แซมมี่ เคาวเวลล์ เปิดใจหวั่นไหวแค่ไหน หลัง แชมป์ ชนาธิป ตามจีบ เผยเกือบ 20 ปี ในวงการ ไม่เคยคิดทำไมยังไม่ดัง โดนมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน หมดเป็นล้าน ระวังแค่ไหนก็ไม่รอด
นักแสดงและนางแบบสาว แซมมี่ เคาวเวลล์ เปิดใจในรายการแฉ หลังมีกระแสฮือฮานักแสดงหนุ่ม แชมป์ ชนาธิป ประกาศตามจีบ งานนี้เธอจะยอมใจอ่อนรับรักมั้ย แฉกลโกงมิจฉาชีพหลังถูกหลอกโอนเงินหมดเป็นล้าน ระวังแค่ไหนก็ไม่รอด พร้อมเผยชีวิตในวงการเกือบ 20 ปี กว่าจะมีวันนี้ ไม่เคยคิดทำไมยังไม่ดัง สู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับ
มีข่าวความรักเป็นแฟนกับ ‘แชมป์ ชนาธิป’ เหรอ? “เขาตามจีบอยู่ (ตกลงมั้ย?) ยังไงดีอ่ะแม่ (ยิ้ม)”
ใจเราหวั่นไหวไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว? “จริงๆ เขาก็วนเวียนอยู่ในชีวิตมาสักพักแล้ว ถามว่ามาจีบยังไง เขาก็เนียนๆ เล่นเซิร์ฟ เขาเป็นครูสอนดำน้ำ ก็เคยไปเล่นเซิร์ฟด้วยกัน เขาก็เนียนๆ เข้ามา เขาแอบถามคนรอบข้าง เราก็รู้มาทีหลัง เขาไปถามว่าหนูมีแฟนหรือยัง นานแล้ว”
ตอนนี้ยังโสดอยู่ จีบได้? “ค่ะ แม่ก็ดูหน้าหนู สวยอยู่(หัวเราะ)”
เขาบอกรองานในวงการไม่ไหว ไปเป็นครูสอนดำน้ำ? “ด้วยพื้นฐานนิสัยเขา เป็นคนนิสัยดีอยู่แล้ว ความคิด ทัศนคติ มายด์เซ็ตดี ช่วงนี้หนูก็มีเรื่องเครียดเยอะ เขาก็จะคอยเติมพลัง ค่อนข้างมีเอ็นเนอร์จี”
มิจฉาชีพมาทุกรูปแบบ คนธรรมดา คนในวงการโดนหมด ล่าสุดโดนไปเท่าไหร่ อยากขายกระเป๋าแบรนด์เนม แต่ถูกหลอกหลักล้าน? “7 หลัก ล้านสอง งงมั้ย หนูยังงงอยู่เลย”
เคยคิดมั้ยว่าตัวเองจะโดนมิจฉาชีพหลอก? “ไม่ ต้องบอกก่อนว่าเป็นคนที่ดูข่าวเยอะ แต่หนูไม่เคยขายกระเป๋า เราก็ลง ตอนแรกดีใจมีคนทักมา ให้แอดไลน์ เราก็กระตือรือร้นอยากจะขาย คิดแค่นั้น”
จุดเริ่มต้นจากการขายกระเป๋า? “ตอนนั้นอยากขายประมาณ 6 หมื่น ซื้อมา 2 ใบ แต่ใบนี้ซื้อมาผิดไซซ์ ก็เลยอยากเปลี่ยน จะปล่อยใบนี้ออก แค่นี้เลย ก็โพสต์ในไอจีและเฟซบุ๊ก แล้วเขามาเมนต์ในเฟซบุ๊กของเรา เขาบอกว่า สนใจค่ะ รบกวนแอดไลน์นี้ หนูก็แอดไป คิดว่าเขาเป็นลูกค้า เราขายได้แน่นอน หลังแอดไปเราก็ส่งรูปไปให้เขาดูเพิ่มเติม เขาก็บอกคนที่อยากได้จริงๆ อยู่ในกลุ่มโอเพ่นแชท ขออนุญาตลากเข้าไปได้มั้ย เราก็บอกได้เลย ไม่มีปัญหา เขาก็ลากหนูไปในโอเพ่นแชทในนั้นมี 150 คน ก็คือหน้าม้าทั้งนั้น
แล้วคนที่สนใจเขาก็แอดไลน์หนูมา เขาติดต่อมาส่วนตัว อันนี้จะเป็นนักแสดงคนที่ 2 มาแล้ว เสร็จปุ๊บปิดการขาย หนูแพ็กกระเป๋าไปจอดรออยู่หน้าไปรษณีย์แล้ว เตรียมส่งของแล้วเขาโอนเงินมา เขาบอกรบกวนขอรหัสผู้ขายหน่อยค่ะ อันนี้หนูเดาว่าแม่ค้าในกลุ่มก็ต้องมีรหัสผู้ขาย เราเข้าใจว่าถ้าเราเป็นผู้ซื้อ เราก็คงอยากได้ความมั่นใจ ไม่ได้มาหลอก เพราะกระเป๋าก็ราคาสูงก็อยากโพรเท็กเขาว่าไม่ได้โดนหลอก สรุปก็คือเราโดนเอง
หนูก็เลยกลับไปที่คนแรก นางก็บอกเข้าไปดูในโอเพ่นแชทได้เลยค่ะ ข้างบนมันจะมีโค้ดให้สมัครลงทะเบียน หนูก็แอดไลน์เป็นคนที่ 3 แล้ว เขาก็บอกว่าเข้าไปในระบบหน้าเว็บไซต์ ขอข้อมูลชื่อนามสกุล บัตรประชาชน เลขบัญชีที่จะผูกกับบัตร แล้วเราก็ให้ไปหมด จะบอกว่าตอนนี้กระเป๋ายังอยู่นะ แต่เงินไม่อยู่แล้ว”
ครั้งแรกที่เขาบอกให้โอนเงินไปก่อน? “เป็นการทดสอบระบบ ตอนแรกเขาให้โอนมันเริ่มจาก 170 บาท ยอดแรก เป็นการทดสอบระบบเดี๋ยวโอนเข้าไปเราจะมีค่าปันผลมันจะเข้าในระบบบัญชีเรายอดเท่านี้ พอเริ่มๆ ไป ต้องมีทำใบงานแบบกลุ่ม ลากหนูเข้ากรุ๊ปอีกกลุ่มหนึ่งอีก ตอนนั้นก็ไม่เข้าใจ แต่ก็ทำ กลุ่มนี้มีอีกประมาณ 10 คนที่สมัครขอรหัสผู้ขาย”
ร้อนเงิน? “ไม่ร้อน แต่อยากส่งของแล้ว จริงๆ หนูเป็นคนขี้เกียจนะ แต่วันนั้นขยันขึ้นมาเฉย เราก็ทำตาม มีแบบใบงานแบบเดี่ยว ใบงานแบบกลุ่ม แล้วมีหน้าม้าอีก 10 คน ที่มีการโอนเข้าให้เห็นมีแคปสลิปมาว่าคนอื่นได้เงินกลับเข้าไปหมดเลย เราก็คิดว่าทำไมยังไม่ได้วะ เขาทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นความผิดเรา เราไม่ได้บันทึกในสลิปช่วยจำว่าโอนเพื่ออะไร พอระบบมันล็อกก็ต้องเติมเงินเข้าไปใหม่ ณ ตอนนั้นถามว่าเอะใจมั้ย มันมีจุดที่เอะใจ แต่เขาไม่ปล่อยให้เราคิดอะไรเลย ทุกอย่างมันบีบๆ มันเร็วมาก”
ระยะเวลาที่ไปกรุ๊ปโน้นกรุ๊ปนี้กี่นาทีหรือเป็นวัน? “พูดอย่างความภาคภูมิใจ 2 ชั่วโมงค่ะ”
โดนหลอกไปล้านกว่าบาท โดนหลอกได้ยังไง? “มันร้อนใจ เราอยากเอาเงินออกมา ไม่เชิงอยากเอาชนะ อยากเอาเงินคืนออกมาให้ได้ (เขาหลอกเรายังไง?) มันโอนถี่ มันไม่ได้ทีเดียว ครั้งแรกร้อยกว่าบาท มันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นสเต็ป โอนไปทั้งหมดเป็น 10 ครั้ง ยอดมันจะเพิ่มเรื่อยๆ ระบบล็อกต้องปลดล็อกนู่นนี่ ตอนนั้นต้องบอกจริงๆ ว่าเข้าใจเลยว่าทำไมคนถึงโอนกันเพราะขนาดเราระวังติดตามข่าว เอาจริงๆ มันไม่สติเลยนะคะตอนนั้น”
รู้ตัวตอนไหนว่าโดนหลอกแน่ๆ? “ก็ช่วงท้ายๆ จบแบบไม่โอนแล้วโว้ย แต่รู้ตัวช้าไปหน่อย (โอนเยอะไปแล้วก็เลยไม่อยากโอนอีก?) จริงๆ ก็รู้สึกว่าเยอะมานานแล้วแหละ”
สรุปแล้วจากที่จะขายกระเป๋า กลายเป็นเสียเงิน? “ใช่ค่ะ แต่กระเป๋ายังอยู่ บทเรียนครั้งนี้สอนให้รู้ว่า สติเท่านั้น อย่าไปแลกอะไร เราควรจะพอ เสียเงินเท่านี้พอ ไม่ใช่ไปทำพยายามเพื่อให้มันได้กลับคืนมา”
เป็นนักแสดงอิสระ ออกมาดูแลตัวเองแล้ว? “ใช่ค่ะ อยู่กับช่อง 7 มาตั้งแต่ 2007 ออกมาก่อนโควิดนิดหน่อย เข้าวงการมาตั้งแต่ 15-16 ประกวดไทยซุปเปอร์โมเดล ปี 2007 เป็นลูกครึ่งอังกฤษ”
ชีวิตกว่าจะมีวันนี้ได้ โคตรเหนื่อย โคตรลำบากเลย บางทีคนมองว่าเด็กลูกครึ่งจะสบาย? “แม่เป็นแม่บ้านที่คอนโด แล้วพ่อที่เจอแม่ คือมาแต่ตัวกับกระเป๋านะ เพราะโดนผู้หญิงหลอก หมดตัว เหมือนละคร แล้วมาเช่าคอนโดของเพื่อนเขา มาเจอกับแม่ซึ่งเป็นแม่บ้านที่คอนโดนั้น ทำงานอยู่ที่นั้น เลยเป็นจุดเริ่มต้นมีแซมมี่
พ่อเป็นวิศวกร สู้ชีวิต ทำงานตั้งแต่เด็กๆ ทำงานส่งนม ส่งหนังสือพิมพ์ เขาเดินทางเยอะ ไปทำงานหลายๆ ประเทศ แล้วมาจบที่ประเทศไทย”
ภาพจำที่จำได้ เวลาพ่อไปทำงานจะนั่งรถเมล์ไป? “บางทีพ่อจะเดินไป ทำงานโทลเวย์ วิศวกร
วันที่คลอดแซมมี่ แม่เดินไปโรงพยาบาลเอง เดินไปคลอดเองคนเดียว เดินไปหลายป้ายรถเมล์ ก็เดินข้ามสะพานไปเอง เพราะพ่อก็ทำงานอยู่”
ชีวิตในวัยเด็ก ย้ายบ้านบ่อยมาก? “ย้ายหลายรอบเหมือนกัน เกิดที่กรุงเทพฯ เรียนถึงชั้นประถม คุณพ่อได้งานที่ศรีราชา ก็เลยย้ายไปเรียนที่ศรีราชา หลังจากนั้นคุณพ่อได้งานที่อังกฤษ ก็เลยมีโอกาสได้ไปอยู่ที่อังกฤษ 2 ปี พอพ่อหมดคอนแท็กก็กลับมา แต่แซมมี่ขออยู่ต่อแต่พ่อไม่ให้ ก็เลยต้องกลับมาเรียนอยู่ศรีราชาก่อน แล้วก็มาจบที่ศรีอยุธยา กรุงเทพฯ แถวพญาไท”
พอเริ่มโตทำไมถึงได้มาประกวดไทยซุปเปอร์โมเดล? “เพราะว่าความฝันอยากเป็นนางแบบมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ตอนเด็กเราก็เป็นฟีลเหมือนเด็กบ้านนอก เป็นลูกครึ่งที่ไม่ได้เป็นแบบฝรั่งจ๋าขนาดนั้น มีความไทยมากกว่า
จริงๆ ไปประกวดไทยซุปเปอร์โมเดลมา 2 ปี ปีแรกด้วยความที่เป็นผู้สมัครคนสุดท้ายแล้วรีบมากเขาปิดแล้ว ยังไม่ได้ยื่นเอกสาร เขาให้ขึ้นไปก่อนแล้วเข้ารอบ มารู้ทีหลังว่าอายุเราไม่ถึง ตอนนั้น 15 แต่เหมือนเขาจะรับ 16 ก็เลยรออีกปีนึง”
แต่ภาพจำที่จำได้เลยบ้านเราไม่เคยมีรถ? “ใช่ มีแต่เป็นรถของบริษัทที่ให้พ่อมาทำงาน ส่วนหนูกับแม่จะนั่งรถเมล์ตั้งแต่เด็กเลย”
มีรถคันแรกตอนประกวดไทยซุปเปอร์โมเดล? “เป็นรางวัลชนะเลิศ ได้รถ 1 คัน ตอนนั้นว้าวมาก ดีใจ คือแค่ชนะเราก็รู้สึกว่ามันก็ดีมากๆ แล้ว”
แรกๆ ที่ได้รถมา คิดว่าแล้วจะหาเงินที่ไหนเติมน้ำมัน? “พอประกวดเสร็จ ตอนนั้นเป็นคุณแดงให้โอกาสได้เล่นซิตคอม ได้เล่นละคร จำได้ว่าเริ่มทำงานตั้งแต่ค่าตอน 4,000 บาท แคะกะปุกจ่ายค่าทางด่วน ขับรถไปไกลไม่ได้ เดี๋ยวน้ำมันไม่ถึง”
หลังจากวันที่ไปประกวด อายุ 16 เรากลายเป็นหัวหน้าครอบครัวขึ้นมาเลย? “ก็มีพี่สาวแต่ว่าเขาก็รับผิดชอบชีวิตตัวเอง แล้วตอนนั้นคุณพ่อก็เกษียณแล้ว ก็จะกลายเป็นเรา ตอนแรกความเป็นเด็กเราไม่ได้คิดว่าหัวหน้าครอบครัวอะไรขนาดนั้น ก็แค่อยากเป็นนางแบบแค่นั้นเอง แต่พอได้มาซึมซับเห็นตัวอย่างพี่ๆ ในวงการหลายคนเขาหาเงินดูแลครอบครัวได้ เราก็พัฒนาตัวเอง แต่หนูไม่เคยมานั่งคิดว่าทำไมยังไม่ดังวะ ทำไมละครเรื่องนี้เราตั้งใจมากทำไมมันไม่ได้ อันนี้หนูไม่เคยคิด ก็รู้สึกว่าเราเต็มที่แล้ว ก็แค่ชิล ถ้าเกิดดังมันก็คือกำไร อยู่มาจะ 20 ปีในวงการแล้ว
ตอนแรกหนูก็มองตัวเองจากปีแรกๆ ที่เข้ามาจะอยู่ถึง 10 ปีเปล่าวะ คิดอย่างนั้น มันอยู่จนมันชินมันซึมซับ กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว”
จนวันหนึ่งเจอวิกฤตชีวิต สู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับ? “ตอนนั้นเริ่มจากคุณพ่อเป็นโรคหัวใจก่อน ก็รักษาตามอาการ แต่ตอนนั้นพ่อไม่ได้ทำประกัน ทุกอย่างเราซัพพอร์ตทั้งหมด หลังจากนั้นก็เจอมะเร็งถุงน้ำดี
ตอนนั้นถามว่าเครียดมั้ย ก็เครียด แต่เราไม่ได้มองว่าเป็นภาระหรือหน้าที่ เราแฮปปี้ที่จะทำอยู่แล้ว เขาก็ดูแลเรามาจนเราโตมีโอกาสได้ทำมาหากิน จริงๆ มันเป็นเรื่องแค่นี้เอง ดูแลพ่อแม่ แล้วหนูจะมองว่าอะไรก็แล้วแต่คุณภาพชีวิตพ่อแม่ต้องดี ไปโรงพยาบาลเอกชนเลยเท่าไหร่ว่ากัน เราก็หา ไม่เป็นไร”
หมอบอกพ่อไม่ดีขึ้น ต้องรักษาตามอาการ สิ่งที่ยากที่สุดต้องตัดสินใจ? “ตอนนั้นจำได้ว่าถ่ายละครไปด้วย อยู่กองแล้วเข้าโรงพยาบาลไม่ได้เข้าบ้านเลย ถามว่าเป็นอย่างนี้นานเท่าไหร่ พ่อเป็นหนักๆ ถึง 3 เดือน แต่มันเป็น 2-3 เดือน ยิ่งถ้าเห็นว่าเขาเจ็บ ถ้าเขาไปแล้วมันดีกว่า เราจะไม่รั้ง เพราะแม่ให้สิทธิ์ในการตัดสินใจทุกอย่าง จะยื้อมั้ย จะใส่ท่อช่วยหายใจมั้ย หนูบอกไม่ทำเลย ไม่เจาะ ให้ตามอาการอย่างเดียว หมอคาดคะเนแล้วแหละว่ามันจะไปในทิศทางไหน ดริปมอร์ฟีนมั้ย แต่ดริปมอร์ฟีนไม่ได้หมายความว่าพ่อจะไปเลย มันขึ้นอยู่กับร่างกายของเขาด้วย หนูก็ให้ดริป มอร์ฟีนเพื่อไม่ให้เขาเจ็บ ให้เขาสบาย ก็ยังยืนว่าคุณภาพชีวิตช่วงสุดท้ายต้องดี”
20ปีวงการบันเทิงสอนอะไรเราบ้าง? “มันทำให้เราโตขึ้นจริงๆ มันโตเร็วกว่าช่วงอายุรุ่นเดียวกัน มันต้องสู้อะไรมากกว่าคนอื่น เราต้องพยายามมากขึ้น ต้องแข่งกับตัวเอง จริงๆ หนูเป็นคนขี้อาย ขี้เกียจ ไม่ชอบดูแลตัวเอง แต่มันไม่ได้ ทุกอย่างมันบังคับให้เราต้องทำ ถ้าเราไม่ทำ คนข้างหลังเราจะอยู่ยังไง”.
ขอบคุณ ที่มารายการแฉ
