ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น เร่งคลี่ปริศนาควานหาเบาะแส “สาวแม่ลูกอ่อน” หายตัวลึกลับ หลังออกจากบ้านไป รพ.ศูนย์ขอนแก่น ก่อนส่งข้อความมาบอกพ่อกับแม่ว่า ถูกคนร้ายกักขังไว้ แต่ไม่รู้สถานที่ โดยมีการขู่ทวงหนี้หลักหมื่น หากแจ้งความจะไม่ปล่อยตัว ผู้เป็นพ่อสงสัย อาจเกี่ยวโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 6 สิงหาคม 2567 พบผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ ศิริวรรณ คมสันต์ โพสต์ร้องเรียนในกลุ่มเฟซบุ๊ก ขอนแก่นร้องเรียนอะไรบอกไว้ที่นี่ โดยมีภาพนิ่งและข้อความว่า ขออนุญาตใช้พื้นที่นี้ตามหาเพื่อนค่ะ โมโดนจับตัวไปและโดนขังไว้ตั้งแต่วันที่ 03/08/67 ประมาณช่วงบ่าย และมีการอัปเดตลงสตอรี่เฟซบุ๊กช่วงตี 1 ของเมื่อคืน (ตามภาพดังกล่าว) เขาใช้คำว่าติดสินบน (แต่ไม่ได้ติดหนี้นะคะ) รายละเอียดเป็นยังไงยังไม่ทราบค่ะ เพราะติดต่อเพื่อนไม่ได้เลย มีการทิ้งเบอร์โทรไว้และบอกว่าถ้าไม่มีญาติพี่น้องโทรไปเจรจา จะไม่มีการปล่อยตัวใดๆ แต่พอโทรไปกลับเป็นเบอร์ใครก็ไม่รู้ ตอนนี้เป็นห่วงเพื่อนมาก ถ้าใครพบเห็นรบกวนติดต่อที่เฟซบุ๊กนี้ ศิริวรรณ คมสันต์  หรือโทรเบอร์ 084-788-8995 (ญาติ) ด้วยนะคะ ตอนนี้ทางญาติมีการเข้าแจ้งความเรียบร้อยแล้วค่ะ ฝากแชร์ด้วยนะคะ

หลังจากมีผู้โพสต์ในโซเชียลถึงการหายตัวไปของหญิงชื่อโม ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อกับผู้โพสต์ ชื่อ ศิริวรรณ คมสันต์ ทราบว่าเป็นเพื่อนสนิทกับโม และให้ติดต่อกับบิดาของโม ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ บิดาของโม ชื่อ นายกิตติมา คำพิลัง อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 147 ม.14 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น

นายกิตติมา เปิดเผยว่า น้องโม หรือนางสาวกิตติพร คำพิลัง อายุ 22 ปี บุตรสาวของตน มีครอบครัวแล้ว และมีบุตร 1 คน อายุ 9 เดือน เนื่องจากเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 น้องโมได้ออกจากบ้านไปที่ รพ.ศูนย์ขอนแก่น เพื่อไปรับยาให้บุตร โดยขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็กซ์แม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ออกจากบ้านไป จากนั้นช่วงเย็นวันเดียวกัน น้องโมก็ติดต่อมาหาพ่อแม่ว่า โทรศัพท์หาย กำลังจะประสานให้ทางโรงพยาบาลดูกล้องวงจรปิดให้ว่าใครเอาไป จากนั้นน้องโมก็หายตัวไป แต่ตอนนั้นยังไม่แจ้งความ เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายกับน้องโม

ต่อมาวันที่ 5 สิงหาคม เวลาประมาณ 13.43 น. น้องโมได้ติดต่อผ่านช่องทางเมสเซนเจอร์ มาแจ้งว่าถูกคนร้ายกักขังไว้ แต่ไม่รู้สถานที่

