หลังจากที่รัฐบาลประกาศ Timeline แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะให้ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน ภายใต้วงเงิน 500,000 ล้านบาท โดยร้านค้า และประชาชนจะลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ได้ในไตรมาส 3 และเริ่มแจกเงินในไตรมาส 4 ผ่าน Supper App ในปี 2567

แต่ก็มีประเด็นในโลกโซเชียลที่ว่า การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะให้เฉพาะผู้ที่ยื่นภาษีพิสูจน์รายได้เท่านั้น สร้างความฮือฮาให้กับชาวเน็ตอย่างมาก

ล่าสุด นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความชี้แจงถึงความชัดเจนของผู้ที่ได้สิทธิ์รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล์ตดังนี้

ผู้มีสิทธิ์ได้เงิน 10,000 บาท ในโครงการ Digital Wallet

อายุ 16 ปี ขึ้นไป ทุกคน ทั้งอยู่ในระบบภาษีและไม่อยู่ในระบบภาษี (ทั้งที่ยื่นแบบและไม่ยื่นแบบ)

ตัด ผู้ที่มีรายได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปี ออก

ตัด ผู้ที่มีเงินฝากในสถาบันการเงินพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐรวมกันทุกบัญชีเกิน 500,000 บาท ออกที่เหลือ ได้ทุกคน ซึ่งจะมีคนผ่านเงื่อนไขนี้ราว 50 ล้านคน

หลังจากที่รัฐบาลประกาศ Timeline แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะให้ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน ภายใต้วงเงิน 500,000 ล้านบาท โดยร้านค้า และประชาชนจะลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ได้ในไตรมาส 3 และเริ่มแจกเงินในไตรมาส 4 ผ่าน Supper App ในปี 2567

แต่ก็มีประเด็นในโลกโซเชียลที่ว่า การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะให้เฉพาะผู้ที่ยื่นภาษีพิสูจน์รายได้เท่านั้น สร้างความฮือฮาให้กับชาวเน็ตอย่างมาก

ล่าสุด นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความชี้แจงถึงความชัดเจนของผู้ที่ได้สิทธิ์รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล์ตดังนี้

ผู้มีสิทธิ์ได้เงิน 10,000 บาท ในโครงการ Digital Wallet

อายุ 16 ปี ขึ้นไป ทุกคน ทั้งอยู่ในระบบภาษีและไม่อยู่ในระบบภาษี (ทั้งที่ยื่นแบบและไม่ยื่นแบบ)

ตัด ผู้ที่มีรายได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปี ออก

ตัด ผู้ที่มีเงินฝากในสถาบันการเงินพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐรวมกันทุกบัญชีเกิน 500,000 บาท ออกที่เหลือ ได้ทุกคน ซึ่งจะมีคนผ่านเงื่อนไขนี้ราว 50 ล้านคน

เมื่อวันที่ 16 ก.ค.67 เพจ นิวส์ชลบุรี-ระยอง ออนไลน์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า รอฟังข่าวใหญ่ บริษัทเรียกพนักงานมา เซ็นสัญญาเลิกจ้าง ก่อนจะประกาศปิดกิจการในไทยถาวร วันนี้ ย้ายฐานผลิตไปที่เวียดนาม เป็นกำลังใจให้กับพนักงานทุกๆคนนะครับ

อย่างไรก็ตามจะเป็นบริษัทไหนนั้น หากมีความคืบหน้าอย่างไรทีมงานจะรีบนำมาอัพเดททันที

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ “ผู้พิทักษ์” โพสต์ข้อความระบุว่า

ด่วน! รองผกก.ป.สน.ท่าข้าม ถูกยิงเสียชีวิต ขณะเข้าระงับเหตุคนเล่นปืน หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในย่าน พระราม 2

หากมีรายงาน และรายละเอียดเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบต่อไป

แฟนคลับ “บอย ท่าพระจันทร์” สุดช้ำใจร้อนเงินอยากขายพระสมเด็จ 2 องค์ เจอ บอย เก๊เข้าให้อ้างเป็นเซียนพระคนดัง ปลอมไลน์หลอกจะซื้อพระให้เฉียดล้าน แต่ต้องโอนค่าทำบัตรรับรองพระเครื่องจนเหลือติดบัญชี 90 บาท ซ้ำอ้างสนิทหนุ่มกรรชัย ท้าไปแจ้งความ

เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 17 ก.ค.2567 ที่สภ.ดอนหัวฬ่อ จ.ชลบุรี นายรุ่งโรจน์ อายุ 58 ปี นำหลักฐานเข้าแจ้งความหลังตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ อ้างตัวเป็นเซียนพระชื่อดัง “บอย ท่าพระจันทร์” หลอกเช่าพระสมเด็จวัดระฆังในราคาเกือบล้าน แต่สุดท้ายต้องสูญเงินไป 3 พันบาทจนเหลือเงินติดบัญชีแค่ 90 บาท

