หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ คุณแม่ลูกสาม “ปิ่น-เก็จมณี พิชัยรณรงค์สงคราม“ เปิดใจเล่าครั้งแรก ก่อนแยกทาง “เจ เจตริน” คุยหลายปี เพราะลูกขอเวลา ตอนนี้เป็นเพื่อนกัน เจอได้ชินแล้ว
หลังจากที่ตัดสินใจลดสถานะคู่ชีวิต เหลือเพียงเพื่อนและต่างฝ่ายต่างหน้าที่พ่อและแม่ของลูก “ปิ่น-เก็จมณี พิชัยรณรงค์สงคราม” กับ “เจ-เจตริน วรรธนะสิน” ก็ยังไม่เคยออกมาพูดถึงเรื่องนี้แบบชัดเจน “ปิ่น” ได้มาเปิดใจเล่าครั้งแรกใน WOODY FM หลังกลับมาใช้ “นางสาว” อีกครั้ง พร้อมวินาทีตัดสินใจหย่าให้ฟังด้วยว่า คิดว่าอะไรคนอาจจะเข้าใจผิดในช่วงที่ผ่านมา แล้วเราก็ไม่ได้ออกมาพูด? “เข้าใจผิดเหรอ ปิ่นไม่รู้นะว่าเข้าใจผิดเรื่องอะไร เพราะว่าเรารับแต่พลังบวก เราก็เลยไม่ค่อยได้ทราบว่าเขาเข้าใจอะไรผิดกันบ้าง แล้วก็เหมือนมีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้น ไม่มีอะไรไม่ดีสักเท่าไหร่ อาจจะมีบ้างซึ่งเป็นธรรมดาของมนุษย์และปัญหาครอบครัว ก็ต้องมีอยู่แล้ว นี่ผ่านมาเป็น ‘นางสาว’ ครบ 1 ปีพอดี (8 มีนาคม) เราคบกันตั้งแต่ปี 1995 เกือบ 30 ปี เป็นแฟนกันมานานมา มันไม่มีอะไรแน่นอน (ไม่คิดว่าภาพนี้จะเกิดขึ้น?) ไม่คิดเลย เพราะเป็นคนที่มีความฝันจะมีครอบครัว มีความสุขเหมือนผู้หญิงทั่วไป เนื่องจากว่าครอบครัวตัวเองมีการหย่าร้างเกิดขึ้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งแต่เรา 2 ขวบ เราเลยมุ่งมั่นว่าจะทำครอบครัวให้ดีที่สุด อบอุ่น ไม่ว่าจะเสียสละอะไร เราทำให้ถึงที่สุดตลอดชีวิต แต่ระหว่างทางมันก็ขรุขระ ไม่ได้สวยงาม แต่ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะหาเรื่องยิ้มทุกวัน หาเรื่องสนุกทุกวัน หาเรื่องมีความสุข ความทุกข์ก็ได้ มันก็ผ่านมาได้เรื่อยๆ“
วินาทีที่บอกว่าพอแล้ว ต้องที่อะไรอยู่ในหัว ต้องมีอะไรที่กระตุ้นให้พอแล้ว? “มันน่าจะไม่ใช่แค่วันนั้น มันน่าจะเป็นอะไรที่มาเรื่อยๆ ค่อยๆมา จนสุดท้ายถึงวันที่ตัดสินใจ ด้วยสติ ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง รวมทั้งหมดแล้วคิดว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า เป็นพ่อแม่ของลูกดีกว่า ในเวลาที่ลูกพร้อมแล้วด้วย ในเวลาที่ทุกคนมีความสุข”
”มันใช้เวลาเป็นปีๆ มีหลายครั้งที่เราคุยกันเรื่องนี้ ตั้งแต่หลายปี 5 ปี ว่าจะแยกกันไหม ก็ไม่เคยที่จะยอมแยกกัน สุดท้ายก็กลับมาดีขึ้นทุกครั้ง แต่ครั้งสุดท้ายพอคุยกันเขาบอกโอเค ก็ตกใจเหมือนกัน ก็เหวอเหมือนกันนะ มันก็ดี ก็ง่าย ก็ไม่คิดว่าจะง่ายขนาดนี้ เขาก็บอกว่านัดวันมา เดี๋ยวดูแลให้”
เพราะมันสะสมจนอึดอัด ในช่วงหลังๆ ความรู้สึกเป็นยังไง? “ไลฟ์สไตล์ต่างกันออกไปเยอะมาก จากที่เราเคยสนุกด้วยตั้งแต่เด็ก เพราะเราคบกันสนุกมาก เราบู้ล้างผลาญด้วยกัน เราเล่นกีฬาเดียว เราไปที่ไหนด้วยกัน แต่ด้วยสุขภาพของปิ่นที่ปิ่นใส่สะโพกเทียม ก็ซนด้วยกันไม่ได้แล้ว เขาก็คงต้องไปสนุกของเขา ปิ่นสนุกของปิ่น เวลาทำงานไม่ตรงกัน เขาทำงานกลางคืน เรานอน เราต้องดูแลสัตว์เลี้ยงของเรา ลูกของเรา เวลาก็ต่างกันแล้ว ทำให้ค่อยๆห่างกัน แต่เหมือนพยายามจะกลับมาหาอะไรทำเหมือนๆ กันบ้าง ก็คงน้อยลง”
เพื่อนส่งข้อความหาเยอะไหม? “เยอะมาก อ่านบางไม่อ่านบ้าง ยิ่งคนส่งข้อความมาโอ๋ มันยิ่งร้องไห้ ไม่อยากร้องแล้ว จะบอกว่าร้องไม่เยอะก็ไม่ได้ ก็เป็นวันๆ บางทีวันนี้แฮปปี้จังเลย เหมือนเป็นไบโพล่าร์ อีกวันร้องไห้อย่างบ้าคลั่งคนเดียว”
มุมมองของลูก มีผลกระทบไหม? “แน่นอนว่าสิ่งแรกที่คิดถึงคือลูก คุยกันมาโดยตลอด ลูกรู้ทุกอย่างตลอดเวลา ลูกดูแลเราอย่างดี น่ารักมาก ทุกคนน่ารักมาก ลูกกลายเป็นผู้ใหญ่ไปเลย ตอนคุยกับลูกก็มีแยกบ้าง มันเป็นอะไรที่ค่อยๆ เกิดขึ้นเรื่อยๆ ลูกก็เห็นมาทุกอย่างแต่ก็เคยคุยกันว่าจะเป็นเพื่อนกันนะ เขาบอกว่ายังไม่พร้อม ขอเข้ามหาลัยมหาลัยก่อนได้ไหม จริงๆ เขาไม่ได้พูดกับเรานะ แอบพูดกับคนอื่น แล้วคนอื่นเอามาเล่าให้ฟัง ลูกบางคนก็พร้อม บางคนยังไม่พร้อม ด้วยความรู้สึกเขาอยากตั้งใจเรียนก่อน อยากทำงานแบบมีสมาธิ เขาอยากเป็นผู้ใหญ่ก่อน เมื่อเขาพร้อมเขาจะบอก แล้วพอเขาบอกเราก็เลยโอเค (แปลว่ารอ?) รอๆ รอมาหลายปี คือไม่ใช่เรื่องตื่นเต้นเลย แต่ว่าไม่ชอบประกาศให้โลกรู้”
ตกลงดูแลลูกยังไง? “อยู่ด้วยกันสลับไปมา ก็ยังเป็นเพื่อนกัน”