หนุ่มกลับบ้าน เซอร์ไพรส์ญาติผู้ใหญ่ เอาเงินสดมาแจกให้รวมแล้ว 6 ล้าน ตอบแทนที่เลี้ยงดูมา ทำพ่อแม่ คุณป้า คุณน้า น้ำตาไหลเป็นสาย บอกแล้ว ได้เงินมาเยอะขนาดนี้ ทำอาชีพอะไร
หลังจากที่หมดเทศกาลปีใหม่แล้ว ก็มาถึงเทศกาลตรุษจีน หลายคนอาจจะได้ใช้ช่วงเวลานี้เดินทางกลับภูมิลำเนา หอบของฝากไปให้คนที่รออยู่ข้างหลัง เช่นเดียวกันกับ TikTok jakkranut.h ที่ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน และได้เอาของฝากมาฝากครอบครัว ที่มีคุณน้า คุณป้า คุณพ่อ คุณแม่ อยู่ในบ้าน ซึ่งของที่นำมาฝากนั้น ทำเอาพ่อแม่ถึงกับน้ำตาไหลจนกลั้นไม่อยู่
โดยในตอนแรก คุณนัทได้เข้าไปเซอร์ไพรส์คุณพ่อคุณแม่ก่อน โดยแกล้งซื้อกล้วยที่ขายหน้าร้าน จากนั้นก็เอาเงินในเป้มากองให้พ่อแม่ จนคุณพ่อคุณแม่น้ำตาไหล ซึ่งเงินจำนวนนี้ ให้พ่อแม่เอาไว้รักษาตัว
จากนั้นคุณนัท ก็เอาเงินไปให้คุณน้า และคุณป้า ซึ่งแต่ละคนจะช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก คุณน้าก็เหมือนแม่อีกคน ช่วยเลี้ยงดู ช่วยซักผ้าให้ คุณป้าก็ใจดีซื้อของเล่นให้ และเมื่อมีโอกาสก็อยากจะตอบแทนญาติ ซึ่งคุณนัทก็แกล้งให้คุณน้า คุณป้า มาเปิดไพ่ โดยต้องได้ 8 โพธิ์ดำติดกัน 3 ครั้ง ตอนแรกคุณป้าและคุณน้า ก็ไม่มั่นใจว่าจะเปิดได้จริง ๆ ไหม แต่พอลองเปิดก็เปิดได้จริง ๆ ซึ่งในความเป็นจริง ไพ่ทั้ง 3 ใบเป็น 8 โพธิ์ดำทั้งหมด
และเมื่อเอาเงินมาให้ ทั้งคุณน้าและคุณป้า ก็ดีใจจนน้ำตาไหล ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้จับเงินล้าน จนคุณป้านึกว่าเป็นความฝัน และสุดท้าย คุณนัทก็เอาเงินมากองรวมกันที่เท้าของพระในบ้าน กราบและขอพรให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง จนคุณน้า คุณป้า และคุณแม่ ต่างก็ร้องไห้ไปด้วยกัน
ทั้งนี้ คุณนัทบอกว่า ตัวเขาประกอบอาชีพเป็นเทรดเดอร์ ตอนอายุ 16 ปี ที่บ้านมีหนี้ 17 ล้าน เขาจึงตั้งเป้าปลดหนี้ให้ได้ จนเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย ก็รู้จักกับ Forex คิดว่าหาเงินง่ายเลยจะเอาดีทางนี้ แต่กลายเป็นว่าหมดตัว โดนหลอกเข้าคอร์ส หลอกเรียน ซึ่งทางคุณแม่เห็นว่าเทรดเงินไม่ได้ก็ยื่นคำขาด ให้เงินมา 25,000 บาท และบอกว่าถ้าเงินจำนวนนี้หมด ก็เลิกซะ
แต่ด้วยเงินจำนวนนี้ ทำให้คุณนัทได้เริ่มต้นใหม่ และเริ่มเรียนรู้การเทรดเป็นระบบ และกลายมาเป็นเทรดเดอร์แบบฟูลไทม์ได้ 10 ปีแล้ว จนถึงทุกวันนี้ เป้าหมายหลัก ๆ ที่ตั้งเอาไว้ในชีวิต ก็ทำได้หมดแล้ว
“ไม่อยากให้โฟกัสที่ตัวเงิน ตอบแทนรูปแบบอื่นเยอะแยะ ไม่งั้นคนรวยก็ได้บุญมากกว่า คนเราเจอสถานการณ์ต่างกัน รอรวยก็ไม่ได้ทำสักที เอาเป็นว่าสะดวกแบบไหนก็ทำแบบนั้นแหละ ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย”