เพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ได้มีการรายงานโพสต์ล่าสุด (18 ก.ค.) ผ่านเพจว่า ‘ศาลอาญา’ พิพากษา จำคุก 5 ปี แยม ธมลพรรณ์ อดีตนักแสดงละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ส่วนสามี ‘ภูมิพัฒน์’ จำคุก 20 ปี เปิดเว็บพนัน-ฟอกเงิน จำเลยอื่นรับโทษลดหลั่นไป ยกฟ้อง 1คน หนีประกัน 2 คน

จำคุก แยม ธมลพรรณ์ 5 ปี สามีโดน 20 ปี เซ่นคดีเปิดเว็บพนัน-ฟอกเงิน
โดยมีการรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 18 กรกฎาคม 2567 ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีเว็บพนัน และฟอกเงินหมายเลขดำ อ.669/2566 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ฟ้อง

1) นายเชษฐ์ชัย หงษ์ดา

2) นายภูมิพัฒน์ หรืออั้มประเสริฐวิทย์สามีแยม ธมลพรรณ์ อดีตนักแสดงละครจักรๆ วงศ์ ๆ

3) นางสุดใจ สนกรุด

4) นายนฤพล ชาวเพ็ชร

5) นายอาทิตย์ หรือบัง อยู่ค่า6) นายปกรณ์ เหลาไกร

7) น.ส.ธมลพรรณ์ประเสริฐวิทย์ หรือแยม อดีตนักแสดงละครจักรๆวงศ์

8)นายฐิติวัฒน์ สุริยพัฒน์

9) นายปิตุพงศ์ ยาวิราช

10) นายวรวุฒน์ พรรณสุวรรณ์

11) นายกิตติภพ มาน้อย

12) น.ส.พลอยณิศา สิงแก้วเป็นจำเลยที่ 1-12 ตามลำดับ

ในความผิดฐานร่วมกันเพื่อประสงค์แห่งการค้า ทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆซึ่งรูปภาพ ภาพโฆษณา รูปถ่ายฯ หรือสิ่งอื่นใดอันลามกฯ,ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อฯ โดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันฯ, สมคบฯเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินฯ และร่วมกันฟอกเงิน

อัยการโจทก์ระบุคำฟ้องความผิดพวกจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม 2565 ถึงวันที่ 1 กันยายน 2565 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-8 กับพวกได้บังอาจร่วมกันฟอกเงิน โดยการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยนายภูวดล คชภูมิ พวกของจำเลย ซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้โอนเงินซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด ฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ

ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ร่วมกันเข้าเล่นหรือร่วมเข้าพนันในการเล่นอันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 อันเป็นความผิดมูลฐานตามความผิดเกี่ยวกับการเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีวงเงินในการกระทำความผิดรวมกันมีมูลค่าตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป

ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับการพนันตามกฎหมายว่าด้วยการพนัน และเป็นการจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยโอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)ชื่อบัญชี พวกของจำเลย ซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้องไปยังบัญชีเงินฝากบัญชีเงินฝาก บัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)ชื่อบัญชี นายปกรณ์ เหลาไกร ของจำเลยที่ 6 จำนวน 46 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 39.6 ล้านบาท อันเป็นการโอน รับโอนหรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด

เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน หรือเพื่ออำพรางลักษณะที่แท้จริง การได้มา แหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใดๆซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด อันเป็นการร่วมกันกระทำความผิดฐานฟอกเงินโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายสมดังเจตนาของจำเลยทั้งแปดกับพวกตามที่ได้สมคบกันดังกล่าว

ต่อมาเมื่อระหว่างวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 – วันที่22 กันยายน 2565 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-8 กับพวก ได้บังอาจร่วมกันฟอกเงิน โดยการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยจำเลยที่ 1ได้เบิกถอนเงินซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ร่วมกันเข้าเล่นหรือร่วมเข้าพนันในการเล่นอันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 อันเป็นความผิดมูลฐานตามความผิดเกี่ยวกับการเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต

จากบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)ชื่อบัญชี นายปกรณ์ เหลาไกร จำเลยที่ 6 จำนวน 25 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 350.4ล้านบาทเศษ อันเป็นการโอน รับโอนหรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน หรือเพื่ออำพรางลักษณะที่แท้จริง

เหตุเกิดที่แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร, แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อยกรุงเทพมหานคร, ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา4, 4 ทวิ, 5, 6 และ 12 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2485 มาตรา 3 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2504 มาตรา 3และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 5 ฯประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ,83, 91 และ 287

พวกจำเลยให้การปฏิเสธ เบิกตัวจำเลที่ 1-8 จากเรือนจำ ส่วนจำเลยที่ 9-12 ได้รับการประกันตัวอย่างไรก็ตามวันนี้ จำเลยที่ 9-10 มาศาล ส่วนจำเลยที่ 11-12หลบหนีไม่มาศาล

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างแล้วพิพากษาจำคุก จำเลยที่ 1 รวม 12 ปี 21 เดือน , นายภูมิพัฒน์ จำเลยที่ 2 จำคุก 20 ปี, จำเลยที่ 3-6 จำคุกคนละ 2 ปี 4 เดือน, จำเลยที่ 7 จำคุก 5 ปี, จำเลยที่ 8 จำคุกรวม 12 ปี 18 เดือน, จำเลยที่ 9 พิพากษายกฟ้อง , จำเลยที่ 10จำคุก 4 เดือนปรับ 8 พันบาท โทษจำคุกให้รอลงอาญามีกำหนด 2 ปี.