นายรุ่งโรจน์ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ตนมีพระสมเด็จวัดระฆัง 2 องค์ที่ติดตัวมานานหลายสิบปี แต่ช่วงนี้ร้อนเงินจึงต้องการจะขายพระเครื่อง ด้วยความที่ตนเป็นแฟนคลับของเซียนพระชื่อดัง “บอย ท่าพระจันทร์”ที่ตนติดตามมาตลอดทั้งทางเฟซบุ๊กและยูทูบ จึงทราบว่า บอย ท่าพระจันทร์ มีไลน์หากต้องการขายพระจะให้ส่งรูปไปทางไลน์ ตนจึงติดต่อไปทางไลน์ “บอยท่าพระจันทร์Fc” และมีการคุยตอบกลับมาอย่างดีจนเชื่อใจคิดว่าเป็น บอย ท่าพระจันทร์ ตัวจริง

“พอส่งรูปพระสมเด็จวัดระฆังไป 2 องค์ ในแชทไลน์ก็ตอบตีราคา 2 องค์ให้ 780,000 บาท ผมตกลงราคาทันที โดยมีการบอกให้ผมโอนเงินเพื่อทำบัตรรับรองพระและใบสมาคมค้าขาย รอบแรกโอนไป 500 บาท รอบที่2 โอนไป 1,800 บาท รอบที่สามอีก 700 บาท รวมเป็นเงิน 3,000 บาท เลยบอกไปว่าไม่มีเงินแล้วเหลือเงินติดบัญชีอยู่ แค่ 90 บาท

จากนั้นถึงมาเอะใจว่า บอย ท่าพระจันทร์ เคยบอกว่า ถ้าซื้อพระจะต้องไม่มีการให้โอนเงินไปก่อน มีแต่ให้เอาพระไปดู หากสนใจจะมาดูเอง เลยคิดได้ว่าเป็นมิจฉาชีพปลอมไลน์ขึ้นมาเพื่อหลอกลวง”

นายรุ่งโรจน์ เล่าต่อด้วยความคับแค้นใจด้วยว่า พอสงสัยว่าเป็นมิจฉาชีพจึงบอกไปว่า จะได้ไปแจ้งความ แต่มิจฉาชีพไม่กลัว ตอบกลับมาว่าให้รีบไปแจ้งและทำข่าวด้วย เพราะสนิทกับหนุ่ม กรรชัย พิธีกรรายการชื่อดังโทรคุยกันเป็นประจำทุกวัน ยิ่งทำให้มั่นใจว่าเป็นมิจฉาชีพแน่นอน รีบนำหลักฐานมาแจ้งความให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายให้ได้เร็วที่สุด

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในขณะนี้ โดยนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ทำแบบทดสอบวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งโจทย์ระบุว่า รถบัสสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 10 คน ถ้ามีผู้โดยสาร 7 คน รถบัสจะเหลือที่นั่งว่างกี่ที่นั่ง

นักเรียนส่วนใหญ่ล้วนคำนวณออกมาเป็นตัวเลข 10-7=3 แต่ปรากฏว่าคุณครูตรวจให้คำตอบนั้น ผิดส่งผลให้ทั้งชั้นเรียนไม่มีใครได้รับคะแนนเต็มสำหรับแบบทดสอบนี้

เมื่อเรื่องนี้ไปถึงสายตาของเหล่าผู้ปกครอง จึงเกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือด จนในที่สุดก็ลุกลามไปถึงการเผชิญหน้ากับคุณครู เพื่อขอคำชี้แจงต่อประเด็นนี้ว่ามีการตรวจผิดพลาดหรือไม่

ฝ่ายคุณครูอธิบายว่า โจทย์บอกว่ารถสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 10 คน แต่เมื่อคำนวณ เราต้องไม่ลืมลบ 1 ที่นั่ง ของคนขับด้วย ดังนั้น การคำนวณที่ถูกต้องคำตอบจะต้องเป็น 2

เมื่อได้ยินคำอธิบายนี้ ผู้ปกครองหลายคนก็คิดย้อนกลับไป และต้องยอมรับว่าคำอธิบายของคุณครูนั้นค่อนข้างสมเหตุสมผลดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถเอ่ยเพื่อโต้แย้งเรื่องนี้ได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม บางคนยังมองว่าบอกว่า นี่คือโจทย์คณิตศาสตร์สำหรับเด็กประถมศึกษาปีที่ 1 แต่ยังเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ใหญ่ที่จะหาคำตอบอย่างรอบคอบ แล้วนับประสาอะไรกับนักเรียนตัวเล็กๆ เหล่านั้น

