เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งผู้ประกาศข่าวที่ถูกช่อง 3 เลิกจ้าง สำหรับ ดาว อภิสรา ล่าสุด เธอได้มาเป็นแขกรับเชิญในรายการคุยแซ่บ Show ถึงชีวิตที่อยู่ในวงการข่าวมานาน 19 ปี จนกระทั่งถึงวันที่ต้องโบกมือลา “อยู่ในวงการข่าว 19 ค่ะ แต่ก่อนหน้านั้น ก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในช่องก็ทำรายการกีฬา

ที่ช่องเคเบิ้ล แล้วก็เริ่มต้นจากการเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬา หลายคนที่ติดตามจะรู้จักดาวจากข่าวกีฬาก่อน แล้วก็มาเป็นพิธีกรวาไรตี้ แล้วก็เป็นพิธีกรรายการ

สภาพจิตใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?

ดาว : โอเคมากเลยค่ะ จริงๆแล้ว เราอยู่ในวงการนี้ เรารู้กันอยู่โดยเฉพาะในเรื่องของรายการ หรืองานเบื้องหน้ามันเป็นวัฏจักร

มันเป็นเรื่องปกติของการสับเปลี่ยน ไม่มีใครทำอะไรอยู่ที่เดิม จริงๆ มันเป็นสัจธรรมของโลกด้วย คือไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป

ตั้งแต่วันแรกที่เราเข้ามาทำงานในวงการนี้ ก็รู้อยู่แล้วว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเราก็ต้องเดินต่อไป ไม่ใช่ว่าถูกเลิกจ้างตรงนี้

เราหมดสิ้นทุกอย่างมันไม่ใช่ ก็ต้องขอบคุณที่นี่ ที่ให้ดาว เป็นดาวในวันนี้ อยากขอบคุณทางช่องด้วยดูแลเรามา

แล้วก็ให้สิ่งดีๆ เรามาก็เลยไม่โกรธ ไม่รู้ต้องทำใจอะไร เหมือนเรารู้สึกว่าวันนึงเค้าเรียกว่าเป็นการเติบโต

พี่ดาวคิดไหมสิ่งที่พี่ไก่เปิดเมลอ่านในวันนั้นจะมีชื่อเราถูกเลือกให้ผิดหวัง ?

ดาว : อันนั้นมันเป็นเรื่องภายในองค์กร ส่วนนึงจะเป็นของพนักงานที่อยู่เบื้องหลัง ในส่วนของเบื้องหน้าเป็นอีกวันนึงเค้าจะแยกกันพูดคุย

แต่ถามว่าคิดไหม พี่พูดจากใจจริงนะ พี่ดาวคุยกับพี่ปอเฮ้ยเราอยู่ตรงนี้มาสักระยะนึง นานแล้ว คุณผู้ชมก็รู้จักเรา ออกก็ได้ ไม่ออกก็ได้

ทำไมพี่คิดแบบนั้น เพราะคนส่วนใหญ่ภาวนาขอให้ไม่เป็นตัวเอง?

ดาว : มันเป็นความจริง มันต้องยอมรับ คือถ้าเป็นเราก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่เป็นเราก็ดี มันมีอยู่แค่นี้ มันไม่มีตรงกลาง มันมีออกกับไม่ออก แค่นั้น

ในส่วนนึงเค้าแจ้งทางอีเมล แล้วส่วนของพี่ดาวใครเป็นคนแจ้ง?

ดาว : ในเบื้องต้นเค้าก็เรียกพูดคุยในส่วนของผู้ประกาศ เข้าใจได้แล้วมันเป็นการจบด้วยดี มันเป็นการจบที่เรารู้สึกว่าเราเติบโตมากับบ้านหลังนี้

ก็ขอบคุณเค้าจริงๆ ขอบคุณทั้งในใจ ขอบคุณทั้งในจอ นอกจอ แล้วทุกคนก็ยังน่ารักเหมือนเดิม แต่เข้าใจสถานการณ์

หรือด้วยการปรับโครงสร้างองค์กรใดๆ เข้าใจไม่มีวันนั้น ก็ไม่มีวันนี้ ไม่มีที่นั่น ก็ไม่มีดาว

ตอนที่มีการเรียกคุยเสร็จแล้วกลับบ้านมันมีจุกไหมว่าทำไมต้องเป็นเรา ?

