จะทำให้พี่จองเป็นทุกข์ได้เลย เพราะพี่จองคือความสุขจริงๆ

นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ สำหรับ ดร.หาญส์ หิมะทองคำ เมื่อเช้าวันนี้ 23 กรกฏาคม 2567 เวลา 06.09 น. คุณพ่อ ดร.ชูศักดิ์ หิมะทองคำ ได้จากไปอย่างสงบด้วยโรคชราในวัย 91 ปี ณ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท

ดร.ดร.ชูศักดิ์ หิมะทองคำ เป็นผู้ริเริ่มสินเชื่อเกษตรกรคนแรกของแผ่นดิน ได้นำเอาความรู้ความสามารถที่ศึกษามาจากประเทศอังกฤษกลับมาพัฒนาแผ่นดินเกิดของตัวเองด้วยความตั้งใจจริงใจ แม้วันนี้จะเป็นวันและวัยของการพักผ่อน แต่ก็ยังเป็นผู้มากด้วยความคิดอีกมากมาย

และได้รับการยกย่องจากบรรณาธิการสื่อสารมวลชนด้านเศรษฐกิจให้เป็น นายธนาคารแห่งปี เป็นคนแรก ประจำปี 2525

และได้รับทุนให้ไปบรรยายในรัฐต่างๆที่อเมริกา เป็นระยะเวลาถึง6เดือนพร้อมภรรยา ซึ่งเป็นโอกาสได้เข้าพบประธานาธิบดี Ronald Reagan ที่ทำเนียบขาว และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือก

ทีมข่าวบันเทิง Sanook.com ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว หิมะทองคำ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

เรียกว่าเป็นลูกสาวคนเก่งที่ทำหน้าที่เป็นเสาหลักของครอบครัวมาตลอด สำหรับ นักแสดง-ยูทูบเบอร์ เบสท์ คําสิงห์ ลูกสาว สมรักษ์ คําสิงห์ อดีตนักกีฬามวยสากลสมัครเล่น ที่ผ่านมาเบสท์ ยังต้องใช้หนี้แทนคุณพ่อซึ่งสูงถึงเดือนละเกือบล้าน

ล่าสุด เบสท์ ยังได้พูดถึงเรื่อง สมบัติ ต่อหน้าพ่อ หลังจากที่มีคนเข้ามาถาม

ขณะที่กำลังไลฟ์สดว่า “ไม่ได้มีสมบัติและที่ดินอะไรขนาดนั้น พ่อฉลาดใช้หมด(หลุดขำ)

ไม่ได้เก็บสมบัติให้ลูก ลูกเลยไม่ได้ตีกันว่าใครได้มากได้น้อย พ่อตัดปัญหาใช้หมดเลย

จบเป็นวิธีที่ถูกต้อง ลูกจะได้สามัคคีกัน ไม่ทะเลาะกัน อะคิดดู ตอนที่พ่อได้เหรียญทอง

พ่อได้เงินเยอะมาก แล้วสมมุติถ้าพ่อไปซื้อที่ เก็บตังค์เบสท์ได้ตรงนี้

โบ๊ทได้ตรงนี้ เบสท์กับโบ๊ทโตขึ้น อ้าว ทำไมเบสท์ได้น้อยกว่าโบ๊ท ทำไมโบ๊ทได้เยอะกว่าเบสท์

ทำไมเบสท์ได้น้อยกว่า เนี่ยมันก็จะไม่รักกันแต่พอพ่อใช้หมดปั๊บ

ก็เลยรักกันเลยใช่มั๊ย? (หันไปถามพ่อสมรักษ์)ชมซะพ่อบาสไม่กล้ายิ้มเลย

ขอบคุณข้อมูล: bestkamsingg

เป็นอีกหนึ่งซุปตาร์สาวที่ใครหลายคนต่างอิจฉา เพราะชีวิตการงานก็รุ่ง ความรักก็หวานไม่มีแผ่วเลย สำหรับ ศรีริต้า เจนเซ่น ณรงค์เดช ภรรยาของนักธุรกิจหนุ่ม กรณ์ ณรงค์เดช คุณแม่ของ น้องกวิณท์ ที่หลาย ๆ คนก็ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอคนนี้สวยไร้ที่ติจริง ๆ ไม่ว่าเธอจะมาลุคไหน ถ่ายภาพมุมใดก็ตาม

ล่าสุด ศรีริต้า ได้ควงแขน คุณสามี ไปออกงานด้วยกัน โดยเธอได้โพสต์ภาพบรรยากาศ ตลอดจนภาพสวย ๆ ของเธอ ที่มากับชุดออกงาน แต่งหน้าหวานฉ่ำ มองมุมไหนก็มีแต่คำว่าสวยไปหมด ก่อนใส่ข้อความไว้ในโพสต์นี้ว่า “Madame Butterfly”

ท่ามกลางคอมเมนต์จากชาวเน็ตที่เข้ามาชื่นชมในความสวยของเธอเป็นจำนวนมาก เช่น ขนาดเราเป็นผู้หญิง ยังหลงเลย ให้มองทั้งวันก็ยังได้ ไม่เบื่อเลย เพอร์เฟคสุดๆ, สวยมากค่ะ, งามสง่ามากเลยค่ะ, สวย เรียบ หรู ดูแพง ดูคลาสสิค โดดเด่น ไม่สามารถให้คำนิยามความงามของคุณได้เลย, ฯลฯ

หลังจากที่ มีเรียน แฟนสาวของ พีเค ปิยะวัฒน์ ได้ออกมาปาหลักฐานแฉเกี่ยวกับการเงินของใครสักคน ซึ่งได้พูดถึงเรื่องการยักยอกทรัพย์ ซึ่งทำเอาหลายคนสงสัยไม่น้อยว่า ทำไม มีเรียน ถึงต้องออกหน้าแทน พีเค ขนาดนี้ ล่าสุด เพจอีป้าข้างบ้าน ก็ได้ออกมาเฉลยว่า ทำไม มีเรียน ถึงออกตัวแทน พีเค ขนาดนี้ว่า

ครอบครัวของ พีเค กับ มีเรียน สงสัยว่า ตั้งแต่หลังหย่าทำไม พีเค ไม่มีเงินใช้เลย ทุกคนก็เอ๊ะ อ๋อ ทำงานมาตั้ง 10 ปี ทำไมถึงไม่มีเงิน บางวันยังมาขอคุณแม่ พี่ชาย มายืมนู่นนี่นั่นอยู่เลย

ทุกคนเพิ่งมารู้ว่าบัญชีผิดปกติ มีเรียน ก็รู้สึกว่าเรื่องแบบนี้อย่าไปยอมนะ นี่ไงเหตุผลที่ พีเค ไม่มีเงินติดในบัญชีเลย ที่หลายคนสงสัยทำไม มีเรียน ออกหน้า พีเค ครอบครัว หรือ พี่ชาย ที่เคยออกหน้าปกป้องน้องหายไปไหนถึงเงียบกริ๊บขนาดนั้น

ก็ไปสืบมาได้ความว่า ทางฝั่ง พี่ชาย เขาบอกว่าศิลปะแห่งการไม่ตอบโต้ คือการตอบโต้ที่ดีที่สุด พี่หนุ่ม บอกว่าต้องเงียบ เพราะว่ามีกระแสโจมตีเยอะ กำลังจะเข้าสู่ธรรมะ พระธรรม ไม่อยากจะยุ่งเรื่องนี้ อันนี้คือฝั่งของ พี่ชายพีเค

ส่วน พีเค นั้นเขาเพิ่งมารู้เรื่องนี้ และอยู่ ๆ มีเรียน ก็ออกตัวว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ เพราะว่า มีเรียน รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับ พีเค และ พีเค ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะ มีเรียน ดุเหลือเกิน

ถ้าเป็นเรื่องของธุรกิจและกฎหมาย พีเค เขาไม่รู้เรื่อง แต่ มีเรียน เขาทำธุรกิจมาเขารู้ว่าแบบไหนคือการยักยอก แบบไหนคือการโกงบัญชี และแบบไหนคือบัญชีที่ดี มีเรียน ก็เลยจะจัดการเรี่องตรงนี้ให้ ซึ่ง พีเค บอกว่าพอ มีเรียน บอกว่าจะจัดการให้ ด้วยความที่เขาดุ พี่ก็ไม่อยากยุ่ง ยูอยากจะทำอะไรยูทำไปเลยละกัน ถามว่าทั้ง ๆ ที่เรื่องมันเงียบไปแล้ว

