จากสื่อต่างประเทศ ได้รายงานว่า หนึ่งในผู้ป่วยของแพทย์เฉียนคือ นายเฉิน ซึ่งไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ แต่กลับป่วยเป็นโรคตับตั้งแต่อายุยังน้อย และสุดท้ายก็เป็นตับแข็งขั้นรุนแรงจนต้องปลูกถ่ายตับ สาเหตุเกิดจากการบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง โดยเฉพาะน้ำอัดลม
โรคร้ายที่มองข้าม
นายเฉินอาศัยอยู่ที่เมืองไถจง ไต้หวัน ประเทศจีน เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ตั้งแต่อายุ 33 ปี แต่เขากลับมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่ใส่ใจ จนกระทั่งอายุ 47 ปี เขาต้องเข้ารับการรักษาฉุกเฉินเนื่องจากอาเจียนเป็นเลือดอย่างรุนแรง ปวดท้องอย่างหนัก และหลอดอาหารขยายตัวผิดปกติ
ผลการตรวจพบว่าตับของเขาหดเหลือเพียง 1 ใน 3 ของขนาดปกติ มีภาวะตับแข็งรุนแรงและมีน้ำในช่องท้องจำนวนมาก ทำให้ต้องรอการปลูกถ่ายตับเพื่อความอยู่รอด
แพทย์เฉียนอธิบายว่า “แม้ว่าไขมันพอกตับในระยะแรกอาจดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่หากไม่ได้รับการรักษาหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ตับจะเกิดพังผืดอย่างรวดเร็ว โดยเฉลี่ยแล้ว ภาวะตับแข็งจะพัฒนาไปอีกระดับทุก ๆ 7.7 ปี และอาจกลายเป็นตับแข็งระยะสุดท้ายภายใน 30 ปี”
สาเหตุจากน้ำตาล ไม่ใช่แอลกอฮอล์
แม้จะได้รับการเตือนจากแพทย์ แต่นายเฉินกลับไม่ลดน้ำหนักหรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิต เขาไม่แม้แต่จะไปตรวจสุขภาพตามนัด เพราะคิดว่าไขมันพอกตับเป็นเพียง “โรคเล็กน้อย”
เขามีความชื่นชอบเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงมาก โดยเฉพาะน้ำอัดลมและน้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลปริมาณมาก แม้แพทย์จะเตือนตั้งแต่หลายปีก่อนว่าเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักของภาวะไขมันพอกตับ แต่เขาก็ยังไม่เลิกดื่ม จนในที่สุด ตับของเขาก็ถูกทำลายอย่างหนัก และทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ก็คือการปลูกถ่ายตับ
แพทย์เฉียนอธิบายเพิ่มเติมว่า “การบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลมหรือน้ำผลไม้ที่เติมน้ำตาลมากเกินไป เป็นสาเหตุหลักของโรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (NAFLD) ซึ่งเกิดจากการสะสมไขมันในตับ ทำให้ตับทำงานผิดปกติ เกิดการอักเสบ และนำไปสู่ภาวะตับแข็งในที่สุด”
ไม่เพียงแต่ทำลายตับ การดื่มน้ำอัดลมมากเกินไปยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วน เบาหวาน และโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นไขมันพอกตับจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงยังมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ตับแข็ง ตับวาย และอาจถึงขั้นเสียชีวิต
อาการและการป้องกัน
โรคไขมันพอกตับมักมีอาการ เช่น อ่อนเพลียเรื้อรัง เจ็บบริเวณชายโครงขวา เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ตัวเหลือง ตาเหลือง และค่าเอนไซม์ตับสูงในการตรวจเลือด
เพื่อป้องกันโรคไขมันพอกตับและโรคตับอื่น ๆ แพทย์เฉียนแนะนำให้ทำดังนี้
-รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
-หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
-ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
-ออกกำลังกายเป็นประจำ
-หลีกเลี่ยงการใช้ยาและอาหารเสริมที่อาจเป็นพิษต่อตับ
สุขภาพของตับเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย เพราะเมื่อตับถูกทำลายไปแล้ว การฟื้นฟูอาจเป็นไปได้ยาก ดังนั้น การดูแลสุขภาพตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด