“หนุ่ม กรรชัย” ถึงกับร้องโอ้โห หลังพยานเล่านาทีสำคัญ สาวซิ่ง BMW ชน 3 แม่ลูก

รายการโหนกระแสวันนี้ได้ร่วมพูดคุยกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งประกอบไปด้วย พยานที่เห็นเหตุการณ์รวมไปถึง คนที่เป็นทั้งสามีและพ่อ ร่วมกับ ป้า – ลุงของ ของ 3 ชีวิตที่นั่งรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้านในวันนั้น ก่อนที่จะโดน น.ส.จิรันธนิน ผู้ขับรถ BMW ซิ่งเสยท้ายบริเวณสะพานข้ามทางรถไฟบ้านหนองหมุก ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร จนเสียชีวิตทั้งหมด

โดยช่วงตอนหนึ่งที่ พยานที่เห็นเหตุการณ์เล่าอยู่นั้น หนุ่ม กรรชัย ถามว่าตลอดเวลาที่ เธอกำลังช่วยเหลือ น.ส.จิรันธนิน ผู้ขับรถบีเอ็ม อยู่คนขับไม่ได้บอกพยานสักคำเลยว่าเพิ่งชน 3 แม่ลูกมา ไม่ได้บอกสักคำเลย ได้แต่พยายามหาแต่แมวของตนเอง ทำให้ หนุ่ม กรรชัย หลุดอีกคำออกมาอย่างสุดทนว่า “ใจแม่งได้จริงๆ”

พยานเล่าต่อไปอีกว่า อาการของ น.ส.จิรันธนิน ผู้ขับรถบีเอ็ม นั้นเธอไม่แน่ใจว่าเมาอะไร แต่ในรถไม่ได้มีกลิ่นแอลกอฮอล์ใดๆ แต่ลักษณะท่าทางของ น.ส.จิรันธนิน ผู้ขับรถบีเอ็ม เหมือนเมาอะไรสักอย่าง จน หนุ่ม กรรชัย ร้องโอ้โหออกมา ก่อนถามย้ำว่า ทำไมคิดว่าเธอเมาอย่างอื่น ซึ่งทางพยานบอกว่า เพราะอาการของ น.ส.จิรันธนิน ผู้ขับรถบีเอ็ม ณ ตอนนั้นไม่ปกติ

“อาการของเขา (น.ส.จิรันธนิน ผู้ขับรถบีเอ็ม) ไม่ปกติเหมือนคนกลัวเท่าไป มันบอกไม่ถูก แต่ถ้าถามว่าเหม็นกลิ่นเล่ามั้ย ในรถของเขาก็ไม่เหม็น ไม่มีกลิ่นแรง ในรถจะมีขวดเหล้ามั้ยอันนี้เราไม่เห็น แต่ในใจเราคิดว่าเขาเมา แต่ไม่รู้เมาอะไร นาทีนั้นอารมณ์เขาทั้งโกรธ เกรี้ยวกราด และตะคอกใส่เรา แต่ดูออกว่า เขาไม่ได้โกรธเรา อาจจะโกรธแมว โกรธแฟน สิ่งแวดล้อม แต่แค่พูดไม่ค่อยดีใส่”

พยานเล่าอีกว่าเธอก็พยายามช่วย น.ส.จิรันธนิน ผู้ขับรถบีเอ็ม หาแมว ก่อนจะมาเจอว่าแมวนั่งอยู่ในรถตรงข้างๆ พนักพิงนั่นแหละ จึงบอกให้น.ส.จิรันธนิน ผู้ขับรถบีเอ็มมาอุ้มแมวไป ก่อนที่เธอจะอุ้มแมวพร้อมโทรศัพท์ไปด้วย จากนั้นก็มีคนมาบอกว่า มีคนเสียชีวิต 3 ศพให้ช่วยไปดู ซึ่งนาทีนั้นเชื่อว่า น.ส.จิรันธนิน ผู้ขับรถบีเอ็ม ได้ยิน แต่ก็เธอยังไม่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้น เพียงแค่บอกว่าเธอไม่เป็นอะไร ไม่มีอะไร

“ตอนที่เกิดเหตุชนเขา (น.ส.จิรันธนิน ผู้ขับรถบีเอ็ม) ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิดเดียว ซึ่งถ้าเขาจะบอกว่าเกิดอะไรขึ้น เขาสามารถบอกได้ แต่เขาไม่บอกอะไรเลย จากนั้นตัวพี่ก็จะลงไปช่วยคนที่โดนชน พี่จึงบอกคนที่อยู่แถวนั้นว่า ให้ช่วยดูรถหน่อย อย่าให้ใครดึงเมมโมรี่การ์ดไปเพราะคือหลักฐานสำคัญ”