ทำไมอยู่ ๆ มาขุดบัญชีสมัยไหนเอามาแฉกัน ไม่กลัวทัวร์ลงเหรอ จะบอกว่าเรื่องนี้ทั้งคู่เขาทำกันใจมาแล้วว่าจะต้องโดนทัวร์ลง แต่เขาอยากจะเปิดเผยข้อมูลอีกด้านหนึ่ง เพราะตอนนี้ พีเค โดนโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวและเงียบมานาน 5 เดือน ก็อยากจะออกมาพูดอีกฝั่งหนึ่งที่เขาโดนกระทำบ้างแค่นั้นเอง

แห่ส่งกำลังใจอย่างมากมายให้กับ CEO สาวแอน รุจิรา เจ้าของแบรนด์ดัง  ประกาศอย่างเด็ดเดี่ยวว่าเลิกกันแล้ว และนอกจากนี้ยังพูดเรื่องราวในชีวิตของเธอ

9 ปีที่ผ่านมา ฉันคิดว่า ฉันทำหน้าที่ภรรยา ได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว . ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัด เคยบ้านไม่มีเงิน พอสร้างตัวได้ ก็พยายามทำทุกอย่าง ให้เราเติบโตอย่างสวยงาม ในแบบที่ควรจะเป็น . ฉันใช้ชีวิตแบบบ้านๆได้ เที่ยวงานวัด ดูหมอลำ กินน้ำพริกกระปิ ส้มตำปลาร้า แกงหน่อไม้ได้ 

พอมีเงิน ใช้ชีวิตหรู กินของแพง โอมากาเสะ อาหารญี่ปุ่น ของแพง จิบไวน์ ฉันปรับตัวเข้ากับสังคมได้ง่าย และมีความสุขกับทุกบทบาท ไม่ว่าจะบ้านๆ หรือออกงานสังคม ฉันอ่อนน้อมถ่อมตน กับผู้ใหญ่เสมอ . ลูกฉันก็ดูแลใส่ใจ แม้ว่างานจะเยอะขนาดไหน หน้าที่แม่ไม่เคยขาด

งานก็ทำเต็มที่ รับผิดชอบในฐานะผู้นำ ต่อผู้คนมากมายที่ทำงานกับฉัน และพวกเขารู้ว่าฉันเป็นผู้นำที่แตกต่าง ทำทุกอย่างชัดเจนเสมอ . หน้าตาฉันก็ไม่ได้แย่ ด้านความสัมพันธ์ส่วนตัวก็พัฒนา . ชอบเรียนรู้พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ฉันรับฟังปัญหา พร้อมแก้ไข และกล้าตัดสินใจ

บางครั้งฉันก็อยากอ่อนแออยากอ้อนบ้าง ก็อยากทำตัวน่ารักบ้าง ซัพพอร์ตดูแลเธอและครอบครัว . ถ้าฉันทำผิดพลาดอะไร แค่คุยเปิดใจ มีอะไรก็บอก มันง่ายนิดเดียว ฉันไม่คิดว่าจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร ฉันชอบพัฒนาตัวเองเพื่อตัวเอง และเห็นตัวเองดีขึ้น .

ที่ผ่านมา ฉันทำดีที่สุดแล้ว ฉันถามตัวเองว่าผิดอะไร อยู่เสมอ . . การที่เธอทำแบบนี้ มันไม่ใช่ปัญหาของฉันอีกต่อไป ฉันไม่ต้องโทษตัวเองว่าพลาดอะไรไป บกพร่องในหน้าที่ภรรยาตรงไหน ต่อไปนี้มันคือ ปัญหาของเธอคนเดียวเท่านั้น . ฉันขออโหสิกรรมให้เธอ เราจะยังเหลือแค่สถานะพ่อแม่ เพราะเราไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว!!