ต่อมาคนร้ายได้ส่งข้อความมาในเมสเซนเจอร์ของน้องโมว่า น้องโมติดหนี้อยู่ 30,000 บาท เวลาประมาณ 18.00 น. ให้พ่อติดต่อหาคนร้ายผ่านทางเมสเซนเจอร์ของน้องโม ถ้าไม่ติดต่อมา ให้เตรียมตัวรับร่างของน้องโมได้เลย จึงตัดสินใจแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อให้ดำเนินการสืบสวนหาตัวลูกสาว และจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย

บิดา ยังกล่าวอีกว่า ก่อนจะเข้าแจ้งความนั้น คนร้ายแชตข้อความมาหาตน ผ่านเฟซบุ๊กของน้องโม บอกว่าน้องโมติดสินบนผมไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว คนยังอยู่ ไม่ทำร้าย ไม่ให้อดอาหาร จึงถามว่าติดเงินเท่าไร โดยฝ่ายนั้นบอกว่าทั้งหมด 40,000 บาท น้องใช้มาแล้ว 10,000 บาท เหลืออีก 30,000 บาท และบอกว่าหลัง 18.00 น. ให้เจรจา ถ้าไม่ติดต่อมาก็เตรียมรับร่างได้เลย และในเวลาไล่เลี่ยกัน น้องโมก็โทรคอลผ่านเฟซบุ๊กมาหา ทั้งน้ำเสียงร้องไห้ บอกว่าถ้าแจ้งความเขาจะไม่ปล่อยตัว แต่ไม่ได้บอกว่าอยู่ที่ไหน หรือส่งซิกอะไรมา ตนจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น

ส่วนสาเหตุที่ลูกสาวถูกจับตัวไปในครั้งนี้ เชื่อว่ามาจากการที่เมื่อ 2 ปีก่อน โมเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ได้ทำงานเป็นแอดมินขายสินค้าออนไลน์ และบอกว่าตอนทำงานก็เป็นหนี้อยู่ และล่าสุดน้องโมกับแฟนออกรถใหม่ จึงคิดว่าคนร้ายน่าจะติดตามความเคลื่อนไหวของน้องอยู่ ซึ่งมีข้อมูลบางอย่างที่ตรงกับที่น้องโมคุยกับแม่ โดยน้องโมคุยกับแม่ในบางช่วงบางตอนว่า มันจะมาล่อให้หาคนไปเขมรได้ยังไง เราไม่ได้ทำงานให้ น้องโมจึงเล่าว่า มันเรียกมาคุยแล้วบอกให้ขึ้นรถก่อน แล้วพาออกมาเลย และเล่าให้ฟังอีกว่า โมเคยตกลงทำงานกับเขาและเซ็นสัญญาเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ทำงานให้ แม่จึงบอกว่า เราเซ็นสัญญาแต่ไม่ได้ทำงาน มันก็ไม่มีสิทธิ์พาเราไป

และโมยังบอกอีกว่า โมได้ยินเขาคุยกับหัวหน้าว่า ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยมันไปเลย ตอนนี้โมกลัวมันฆ่าโม ก่อนที่สายจะตัดไป

ด้วยข้อมูลทั้งหมดนี้ จึงสันนิษฐานว่า การกระทำของคนร้ายที่อุ้มน้องโมไปในครั้งนี้ น่าจะเกี่ยวกับหนี้และงานที่ลูกสาวเคยทำก่อนหน้านี้ สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ได้

ทางด้าน พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า กรณีที่บิดาของน้องโม เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่นนั้น ขณะนี้ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนแล้ว เพื่อติดตามในกรณีที่น้องโม ถูกอุ้มตัวหายไปจากโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ซึ่งจะต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ทางเข้าออก รพ.ว่า น้องโม ขึ้นรถคันไหนออกไป

ในส่วนของคนร้ายนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร กลุ่มไหน และจะต้องสอบสวน ครอบครัว เพื่อนสนิทของน้องโมด้วยว่า ก่อนจะเกิดเหตุถูกอุ้มหายไปนั้น โมติดต่อกับใคร เกี่ยวข้องกับคนกลุ่มใด ทำงานที่ไหน มีเรื่องบาดหมางกับใครหรือไม่.