Home ข่าว ข่าวสังคม หนุ่มป่วยหลังไปกางเต็นท์ในป่า ตรวจเลือด 10 ครั้ง ถึงเจอต้นตอ

หนุ่มป่วยหลังไปกางเต็นท์ในป่า ตรวจเลือด 10 ครั้ง ถึงเจอต้นตอ

114

เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่กลายเป็นอุทาหรณ์สำคัญให้กับสายแคมป์และคนรักธรรมชาติได้ระวังตัวมากขึ้น เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pornpichit Chantakon ได้โพสต์เล่าประสบการณ์จริงลงในกลุ่ม “จุดกางเต็นท์” เพื่อแชร์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการตั้งแคมป์ใกล้ป่า

โดยเจ้าตัวหวังให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนให้กับคนที่ชื่นชอบการกางเต็นท์ได้ตระหนักถึงความปลอดภัย และรู้เท่าทันความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นจากธรรมชาติรอบตัว ก่อนออกเดินทางครั้งต่อไป

หนุ่มป่วยหลังไปกางเต็นท์ในป่า ตรวจเลือด 10 ครั้ง ถึงเจอต้นตอ

โพสต์ดังกล่าวระบุว่า … ขอเล่าประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมไปตลอดชีวิต อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังจะไปแคมป์ใกล้ๆป่า ผมติด “ไข้รากสาด” จากการไปแคมป์ที่ชะอม ผมไปมาวันที่13-14/09/25 และผมเริ่มมีไข้วันที่24 ระยะฟักตัว10-12วันเลยนะครับ

หมอบอกเกิดจากตัวไร หรือหมัดในป่ากัด แล้วผมก็ติดเชื้อมา ปัญหาคือตรวจเลือดไม่เจออะไรเลย ผมไปรพ.แทบทุกวันตั้งแต่วันที่ 24 จนได้นอน รพ. วันที่ 29 เพราะแทบไม่มีแรง ไข้ขึ้นสูงแต่ตรวจไม่เจอ ปวดตามกล้ามเนื้อ ข้อต่อต่างๆ แต่ไม่มีน้ำมูกไม่ไอ มีแค่ไข้สูงกับปวดหัวรุนแรง เพราะเชื้อไข้รากสาด สามารถทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบได้

หนุ่มป่วยหลังไปกางเต็นท์ในป่า ตรวจเลือด 10 ครั้ง ถึงเจอต้นตอ

ผ่านไปจนวันที่1 เดือน10 หมอถึงเจอเชื้อไข้รากสาด ผมตรวจเลือดไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งในระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 24 ถึงวันที่ 1 ถึงเจอเชื้อจากการเอาเลือดไปเพาะเชื้อ หลังจากเจอเชื้อ 2 วันจากนั้นผมก็หาย และกลับบ้านได้ ถือว่าผมโชคดีที่มันยังขึ้นไม่ถึงสมอง

จากประสบการณ์นี้ ผมจึงคิดว่ามันคงมีาประโยชน์ หากเพื่อนๆได้รับทราบถึงไข้นี้ หากเข้าไปแคมป์ใกล้ๆ ป่า สเปรย์กันแมลงสำคัญมากๆ ผมแทบไม่รู้สึกว่าอะไรกัดผมเลย ปกติผมเป็นคนแข็งแรง ออกกำลังกายอยู่เสมอ ยังเป็นได้ ฝากทุกคนระวังกันด้วยนะครับ มันอันตรายถึงชีวิตจริงๆ

หนุ่มป่วยหลังไปกางเต็นท์ในป่า ตรวจเลือด 10 ครั้ง ถึงเจอต้นตอ

  • รู้จักโรคไข้รากสาดใหญ่

โรคไข้รากสาดใหญ่ หรือโรคสครับไทฟัส (Scrub typhus) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในกลุ่มริกเก็ตเซีย (Rickettsia) ซึ่งมีตัวไรอ่อนเป็นพาหะ อาศัยอยู่ตามกอไม้กอหญ้าใกล้กับพื้นดิน จะกัดคนหรือสัตว์เพื่อกินน้ำเหลืองเป็นอาหาร โดยตัวไรอ่อนจะไต่ตามยอดหญ้าแล้วกระโดดเกาะตามเสื้อผ้าของคนและกัดผิวหนังที่สัมผัสกับเสื้อผ้า ปกติเราจะมองไม่เห็นตัวไรอ่อนเพราะมีขนาดเล็กมาก ประมาณ 1 มิลลิเมตรเท่านั้น ส่วนใหญ่จะกัดที่บริเวณรักแร้ ขาหนีบ รอบเอว

  • อาการของโรคไข้รากสาดใหญ่

หากถูกตัวไรอ่อนที่มีเชื้อกัดประมาณ 10 – 12 วัน จะมีอาการปวดศีรษะ มีไข้ หนาวสั่น ไอ ตาแดง คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตัว อ่อนเพลีย บริเวณที่ถูกกัดอาจมีผื่นแดงขนาดเล็กค่อยๆ นูนหรือใหญ่ขึ้น อาจพบแผลคล้ายบุหรี่จี้ (Eschar) แต่ไม่ปวดและไม่คัน บางรายอาจหายได้เอง แต่บางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ เช่น ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองและสมองอักเสบ และอาจทำให้เสียชีวิตได้