ดาว : ดาวบอกที่บ้านไว้ก่อนแล้วว่าอาจจะเป็นเราก็ได้นะ แต่ไม่เป็นไรเรารับกับเหตุการณ์นี้ได้ เราทำใจไว้แล้ว เพราะวงการโทรทัศน์

วงการสื่อ มันเป็นแบบนี้ ไม่มีใครทำรายการหนึ่งได้ 50-60 ปี มันต้องเปลี่ยน แล้วในส่วนรูปแบบรายการของดาวมีการเปลี่ยนมาหลายครั้ง

หลายซีซั่น และหลายรุ่น เราจะเคยเห็นพี่ๆ ในวงการที่ทำรายการมาก่อนเรา ก็มีการเปลี่ยนแปลง บางท่านไปทำธุรกิจ บางท่านไปอยู่ช่องอื่น

บางท่านมีอะไรของตัวเอง มันเป็นสัจธรรมที่วันหนึ่งต้องเป็นเรา เพราะฉะนั้นเตรียมใจไว้อยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะวันนี้หรือวันไหน มันต้องมีสักวัน

เห็นว่าพี่ดาวอยู่รอดในการเลย์ออฟมาหลายครั้งแล้ว?

ดาว : ใช่ เพราะจริงๆ มีการปรับโครงสร้างมาหลายรอบ ตั้งแต่เป็นทีวีดิจิตอล ทุกคนก็เข้าใจสถานการณ์

แสดงว่าทุกคนที่อยู่ในวงการข่าวก็คิดอยู่เหมือนกันว่าวันนึงจะต้องเป็นเราหรือเปล่า ?

ดาว : มันก็ไม่ได้จีรังยั่งยืนทุกอย่างในชีวิต บางทีเราทำอย่างหนึ่ง แต่ด้วยความเป็นพี่ดาวมีสิ่งที่ชอบหลายๆ อย่าง

ไม่ทำตรงนี้เราอาจไปทำต่อในสายงานที่เราชอบ แต่จะเป็นใดๆ ก็คือก้าวไปข้างหน้า อย่างที่บอกมันถึงวาระโอกาส เรารู้สึกว่าเรามั่นคงที่จะก้าวออกไป

เพื่อนเรามีใครอยู่ในวาระเดียวกับเราบ้าง ?

ดาว : มีหลายคน แต่อันนี้เราก็พูดแทนเค้าไม่ได้ แต่ตัวเราเองก็มีสิ่งที่เราชอบ ก็ไปทำพิธีกรอีเวนต์ด้วย แล้วก็โลกอื่นๆอีก

ทางผู้ใหญ่ได้ให้เหตุผลในการถูกเลิกจ้างของแต่ละท่านไหมว่าเพราะอะไร ?

ดาว : เราเข้าใจในสถานการณ์ด้วยตัวเองด้วยในเบื้องต้น บางรายการอาจจะต้องปรับเปลี่ยน หรืออาจจะไม่มีไปเลย

ในส่วนงานตรงนั้นก็เข้าใจได้ อย่างของพี่ดาวอาจจะเป็นรายการที่มีคนเยอะ มันเป็นเรื่องของการทับซ้อนของเรื่องส่วนงานด้วย ไม่ใช่แค่เฉพาะหน้าจอ แต่เบื้องหลังพนักงานอื่นๆ ก็ด้วย

จริงๆไม่มีใครออกมาพูดถึงประเด็นนี้ มีพี่ดาวคนแรกเลย?

ดาว : จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจเลยที่จะมาเป็นไวรัล คือเซอร์ไพรส์มาก ดาวเป็นคนที่ก่อนหน้านี้ Facebook ก็จะมีแต่เพื่อนจริงๆ เพื่อนชีวิตจริงก็เข้ามาเยอะ

แต่ไม่รับรับจำกัดเลย ไอจีเล่นบ้าง แต่ TikTok แทบจะไม่เล่น หลังจากอัดคลิปนี้ลงไปโทรศัพท์เด้งมากทุกคนโทรมาหาด้วยความเป็นห่วง

ก็เลยรู้สึกว่าโอเคต้องพูดหลายรอบ เราก็เลยโอเคตัดคลิปแล้วพูดทีเดียว ก็ลงโซเชียลคนทั้ง Facebook ไอจี TikTok คนตามหลักร้อย

พอหลังจากอันนี้เสร็จก็ไปนอน แล้วจะมาอ่านตอนกลางคืน แต่พอตื่นมาร้องไห้เลย คนดู 2.1 ล้าน ทางนี่สคือแบบขอบคุณมากๆ ขอบคุณจริงๆ

มันทำให้เรารู้ว่าบางคนดูเราอยู่แต่เราประกวดมหาลัย คือมันเป็นการเปิดโลกเราเลย ทีวีเป็นการสื่อสารช่องทางเดียว มันคือการเปิดโลกของเรา

คนที่เป็นแฟนคลับพี่พี่ก็ไม่สามารถทักได้ ซึ่งเค้าพร้อมซัพพอร์ตเรา ไปช่องไหนเค้าก็จะตาม เค้าจะซัพพอร์ตลอด แล้ววันเดียวคนดู 2,000,000 กว่า

แล้วทุก Pages คือรัน ต้องขอบคุณพี่สื่อมวลชน สำนักข่าวทุกสำนัก เค้าให้คำพูดแบบกำลังใจ แล้วก็ทำให้ดาวสามารถไลฟ์ TikTok ได้ โดยยอดที่มันเพิ่มขึ้นภายในคืนเดียว

ไม่ใช่พี่ดาวคนเดียวที่ถูกเลิกจ้าง มันมีหลายคนที่ถูกเลิกจ้างแล้วมันมีผลกระทบกับรายจ่าย ของพี่ดาวมีไหม?

ดาว : พี่ดาวบอกเลยพี่ดาวเป็นคนง่ายๆ คือถ้ามี สมมุติว่าอยากได้ของไม่ติดกับแบรนด์เนม ถ้ามีเงินก็ซื้อ ไม่มีก็ไม่ซื้อ

แต่ก็มีลูกชายที่ต้องรับผิดชอบ 1 คน จริงๆเราก็ได้เตรียมไว้ให้เค้า คนมีลูกต้องเตรียมไว้อยู่แล้ว วันนึงถ้าตายไปคนมีลูกจะรู้ เราต้องเตรียมส่วนหนึ่งเพื่อซัพพอร์ตครอบครัวเค้า

ยุคนี้คนตกงานเยอะมาก อยากพี่ดาวให้กำลังใจ?

ดาว : อยากให้กำลังใจนะคะ จริงๆ คำว่าตกงานไม่มีอยู่จริง เพราะงานมันอยู่ในอากาศ เงินอยู่ในอากาศ สมมุติว่าวันนี้ฉันตกงาน อะไรคือตกงาน

อย่านิยามคำว่าตกงานคือไม่มีนายจ้าง เพราะทุกคนสามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง เป็นอิสระ เป็นฟรีแลนซ์ สมมุติวันนี้พี่อยากหาเงินจังเลยสัก 200

พี่ไปซื้อลูกชิ้นมาย่างขายหน้าสตูแป๊บเดียวได้แล้วนะ ทุกคนมีสิ่งที่เรารัก มีสิ่งที่เราชอบ อยากให้กำลังใจ เพราะไม่ใช่แค่พี่ดาว

หลายคนที่อาจจะต้องออกจากการทำงานที่เดิม ออกจากคอมฟอร์ทโซน ออกจากการเป็นลูกจ้าง ทุกคนสามารถเริ่มใหม่ได้ทุกวินาที

เงินอยู่รอบตัวเรา อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลง เริ่มใหม่ บางคนไปเรียนสกิลที่เราไม่เคยทำ ไปทดลองหาอะไรใหม่ๆ

แล้วทุกคนสามารถยืนด้วยตัวเองได้ หาสิ่งที่เราชอบ อย่าไปทำในสิ่งที่เราทำแล้วหวังเงิน ทำแล้วมีความสุขเดี๋ยวเงินจะตามมาเอง

ขอบคุณข้อมูล: Orange Mama