วันที่ 17 ก.ค. 2567 สำนักข่าวต่างประเทศ Reuters ได้มีการรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 25 ราย และบาดเจ็บอีก 17 คน หลังเกิดเหตุรถบัสประสบอุบัติเหตุตกเหวบนทางลาดชันที่ความสูงประมาณ 200 เมตร ขณะที่เดินทางผ่านพื้นที่ภูเขา บนถนนทางหลวงในภูมิภาคที่ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาแอนดีส ประเทศเปรู

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 16 ก.ค. 2567 ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อรถบัสบรรทุกผู้โดยสารจำนวน 42 คน ได้เกิดประสบอุบัติเหตุตกเหวลึก เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินระดมกำลังเพื่อเข้าไปยังที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย แต่ต้องเผชิญกับอุปสรรคการเข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวด้วยความยากลำบาก เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศที่เป็นภูเขา

เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้อย่างแน่ชัด และเจ้าหน้าที่ยังคงอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่รายงานข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุว่า 70 % ของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในเปรู มีสาเหตุมาจากความประมาทของคนขับ เช่น ความไร้ความสามารถของผู้ขับขี่หรือความเหนื่อยล้า

สำหรับเหตุการณ์รถบัสตกเหวเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นบนถนนที่ตั้งอยู่บนภูเขาที่ไม่ปลอดภัยในเปรู โดยเมื่อปีที่แล้ว ที่นั่นเผชิญกับอุบัติเหตุที่คล้ายกันนี้มากกว่า 87,000 ครั้ง และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 3,130 คนเลยทีเดียว

ขอบคุณภาพจาก ALJAZEELA

ขแบคุณข้อมูลจาก Reuters

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมร้านค้า เพื่อเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท คาดว่าจะเริ่มในไตรมาส 4 ของปีนี้ (ตุลาคม-ธันวาคม 2567) ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมด้านร้านค้าไว้เรียบร้อยแล้ว โดยในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ มีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและกรมการค้าภายใน เป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนหน่วยงานอื่นที่เป็นเจ้าของฐานข้อมูลร้านค้า ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้ส่งฐานข้อมูลร้านค้าให้กับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร. เพื่อรวบรวมในฐานข้อมูลกลาง เตรียมความพร้อมลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นแล้ว รวม 1,604,000 ร้านค้า

นายภูมิธรรม กล่าวว่า รายละเอียดของร้านค้า ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์มีนิติบุคคลขึ้นทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 910,000 ราย จำนวนนี้มีร้านธงฟ้า 146,000 แห่ง และร้านอาหารธงฟ้า 5,000 แห่ง ที่กรมการค้าภายในดูแล มีร้านค้า (โชห่วย) หาบเร่ แผงลอย ร้านค้าอาหาร ร้านค้าตลาดนัด และที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ดูแล 400,000 แห่ง รวมทั้งมีกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูแล 93,000 แห่ง และห้างค้าส่งปลีกและร้านสะดวกซื้อ ที่สมาคมค้าปลีกไทยดูแล โดยดำเนินการผ่านกระทรวงพาณิชย์ 50,000 แห่ง

นายภูมิธรรมกล่าวว่า กำหนดการลงทะเบียน เบื้องต้นเดือนสิงหาคนี้จะเปิดลงทะเบียนกลุ่มร้านค้า สมาคมค้าปลีก-ค้าส่ง ตามด้วยกลุ่มซัพพลายเออร์ และร้านค้าทั่วไป ส่วนกรณีมีการมองว่าการลงทะเบียนร้านค้า เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ ยืนยันว่าการดำเนินการไม่ได้เป็นเช่นนั้น จะเน้นร้านค้าขนาดเล็ก ซึ่งร้านค้าบุคคลธรรมดา ร้านธงฟ้า ร้านกองทุนหมู่บ้าน วิสาหกิจชุมชน ร้านค้ารายย่อย ร้านค้าปลีกและร้านโชห่วยท้องถิ่น ร้านสหกรณ์ ผู้ผลิตสินค้าชุมชน โอท็อป ร้านจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม ร้านขายของชำ มีสิทธิหมด รวมถึงร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก แต่ไม่รวมห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก-ค้าส่งขนาดใหญ่ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น

นายภูมิธรรมกล่าวว่า สำหรับรายการสินค้าที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ทุกประเภท ยกเว้นธุรกิจบริการและสินค้า 18 กลุ่ม (Negative List) ที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ ได้แก่ 1.สลากกินแบ่งรัฐบาล 2.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3.ผลิตภัณฑ์ยาสูบ 4.กัญชา 5.กระท่อม 6.พืชกระท่อม 7.ผลิตภัณฑ์จากกัญชาและกระท่อม 8.บัตรกํานัล 9.บัตรเงินสด 10.ทองคํา 11.เพชร 12.พลอย 13.อัญมณี 14.น้ำมันเชื้อเพลิง 15.ก๊าซธรรมชาติ 16.เครื่องใช้ไฟฟ้า 17.อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และ 18.เครื่องมือสื่อสาร อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์สามารถพิจารณาปรับปรุงรายการสินค้า Negative List หากเห็นว่ามีความจำเป็น โดยเฉพาะสินค้าบางชนิด ที่จำเป็นต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือใช้สร้างอาชีพ

