โบว์ แวนดา พาแบรนด์ VEEDAA เติบโตในตลาดออนไลน์ 7 ปี ปัดหันหลังวงการ รับงานเซฟตัวเองเพื่อลูก แง้มบทที่อยากเล่น ไม่หวง เจย์ DICE ลูกชายขึ้นแท่นไอดอลหนุ่มฮอต
ปลุกปั้นแบรนด์ VEEDAA มากับมือ จนเติบโตอย่างมั่นคงในตลาดออนไลน์ สำหรับ โบว์ แวนดา สหวงษ์ ที่ล่าสุดเพิ่งจัดงาน 7th VEEDAA Anniversary HooHoo HAAHAA ฉลองครบรอบ 7 ปี เมื่อวันก่อน ที่ ร้านถ้ำเสือ Party House พร้อมเผยกลยุทธ์สร้างคุณค่าให้แบรนด์ ก่อนตอบชัดหันหลังให้วงการหรือเปล่า รวมถึงเรื่องที่ น้องมะลิ-เจย์ ลูกสาวและลูกชายตบเท้าเข้าวงการเต็มตัว
VEEDAA ครบรอบ 7 ปีแล้ว? “ตอนแรกตั้งใจว่าอยากให้มันมีอยู่ตลอดไป แต่ไม่รู้ว่าความตั้งใจของเราจะสามารถไปได้ไกลแค่ไหน พอวันนี้ครบรอบ 7 ปีแล้ว ถือว่ายาวนานมาก อย่างที่รู้กันว่าตลาดออนไลน์มาไวไปไว แต่เราไม่คิดว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะอยู่ในตลาดออนไลน์ได้ถึง 7 ปี แล้วก็ยังเป็น 7 ปีที่เราเดินได้อย่างมั่นคง ถึงแม้ว่าเราจะเป็นแบรนด์เล็กๆ ไม่ได้มีการตลาดใหญ่โต ไม่มีพรีเซ็นเตอร์ แต่เราเชื่อว่ามันเป็นแบรนด์ที่ขายคุณภาพสินค้าได้ด้วยตัวของมันเอง”
กลยุทธ์หลักที่ใช้? “แบรนด์เราจะเป็นสินค้าที่ไม่มีการสต๊อกของ ส่วนใหญ่ตัวแทนที่มาจะเป็นจากลูกค้าหมดเลย ใช้แล้วรู้สึกชอบเลยอยากเป็นตัวแทนขาย เราไม่ได้มีกำหนดว่าเข้ามาจะต้องเปิดบิลเท่านี้ๆ ขั้นต่ำของเราแค่ 10 กระปุกเอง แต่ด้วยกำไรของแต่ละเรตก็จะไม่เหมือนกัน แล้วก็ไม่มีว่าจะต้องทำยอดเท่าไหร่ ถึงเวลาขายหมดก็กลับมาซื้อซ้ำได้ หรือใครมีปัญหาเรื่องหลังบ้านก็โทรถามกันได้”
ก่อนหน้านี้มีข่าวต่างๆ เกี่ยวกับธุรกิจที่มีตัวแทนจำหน่ายค่อนข้างเยอะ กระทบกับแบรนด์ของเราไหม? “ไม่มีเลย ด้วยความที่เราผลิตของมาขายเพื่อให้ผู้บริโภค ไม่ได้ผลิตของเพื่อให้ตัวแทนมาสต๊อกของเรา การสินค้าตัวหนึ่งของเราก็เพื่อให้คนได้ใช้จริงๆ สิ่งหนึ่งที่เรายึดมาตลอดคือเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย เอาจริงๆ ตัวแทนของเรามีไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะขายกันมา 6-7 ปีแล้ว ตัวแทนหลายคนเลยที่ขายแบรนด์เราแบรนด์เดียว เราก็ยังงเลยว่าขายได้ใช่ไหม ตัวแทนบางคนก็บอกว่าไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่ามันอยู่ได้และขายได้ตลอดเวลา”
มองปีที่ 8 9 10 ยังไงบ้าง? “เรียกว่ามองตลอดไปดีกว่า แม้ว่าตัวแทนจะไม่ได้อยู่กับเราแล้ว เราก็จะไม่ทิ้งแบรนด์เราแน่นอน เพราะเรามั่นใจว่าแบรนด์เราไปได้ อย่างน้อยมันก็มีคำว่ากันแดดในตำนาน อยู่มา 7-8 ปี แล้วก็เป็นกันแดดที่ไม่เคยเปลี่ยนสูตรเลย เพราะว่าลูกค้าสั่งเลยว่ายุคจะเปลี่ยนยังไงก็ตาม แต่ขอว่าห้ามเปลี่ยนสูตรกันแดดเด็ดขาด”
ตอนนี้มาลุยธุรกิจเยอะ เลยไม่รับงานในวงการแล้วหรือเปล่า? “ไม่มีคนจ้าง(หัวเราะ) ต้องบอกตรงๆ ว่าเราไม่ได้มีงานเยอะ แต่เวลารับงานถ้าลูกค้าไม่โอเคกับสิ่งที่เราเสนอไปเราก็ไม่รับเลย อย่างที่บอกว่าพอเรารับงานไปอะไรที่เราไม่ได้ใช้แต่ต้องไปพูดว่าใช้ อย่าลืมว่าคนที่ฟังเรามีเยอะและพร้อมที่จะใช้ตามเราก็มีเยอะ ฉะนั้นเราต้องซื่อสัตย์กับตัวเองและคนอื่นด้วย”
“อีกอย่างเราต้องเซฟตัวเองด้วยเพราะเรามีลูก บางทีงานละครติดต่อมาเราก็อยากรับ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเราไม่พ้นกับบทที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่สามีตาย ชีวิตลำบากเหลือเกินมีลูกหลายคนแล้วต้องต่อสู้ จนรู้สึกว่าขอสักเรื่องได้ไหมที่ยิ้มหัวเราะ จริงๆ มีบทที่รออยู่นะ อยากเล่นร้ายหน้านิ่งๆ บทน้อยๆ เน้นใช้อารมณ์สื่อสาร แล้วก็ไม่เอาร้ายตบตี ขอร้ายลึกๆ ค่ะ”
“ไม่ใช่ว่าเราเลือกเยอะ แต่ถ้ามีโอกาสมีคนส่งบทให้อย่างนี้เราก็จะขอบคุณมาก เพราะเราเป็นคนใช้ชีวิตระวัง ไม่ใช่ระวังว่าตัวเองจะโดนด่า คือด่าได้เลยไม่มีปัญหาเพราะมันข้ามผ่านจุดนั้นมาแล้ว ไม่มีใครทำอะไรเราได้แล้ว แต่ที่เซฟตัวเองเพราะเรามีลูก มะลิก็เริ่มโต เจย์เองก็เริ่มมีชื่อเสียง หน้าที่ความเป็นแม่ที่จะเซฟเขาได้คือการใช้ชีวิตของเราไม่ให้ไปกระทบกระเทือนเขา เพราะถ้าเราพลาดอย่างใดอย่างหนึ่งก็ไม่รู้ว่าสังคมของลูกจะไปพูดหรือไปถามลูกเราแนวไหน เลยบอกลูกทั้งสองคนแม่จะเซฟให้ได้เท่าที่ทำได้”
ลูกเข้าวงการทั้งคู่ สิ่งที่ห่วงมากๆ ในตอนนี้? “ห่วงการใช้ชีวิตในยุคนี้ที่มันมีโซเชียล ในเรื่องของการเดินทางในเส้นทางต่างๆ ที่เขาเลือก เราซัพพอร์ตเขาอยู่แล้ว แต่ก็จะให้เขาสู้ด้วยตัวเองก่อน อย่างเจย์เราก็อยากให้เขาพิสูจน์ตัวเองด้วยตัวเขาเอง มะลิก็เช่นกันพอเขาเริ่มโตเราก็เริ่มออกห่างแล้วมะลิจะมีความกดดันจากคำว่าลูกพ่อปอค่อนข้างเยอะ ถ้าวันหนึ่งเขาอยากจะมีเส้นทางนักร้องหรือไอดอล เราอยากให้เขาเป็น มะลิ พาขวัญ”
“ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ใครจำพี่ปอได้ แต่ด้วยเส้นทางอาชีพเขาเราอยากให้ทุกคนรู้จักเขาในความเป็นเขา แต่ในความทรงจำของคนไทยก็คือมะลิ ลูกพ่อปอนั่นแหละ แต่อย่างเจย์เราก็ดีใจทุกครั้งที่ไม่มีรู้ว่าเป็นลูกเรา บางคนตกใจเลยพอมารู้ทีหลังว่าเป็นลูกแม่โบว์ เราก็คุยกับลูกว่าให้ระลึกไว้เสมอว่าเจย์มาด้วยตัวเอง”
ลูกชายฮอตมากด้วยตอนนี้? “ไม่หวงๆ ไปต่อเลย แค่ว่าอย่าทำอะไรในสิ่งที่ไม่ควรทำ แล้วก็ต้องให้เกียรติทั้งเราและคนอื่น ใช้ชีวิตไม่เอาชื่อเสียงตัวเองไปเบียดเบียนใคร (เห็นรูปลูกตามป้ายต่างๆ รู้สึกยังไง?) เห็นนะ หล่อได้แม่เนอะ ภูมิใจตรงนี้แหละ แซวเล่นค่ะ คือดีใจที่เขาได้ทำอะไรในเส้นทางของเขา”
เรื่องสาวๆ ล่ะ? “ไม่หวงเลย ถ้าจะอะไรก็ปล่อยได้เพราะมันเป็นชีวิตเขา เขาก็เลือกของเขา แต่อย่าทำให้แม่และครอบครัวเดือดร้อนพอแล้ว เพราะว่าแม่เองก็ไม่ทำให้ลูกเดือดร้อนเหมือนกัน ฉะนั้นต้องเคารพซึ่งกันและกัน”