ล่าสุดในวันนี้มีรายงานว่า17กรกฎาคมที่ผ่านมานายณภัทรได้มีการออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้งในโลกโซเชียล  ได้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายจากการโพสต์ภาพบนอินสตาแกรม naphat_nine ไปสักพักใหญ่

โดย นายณภัทร ได้ออกมาโพสต์งานโปรโมทเสื้อแบรนด์หนึ่ง แน่นอนว่าทำเอาแฟนคลับหลายคนเข้ามาคอมเม้นกันเป็นจำนวนมาก

อีกหนึ่งพระเอกดังมากฝีมืออย่าง ตรี-ภรภัทร ศรีขจรเดชา เราจะเห็นผลงานของเขามากมายหลากหลายด้าน และจะเห็นความเป็นกันเองของหนุ่มตรี ไม่ถือตัวกับแฟนคลับ
วันนี้เราจะพาไปส่องชีวิตจริงของหนุ่มตรีกันค่ะ ในมุมอยู่กับครอบครัวก็เป็นคนติดดิน ใช้ชีวิตเรียบง่ายมากๆ พาแฟนสาวและคุณแม่เดินตลาด ซื้อของสดไปทำอาหารทานกันชิวๆ
โดยหนุ่มตรีสวมเสื้อผ้าชิวๆ ไม่ใส่หมวกไม่ใส่แมสก์ปิดหน้าตาว่าเป็นพระเอกดังเลยค่ะ แถมต่างชื่นชมความน่ารักของแฟนสาวที่จูงมือคุณแม่ตลอดเวลาด้วย

เมื่อวันที่ 17 ก.ค.67 เพจ นิวส์ชลบุรี-ระยอง ออนไลน์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า  โรงผลิตแผงโซล่าเชลล์หวังลองตั้งโรงงานในไทยสุดท้ายสู้ค่าแรงที่ไทยไม่ไหวแม้ค่าแรงขั้นต่ำใหม่ยังไม่ประกาศใช้เปิดมาปีกว่าตัดสินใจ ปิดโรงงานย้ายบริษัทไปที่เวียดนามที่ตั้งบริษัทแม่ ทางเพจนิวส์ชลบุรี-ระยอง ออนไลน์ ได้รับรายงานจากทีมข่าว หลังติดตามความคืบหน้าจากกรณีเพจได้นำเสนอข่าวว่ามีบริษัทเรียกพนักงานชุดสุดท้ายมาเซ็นต์สัญญาเลิกจ้าง ในวันที่ 15 กรกฏาคม 2567 ที่ผ่านมา

ซึ่งมีทั้งพนักงานสัญญาจ้างและพนักงานประจำ ซึ่งทางบริษัทได้มีการแจ้งล่วงหน้าให้พนักงานทราบมาหลายเดือนแล้ว และมีการจ่ายค่าชดเชยตามกฏหมายทุกอย่างให้แก่พนักงานยอดล่าสุดของพนักงานชุดสุดท้ายที่เลิกจ้าง ประมาณ 160 ราย จากพนักงานรวมที่มีก่อนหน้าราว 600 ราย ที่ทยอยเลิกจ้างไปก่อนหน้านี้แต่ทางบริษัทมีข้อเสนอหากอย่างทำงานต่อสามารถย้ายไปทำบริษัทที่ติดกัน เป็นบริษัทผลิต เชลล์ ชิ้นส่วนของแผงโซล่าเชลล์ แต่พนักงานส่วนมากเลือกที่จะไม่ไป

ซึ่งบริษัทดังกล้าตั้งอยู่ที่นิคมบ่อทอง 33 จังหวัดปราจีนบุรี เปิดมาประมาณปีกว่า ผลิตเกี่ยวกับแผงโซล่าเชลล์ มีบริษัทแม่ตั้งอยู่ประเทศเวียดนาม สาเหตุแบกรับต้นทุนค่าใช้จ่ายไม่ไหว รวมถึงค่าแรงในปัจจุบัน ถึงแม้ยังไม่มีการประกาศค่าแรงขั้นต่ำใหม่ จากทางภาครัฐก็ตาม ซึ่งโรงงานผลิตแผงโซล่าเชลล์ในปราจีนยังมีอีกหลายบริษัทยังคงดำเนินกิจการอยู่ บริษัทที่ปิดตัวไปนั้นเป็นบริษัทขนาดกลางหวังมาลองเปิดฐานผลิตในไทยว่าจะดำเนินธุรกิจไปด้วยดีหรือไม่ แต่สุดท้ายขาดทุนแน้วโน้มจะเดินต่อไปไม่ไหวเลยต้องปิดโรงงานที่ไทย ย้ายกลับไปที่บริษัทแม่ที่ตั้งอยู่ประเทศเวียดนาม นิวส์ชลบุรี-ระยอง ออนไลน์ รายงาน