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวเศร้า ที่โลกออนไลน์เข้ามาแสดงความเสียใจกันเป็นจำนวนมาก หลังล่าสุด เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศ ได้รายงานว่า คู่สามีภรรยาบล็อกเกอร์สายท่องเที่ยวได้เสียชีวิตลงแล้ว ระหว่างปีนเขาในญี่ปุ่น หลังภรรยาโดดลงไปในแม่น้ำเพื่อช่วยชีวิตสามี ส่งผลให้ทั้งคู่ถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากพัดหายไป ก่อนจะพบร่างในภายหลัง

โดยเหตุดังกล่าวนั้น ภรรยาชาวจีนวัย 35 ปี อากู (Agu) และสามีไม่ทราบชื่อ วัย 41 ปี เสียชีวิตระหว่างไปปีนเขาในประเทศญี่ปุ่นกับเพื่อน

โดยสามีของอากูได้ตกลงไปในแม่น้ำพร้อมเสื้อชูชีพ ก่อนที่อากูจะโยนเชือกยาว 100 เมตรลงไปให้เขา ทางสามีพยายามว่ายน้ำข้ามไปยังอีกฝั่งเพื่อนำเชือกไปผูกกับอะไรสักอย่าง ก่อนจะถูกกระแสน้ำซัดกลืนร่างหายไป

หลังจากพูดคุยสั้นๆ กับเพื่อน อากูก็ตัดสินใจกระโดดลงไปในแม่น้ำพร้อมชูชีพ เพื่อช่วยสามี แต่กลับกลายเป็นภาพสุดท้าย จนถูกน้ำพัดไปทันทีทั้งคู่ เพื่อนที่ไปด้วยกันจึงรีบแจ้งทางตำรวจให้เข้ามาช่วยเหลือ

หลายชั่วโมงต่อมา ร่างของพวกเขาถูกพบอยู่ปลายแม่น้ำ สภาพสวมเสื้อชูชีพ ต่อมาแพทย์ระบุว่าเสียชีวิตจากการจมน้ำ สำหรับแม่น้ำที่ทั้งคู่ตกลงไปมีความกว้างประมาณ 80 เมตร และลึกถึง 20 เมตรในบางจุด ระดับน้ำสูงขึ้นและไหลอย่างรวดเร็วหลังจากฝนตกหนักก่อนวันเกิดเหตุ

ทั้งนี้ อากูกับสามีเพิ่งแต่งงานกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 โดยฝ่ายชายยังเขียนข้อความผ่านโซเชียลมีเดียว่า “ผมเลือกภูเขาเป็นงานอดิเรกตลอดชีวิต ตอนนี้ผมเลือกที่จะปีนเขาพร้อมกับคู่รักของผม ผมหวังว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางในชีวิตที่มีความสุข ผมหวังว่าเราจะได้สัมผัสชีวิตด้วยกัน และผมหวังว่าคุณจะอยู่เคียงข้างผมตลอดไป

อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านยิงกำนัน ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทองจังหวัดพิษณุโลก ได้รับบาดเจ็บสาหัสกลางงานเลี้ยง ก่อนยิงตัวเองเสียชีวิตหนีความผิด โดยเหตุเกิดกลางดึกวันที่ 18 ก.ค.67 สถานที่เกิดเหตุเป็นลานจอดรถข้างที่รับซื้อผลไม้บ้านแก่งซอง เจ้าหน้าที่ตำรวจรุดไปยังจุดเกิดเหตุพบร่าง ผู้เสียชีวิต และ เป็นมือปืน คือนายคณิต ลาสม อายุ 42 ปี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ตำบลแก่งโสภา

ใกล้กันพบ ร่างนางสาววรรณพร เตชะพันธรัตนกุล์  หรือ กำนันปลา อายุ 39 ปี กำนันตำบลแก่งโสภา โดนยิงบริเวณช่องท้อง และขา ได้รับบาดเจ็บ ญาตินำตัวส่งโรงพยาบาลพยาบาลกรุงเทพพิษณุโลกเพื่อเร่งช่วยชีวิต

ด้านชาวบ้านเผยว่าได้ยินเสียงปืนจำนวน 4 นัด ต่อมาพบกำนันปลาถูกยิง และนายคณิต อดีตผู้ใหญ่บ้าน ส่วนสาเหตุน่าจะมีปากเสียงกันแต่ไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไร