จากกรณีชุดนักกีฬาทีมชาติไทยจะใส่แข่งโอลิมปิก 2024 นำลวดลาย “มรดกโลกบ้านเชียง” มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ สะท้อนถึงการผสมผสานระหว่างมรดกทางวัฒนธรรมไทยกับความเป็นสากล ทีมออกแบบได้ทำการวิจัยค้นคว้าอย่างละเอียด โดยได้ประชุมร่วมกับผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบสร้างสรรค์ผ้าและสิ่งทอ (FTCDC) มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) อุดรธานี รวมทั้งได้ขอข้อมูลและคำแนะคำจากพิพิธภัณฑ์บ้านเชียง กรมศิลปากร และชุมชนบ้านเชียงที่ยังสืบสานการทอผ้า การย้อมคราม และทำเครื่องปั้นลายบ้านเชียงหลังจากรวบรวมข้อมูล ทีมงานได้นำลวดลาย สีผ้าคราม และความรู้ที่ได้รับมาประยุกต์ออกแบบชุดสำหรับการแข่งขันและการเดินทางให้ดูทันสมัยและเหมาะกับเวทีระดับโลก
นอกจากนี้ ยังนำนวัตกรรมเสื้อโปโลรีไซเคิลจากขวดพลาสติกมาใช้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ชุดนักกีฬาชุดนี้จึงเป็นมากกว่าเครื่องแต่งกาย แต่เป็นตัวแทนของการผสมผสานระหว่างอดีตกับอนาคตที่ยังยืน และเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้ตระหนักถึงคุณค่าของวัฒนธรรมไทย พร้อมกับการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ น.ส.กนกวลี สุริยะธรรม ผอ.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติบ้านเชียง ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า การออกแบบชุดกีฬาของทีมชาติไทยในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้พิพิธภัณฑ์ได้รับการประสานจากผู้ออกแบบและ มรภ.อุดรธานี ในการขอข้อมูลเกี่ยวกับวัฒนธรรมบ้านเชียงและความเป็นมาและเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับโบราณวัตถุ ศิลปะต่างๆ แนวคิด หรือความหมายที่ปรากฏอยู่บนโบราณวัตถุ ได้นำข้อมูลไปประยุกต์รวมกัน ซึ่งผู้ออกแบบก็จะได้ไปรวบรวมและนำลงไปใส่ในเสื้อผ้าของนักกีฬา
น.ส.กนกวลีเผยว่า จริงๆ แล้วลวดลายที่ปรากฏอยู่บนโบราณวัตถุและภาชนะวัตถุดินเผาทำให้คนรู้จักวัฒนธรรมบ้านเชียง ส่วนใหญ่เป็นรูปทรงเรขาคณิต ภาพเล่าเรื่องต่างๆ รูปสัตว์ หรืออาจเป็นภาพเสมือนจริง ซึ่งลวดลายต่างๆ พวกนี้อาจเล่าถึงสิ่งสภาพแวดล้อม หรือรูปสัญลักษณ์บางอย่างที่อาจสื่อถึงนามธรรม เช่น วิญญาณ หรือของสื่อธรรมชาติต่างๆ เช่น น้ำ ไฟ โดยสิ่งเหล่านี้เหมือนเป็นแรงบันดาลใจที่สามารถนำมาต่อยอด หรือถ่ายทอดบนลวดลายผ้า
กนกวลี สุริยะธรรม
“ลวดลายที่ออกแบบลงในผ้าจะออกแบบมาเหมือนกับลายปัจจุบัน เช่น ลายหมักจับ ลายใบสิม ลายนาคเกี้ยว และลายโคม ซึ่งก็จะเป็นลวดลายที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันแล้วก็ความเชื่อของคน ฉะนั้นการนำเอาองค์ความรู้เรื่องวัฒนธรรม เรื่องลวดลายของคนในสมัยก่อนมาผนวกเข้ากับองค์ความรู้และวิถีชีวิตของคนในปัจจุบันที่ยังคงการทอผ้าใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นการเชื่อมเรื่องในประวัติศาสตร์เข้ากับสมัยปัจจุบันด้วยกัน
การนำวัฒนธรรมบ้านเชียงออกสู่สายตาชาวโลกก็ทำให้มุมมองของที่ไม่ได้อยู่ในเพียงแค่โบราณคดี โบราณวัตถุ ศิลปะวัตถุ หรือเรื่องของชุมชนเท่านั้น ซึ่งตอนนี้สามารถนำไปสู่ด้านแฟชั่นทางการกีฬาได้ ทำให้พี่น้องชุมชนในบ้านเชียงรู้สึกภาคภูมิใจที่สามารถนำภูมิปัญญาไปเผยแพร่ต่อสู่สายตาชาวโลกได้” น.ส.กนกวลีกล่าว
น.ส.บุษราภรณ์ อายุ 45 ปี ชาวบ้านเชียง เปิดเผยว่า ในฐานะคนบ้านเชียงรู้สึกดีใจจนไม่รู้จะอธิบายยังไง ตื้นตันใจและนึกไม่ถึงว่าลายบ้านเชียงจะไปอยู่ในเสื้อผ้ากีฬาทีมชาติไทยในการแข่งขันโอลิมปิก 2024 ที่คนในชุมชนก็ดีใจมาก เพราะปกติจะมีไลน์กลุ่มเอาไว้คุยกัน ต่างพากันแชร์ข่าวมาให้ดูว่าบ้านเชียงจะได้ไปโชว์สายตาชาวโลกในชุดนักกีฬาทีมชาติ
“ขอบคุณมากที่เห็นความสำคัญของลายบ้านเชียง จากนี้คงจะโด่งดังไปแบบนี้เรื่อยๆ ซึ่งลายบ้านเชียงก็เป็นจุดเด่นอยู่แล้วที่อยู่บนภาชนะดินเผา และยิ่งมาเห็นว่าลายบ้านเชียงจะได้ไปโชว์สายตาชาวโลกยิ่งภูมิใจมาก” น.ส.บุษราภรณ์กล่าว
บุษราภรณ์