และต่อมาทางด้านนิวส์ชลบุรี-ระยอง ออนไลน์  ก็ได้โพสต์ความคืบหน้าระบุว่า

สาขาโรงผลิตโซล่าเชลล์ที่ปราจีนบุรีพึ่งปิดโรงงานไปล่าสุดสาขาที่ ฉะเชิงเทรา ได้รับรายงานมาอาจปิดตามกันภายในเดือนนี้ย้ายไปรวมกับบริษัทแม่ ที่เวียดนามหรือไม่ รอเพจรายงานอีกครั้งครับ

กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกขณะนี้ สำหรับเชฟสาวชาวไทย “แนท ไทยพัน” ผู้เข้าร่วมประกวดรายการทำอาหารระดับโลกอย่าง มาสเตอร์เชฟ (Masterchef) ที่ประเทศ ออสเตรเลีย ประจำปี 2567 ซึ่งเจ้าตัวเคยเป็นกระแสถูกพูดถึง จากการทำเมนู ‘ลาบจิงโจ้’ จนกรรมการและผู้ชมตื่นตาตื่นใจในความคิดสร้างสรรค์ของเธอ

ล่าสุด ก็มีข่าวดีอีกครั้ง เมื่อ “แนท ไทยพัน” สามารถ คว้าแชมป์ ‘มาสเตอร์เชฟ ออสเตรเลีย 2024’ มาครองได้ ท่ามกลางความยินดี และเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม

สำนักต่างประเทศรายงานว่า ในรอบการตัดสินนี้ เป็นการแข่งขันระหว่าง ‘แนท’ และผู้เข้าแข่งขันอีกราย ‘เปซซ่า’

สำหรับจานแรก ทั้งคู่ประชันกันอย่างดุเดือด โดย ‘แนท’ ทำเมนูที่มีกลิ่นอายความเป็นไทย นั่นก็คือ ไส้อั่วสอดไส้ไข่สกอตช์ ทำให้เธอได้คะแนนนำคู่แข่ง คือ 36 คะแนน

สำหรับการแข่งขันในด้านของหวาน ก็ได้ เชฟ แคลร์ สมิธ เจ้าของมิชลินสตาร์ 3 ดวง ทำ Malteser หรือ “Core-teser” โดยผู้เข้าแข่งขันทั้งสองต้องรังสรรค์เมนูนี้ ให้เหมือนทั้งรสชาติ และหน้าตา

ท่ามกลางความดุเดือดของการแข่งขัน ท้ายที่สุด แนท คว้าชัยชนะไปด้วยคะแนน 71 คะแนน ส่วน เปซซ่ามีคะแนน 68 คะแนน

ส่งผลให้เธอ คว้าตำแหน่ง แชมป์ มาสเตอร์เชฟ ออสเตรเลีย 2024 ไปครองได้สำเร็จ

แนท เปิดเผยกับสื่อว่า “ฉันรู้สึกดีมาก นี่มันบ้าไปแล้ว! ยังกับฝัน แต่ไม่ใช่ มันเกิดขึ้นแล้ว ฉันเพิ่งชนะ MasterChef Australia”

โดยเธอจะได้รับเงินรางวัล 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือแปลงเป็นเงินไทยเกือบ 9 ล้านบาท

ที่มา : tvtonight

เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก โหรรัตนโกสินทร์ – The rattanakosin ได้ออกมาทำนายทายทักดวงชะตาชาวลัคนาราศี ระบุว่า มรสุมชีวิต ดวงดาววิปริตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ข่าวร้ายรุนแรงมีให้เห็นทุกวัน.. สิ่งใดที่ควบคุมไม่ได้ พระพุทธเจ้าสอนให้ปล่อยวาง.. เสพข่าวแล้วไปสวดมนต์ จะได้นอนหลับ..

ต้นเดือนหน้าถึงเวลาของ เดือนผี ประตูนรกปีนี้ใกล้จะเปิดแล้ว การันตีได้เลยว่าสิงหาคมนี้ ผีดุ แน่นอน.. หลายคนต้องการบทสวดมนต์รอดพ้นภัย อย่าตกข่าวดวงดาว #ดวงไทยไว้ใจโหรรัตนโกสินทร์

ซึ่งในรูปภาพของโพสต์ดังกล่าว ได้ระบุข้อความไว้ว่า มรสุมชีวิต..ชัด ๆ ดาวพุธวิปริต 67 วัน ดาวเสาร์วิปริต 127 วัน ผู้ประสบภัยจากดวงกาว 8 ลัคนา เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน คือ เมษ พฤษภ กรกฎ สิงห์ กันย์ ธนู มังกร กุมภ์ สิ่งใดควบคุมไม่ได้ พระพุทธเจ้าสอนให้ปล่อยวาง

ก่อนหน้านี้ทางด้านนางเอกสาวชื่อดัง ใบเฟิร์นพิมพ์ชนก และ นายณภัทร พระเอกหนุ่มได้ออกมาเปิดใจยอมรับแล้วว่าทั้งสองคนได้ปิดฉากรักทั้งๆที่ยังรักกันอยู่ แต่เป็นทางออกที่ดีที่สุดและเป็นห่วงเป็นใยเหมือนเดิมแต่อยู่คนละสถานะ

ล่าสุด ใบเฟิร์น ได้ออกมาเคลื่อนไหวขณะที่ไปเที่ยวทะเลกับครอบครัวซึ่งก็มีคุณพ่อคุณแม่ที่คอยเป็นกำลังใจให้เสมอเอาเป็นว่าเราไปชมภาพกันได้เลยจ้า

ปังมาก! “แนท ไทยพัน” เชฟสาวไทย คว้าแชมป์ ‘มาสเตอร์เชฟ ออสเตรเลีย 2024’ นำเสนอเมนูฟิวชั่นออสซี่-ไทย เมนูลาบจิงโจ้-ไส้อั่วไข่สก็อตช์

กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกขณะนี้ สำหรับเชฟสาวชาวไทย “แนท ไทยพัน” ผู้เข้าร่วมประกวดรายการทำอาหารระดับโลกอย่าง มาสเตอร์เชฟ (Masterchef) ที่ประเทศ ออสเตรเลีย ประจำปี 2567 ซึ่งเจ้าตัวเคยเป็นกระแสถูกพูดถึง จากการทำเมนู ‘ลาบจิงโจ้’ จนกรรมการและผู้ชมตื่นตาตื่นใจในความคิดสร้างสรรค์ของเธอ

ล่าสุด ก็มีข่าวดีอีกครั้ง เมื่อ “แนท ไทยพัน” สามารถ คว้าแชมป์ ‘มาสเตอร์เชฟ ออสเตรเลีย 2024’ มาครองได้ ท่ามกลางความยินดี และเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม

สำนักต่างประเทศรายงานว่า ในรอบการตัดสินนี้ เป็นการแข่งขันระหว่าง ‘แนท’ และผู้เข้าแข่งขันอีกราย ‘เปซซ่า’

สำหรับจานแรก ทั้งคู่ประชันกันอย่างดุเดือด โดย ‘แนท’ ทำเมนูที่มีกลิ่นอายความเป็นไทย นั่นก็คือ ไส้อั่วสอดไส้ไข่สกอตช์ ทำให้เธอได้คะแนนนำคู่แข่ง คือ 36 คะแนน

สำหรับการแข่งขันในด้านของหวาน ก็ได้ เชฟ แคลร์ สมิธ เจ้าของมิชลินสตาร์ 3 ดวง ทำ Malteser หรือ “Core-teser” โดยผู้เข้าแข่งขันทั้งสองต้องรังสรรค์เมนูนี้ ให้เหมือนทั้งรสชาติ และหน้าตา

ท่ามกลางความดุเดือดของการแข่งขัน ท้ายที่สุด แนท คว้าชัยชนะไปด้วยคะแนน 71 คะแนน ส่วน เปซซ่ามีคะแนน 68 คะแนน

ส่งผลให้เธอ คว้าตำแหน่ง แชมป์ มาสเตอร์เชฟ ออสเตรเลีย 2024 ไปครองได้สำเร็จ

แนท เปิดเผยกับสื่อว่า “ฉันรู้สึกดีมาก นี่มันบ้าไปแล้ว! ยังกับฝัน แต่ไม่ใช่ มันเกิดขึ้นแล้ว ฉันเพิ่งชนะ MasterChef Australia”

โดยเธอจะได้รับเงินรางวัล 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือแปลงเป็นเงินไทยเกือบ 9 ล้านบาท

ที่มา : tvtonight

เหตุเกิดมาจากกองถ่ายละครเรื่อง ปมรักรอยอดีต ช่อง7 ซึ่งในเรื่องนี้ ปู มันฑนา รับบทเป็นแม่เลี้ยง ขวัญ อุษามณี ซึ่งในบทละครต้องมีฉากฟาดฟันกันอยู่แล้ว แต่เรื่องประเด็นที่ ขวัญ มีปัญหากับ ปู สืบเนื่องมาจากในกองถ่ายวันนั้น ขวัญหนีกองถ่ายไปกับเพื่อนชายคนหนึ่ง อักษรย่อ ป ผ่านไปประมาณ 10 นาที เพื่อนชายอีกคนหนึ่ง อักษรย่อ ก ได้มาหาที่กองถ่าย

และได้โทรศัพท์หาขวัญว่าทำไมไม่อยู่ที่กองถ่าย ขวัญตอบกลับเพื่อนชายอักษรย่อ ก ว่าได้มีปัญหากับปู ไปรยา และ ปู มัณฑนา หลังจากนั้นเพื่อนชายอักษรย่อ ก ได้เดินไปด่าดารารุ่นน้อง และ ปู มัณฑนา ทั้งๆ ที่ดารารุ่นน้องอีกคนและคุณปู มัณฑนา ทั้งสองไม่รู้เรื่องเลย หลังจากนั้น ปู มัณฑนา ได้แจ้งเจ้าของค่ายละครปมรักรอยอดีต เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เจ้าของค่ายละครจึงได้โทรศัพท์ไปหาผู้ใหญ่ทางช่อง7 และ ผู้ใหญ่ทางช่อง7 ได้โทรศัพท์ไปหาผู้บริหารแกรมมี่ เกี่ยวกับประเด็น เพื่อนชายอักษรย่อ ก ไม่ควรเข้ามายุ่งวุ่นวายในกองถ่ายช่อง 7 เพราะว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถ่ายทำละคร

วันต่อได้ก็มี SMS เข้ามาในมือถือ ปู มัณฑนา ซึ่งมีเนื้อหาข้อความทำให้ครอบครัวแตกแยก คุณปู มัณฑนา จึงได้เข้าแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ และได้ส่งเบอร์โทรศัพท์ที่ได้ส่งข้อความก่อกวนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ แล้วป้าณีได้ให้ถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดังนี้

ว่าเบอร์โทรศัพท์นั้นเป็นเบอร์โทรศัพท์ของป้าณีจริง แต่วันนั้นทั้งวันมีเพียง ขวัญ อุษามณี ที่ยืมโทรศัพท์ใช้แต่เพียงผู้เดียว

หลังจากนั้นผู้ใหญ่ทางช่อง7 ได้เรียก ปู มัณฑนา ไปคุยเพื่อไม่ให้เอาเรื่อง ขวัญ และผู้ใหญ่ทางช่อง7 งดไม่ให้งานละคร 1 ปี พร้อมทั้งไม่ให้คุณแม่ของขวัญ เข้ากองถ่าย แต่ทางผู้ใหญ่ช่อง7 ยังไม่ให้ถอนแจ้งความ ถ้าขวัญยังไม่เลิกก่อกวน ปู มัณฑนา ก็ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายได้เลย

ส่วนประเด็นในฉากละคร เรื่องปมรักรอยอดีต ในฉากวันนั้นไม่ได้มีคลิปหลุดใดๆ จากทีมงานทั้งสิ้น ดังที่ขวัญกล่าวมาแต่อย่างใด แต่เป็นคลิปที่มาจากรายการบันเทิง ดาวกระจาย ซึ่งนักแสดงและทีมงานทุกคนก็รับทราบว่ามีรายการมาถ่ายอยู่แล้ว ขวัญ ก็แสดงท่าทางตามที่เห็นในคลิป มีเจตนาให้ทุกคนเข้าใจผิด คิดว่า ปู มัณฑนา ให้แรงจิก แรงดึง ให้ตัวเองเจ็บ ซึ่งทางทีมงานและนักแสดงทุกท่าน เห็นและเข้าใจเหตุการณ์ในวันนั้นว่าไม่มีอะไรเลย เป็นเพียงฉากในละครเท่านั้น ปู มัณฑนา ไม่ได้มีเจตนาตามที่ ขวัญ อุษามณี กล่าวอ้าง

วันที่ 17 ก.ค.67 น.ส.ปิกน้อย โชติยา อายุ 58 ปี และ นายกวาง บานกลีบ อายุ 67 ปี ชาว อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ แม่และพ่อเลี้ยงของ น.ส.ฤทัยวรรณ กมลเลิศ อายุ 29 ปี เดินทางไปร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ กรณี น.ส.ฤทัยวรรณ ถูกกระสุนปืนปริศนาเจาะเข้าบริเวณราวนม ระหว่างไปหาหอยกับสามีและเพื่อนรวม 3 คน บริเวณทุ่งนาบ้านโนนสง่า ต.ละหานทราย อ.ละหานทราย ก่อนจะเสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาล เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 5 ก.ย.66

ต่อมาวันที่ 23 ก.ย.66 ตำรวจ สภ.ละหานทราย แจ้งว่าสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว เป็นชายอายุ 27 ปี ซึ่งเป็นลูกชายร้านขายเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่งใน อ.ละหานทราย โดยผู้ก่อเหตุให้การกับตำรวจว่าซ้อมยิงปืนแล้วกระสุนเกิดพลาดไปโดนผู้เสียชีวิต

แต่เหตุการณ์ผ่านไปเกือบ 1 ปี ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตไม่เคยเห็นกระทั่งหน้าของผู้ก่อเหตุเลย ไม่เคยมีคำขอโทษจากตัวผู้ก่อเหตุหรือครอบครัวเลย แม้แต่เงินเยียวยาหรือช่วยเหลืองานศพก็ไม่เคยได้รับแม้แต่บาทเดียว ซ้ำครอบครัวยังต้องเป็นหนี้ที่ยืมมาจัดงานศพลูกสาวอีกกว่า 6 หมื่นบาท ขณะที่ผู้ก่อเหตุยังใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงเกรงว่าลูกสาวจะตายฟรี

น.ส.ปิกน้อย กล่าวว่า การที่ตนสูญเสียลูกสาวก็ทำให้คนเป็นแม่ทุกข์ทรมานใจอยู่แล้ว ยังต้องแบกรับภาระหนี้สินที่ยืมมาจัดงานศพลูกสาวอีกกว่า 6 หมื่นบาท ยังไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ แต่ตัวคนก่อเหตุและทางครอบครัวกลับไม่เคยแสดงความรับผิดชอบอะไรเลย แถมยังใช้ชีวิตได้ปกติ จึงอยากฝากถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกสาว และครอบครัวที่ต้องสูญเสียด้วย หากคู่กรณีไม่มีสำนึกที่จะเยียวยาอะไรเลย ก็อยากให้ลงโทษตามกฎหมายถึงที่สุด อย่าให้ลูกต้องตายฟรี

ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมก็รับเรื่องไว้ พร้อมอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินการเรื่องคดี และเงินเยียวยาจากกระบวนการยุติธรรมให้แม่ของผู้เสียชีวิตได้รับทราบในเบื้องต้นด้วย

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ พ.ต.อ มนัสวุฒิ บรรยงค์ ผกก.สภ.ละหานทราย ก็ได้รับการเปิดเผยว่า จากการสอบถามพนักงานสอบสวน เจ้าของคดีทราบว่า หลังจากจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว ก็ได้สอบปากคำ ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่า คืนวันเกิดเหตุซ้อมยิงปืนจริง และหลังจากทราบว่ากระสุนไปโดนคนเสียชีวิต ก็หลบหนีไปต่างจังหวัดก่อนจะถูกจับกุม

เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหา แล้วสรุปสำนวนพร้อมนำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานอัยการตามขั้นตอนแล้ว ซึ่งผู้ต้องหาได้ยื่นประกันตัวชั้นศาลและต่อสู้คดีตามกระบวนการ ขณะนี้อยู่ระหว่างพนักงานอัยการตรวจสำนวนเพื่อพิจารณาสั่งฟ้อง ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน แต่หากทางครอบครัวไม่สบายใจก็สามารถสอบถามทางพนักงานสอบสวน หรือติดต่อทางพนักงานอัยการเพื่อสอบถามรายข้อมูลได้