ด่วน จับแล้ว เจ๊นัท กะเทยโหด ฆ่าเผาอำพราง น้องซัน นศ.หนุ่ม ขึ้นรถไฟหนีซุกนครสวรรค์ ตำรวจคุมตัวกลับมาสอบสวนดำเนินคดี

จากกรณี นายวิศว หรือน้องซัน อายุ 22 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง ย่านคลองประปา ถูกคนร้ายแทงเสียชีวิต ก่อนใช้ผ้าห่มพันร่างกายแล้วจุดไฟเผาอำพรางศพ ภายในห้องพักของหอพักแห่งหนึ่งย่านประชาชื่น ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี

ก่อนเจ้าหน้าที่ได้เบาะแสสำคัญของคดี สืบสวนเบาะแสของคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ พบนำกระเป๋าเป้แบบสะพายไปวางทิ้งไว้ที่สถานีกลางรถไฟบางซื่อ ก่อนจะนั่งรถมาลงแถวซอยชินเขต เขตทุ่งสองห้อง แล้วลงมือขโมยรถจักรยานยนต์ที่ผู้เสียหายเผลอเสียบกุญแจทิ้งไว้ แล้วขี่มาก่อเหตุที่หอพัก ก่อนจะใช้เป็นพาหนะหลบหนีกลับไปที่สถานีกลางรถไฟบางซื่ออีกครั้ง

โดยคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนพบเป็นสาวประเภทสอง โดยเร่งแกะรอยและติดตามเบาะแส ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น

สำหรับความคืบหน้า ช่วงเย็นวันที่ 8 ส.ค.67 รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 1 แกะรอยและติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้แล้วคือ เจ๊นัท กะเทยโหด หลังลงมือก่อเหตุฆ่าเผาอำพราง น้องซัน พบขึ้นรถไฟหลบหนีไปกบดานยังบ้านเกิดในจ.นครสวรรค์

อ่านข่าว : เร่งไล่ล่า กะเทยโหด ฆ่าเผาอำพรางศพนักศึกษาชายในหอพัก ซิ่งจยย. ลักขโมยมาหลบหนี อ่านข่าว : ฆ่าโหดนักศึกษาหนุ่ม แทง-เผาอำพราง หมกห้องพัก กระจุกผมอยู่ในกำมือ อ่านข่าว : เปิดเบาะแส คนร้ายโหด ฆ่าเผาอำพรางศพ นักศึกษา พบจยย.ที่ใช้หนีแล้ว อ่านข่าว แม่ “น้องซัน” นักศึกษา ถูกฆ่าเผาอำพราง เผยนาทีรู้ข่าว เปิดโพสต์สุดท้าย

เจ๊นัท กะเทยโหด เปิดปาก ปมฆ่าเผาอำพราง น้องซัน นศ.หนุ่ม หมกหอพัก อ้างว่า ทะเลาะกันเรื่องเงิน โดยหลังก่อเหตุยังนำโทรศัพท์มือถือไปขาย

จากกรณี นายวิศว หรือน้องซัน อายุ 22 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง ย่านคลองประปา ถูกคนร้ายแทงเสียชีวิต ก่อนใช้ผ้าห่มพันร่างกายแล้วจุดไฟเผาอำพรางศพ ภายในห้องพักของหอพักแห่งหนึ่งย่านประชาชื่น ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี

ก่อนเจ้าหน้าที่ได้เบาะแสสำคัญของคดี สืบสวนเบาะแสของคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ พบนำกระเป๋าเป้แบบสะพายไปวางทิ้งไว้ที่สถานีกลางรถไฟบางซื่อ ก่อนจะนั่งรถมาลงแถวซอยชินเขต เขตทุ่งสองห้อง แล้วลงมือขโมยรถจักรยานยนต์ที่ผู้เสียหายเผลอเสียบกุญแจทิ้งไว้ แล้วขี่มาก่อเหตุที่หอพัก ก่อนจะใช้เป็นพาหนะหลบหนีกลับไปที่สถานีกลางรถไฟบางซื่ออีกครั้ง

โดยคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนพบเป็นสาวประเภทสอง โดยเร่งแกะรอยและติดตามเบาะแส ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น

สำหรับความคืบหน้า ช่วงเย็นวันที่ 8 ส.ค.67 รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 1 แกะรอยและติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้แล้วคือ เจ๊นัท กะเทยโหด หลังลงมือก่อเหตุฆ่าเผาอำพราง น้องซัน พบขึ้นรถไฟหลบหนีไปกบดานยังบ้านเกิดในจ.นครสวรรค์

จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบ สาเหตุการก่อเหตุในครั้งนี้ เจ๊นัทอ้างว่า ทะเลาะกันเรื่องเงิน โดยหลังก่อเหตุยังนำโทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิตไปขาย ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างนำตัวมาสอบสวน

อ่านข่าว : เร่งไล่ล่า กะเทยโหด ฆ่าเผาอำพรางศพนักศึกษาชายในหอพัก ซิ่งจยย. ลักขโมยมาหลบหนี อ่านข่าว : ฆ่าโหดนักศึกษาหนุ่ม แทง-เผาอำพราง หมกห้องพัก กระจุกผมอยู่ในกำมือ อ่านข่าว : เปิดเบาะแส คนร้ายโหด ฆ่าเผาอำพรางศพ นักศึกษา พบจยย.ที่ใช้หนีแล้ว อ่านข่าว : แม่ “น้องซัน” นักศึกษา ถูกฆ่าเผาอำพราง เผยนาทีรู้ข่าว เปิดโพสต์สุดท้าย อ่านข่าว : ด่วน จับแล้ว เจ๊นัท กะเทยโหด ฆ่าเผาอำพราง น้องซัน นศ.หนุ่ม ขึ้นรถไฟหนีซุกนครสวรรค์

ปัจจุบันการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นแบบขั้นไดตามช่วงอายุ คือ

– อายุ 60 – 69 ปี ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 600 บาท

– อายุ 70 – 79 ปี ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 700 บาท

– อายุ 80 – 89 ปี ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 800 บาท

– อายุ 90 ปีขึ้นไป ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 1,000 บาท

การคำนวณอายุของผู้สูงอายุรายเดิม จะคำนวณตามปีงบประมาณ (การเลื่อนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุรายเดิมแบบขั้นบันไดจะเลื่อนตามปีงบประมาณ ไม่มีการเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในระหว่างปีงบประมาณ)

ซึ่งเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุประจำเดือนสิงหาคม 2567 จะได้รับในวันที่ 9 สิงหาคม 2567

สำหรับปฏิทินการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2567 เงินเข้าวันไหน?

เงินผู้สูงอายุเดือนสิงหาคม เงินเข้าวันที่ 9 สิงหาคม 2567

เงินผู้สูงอายุเดือนกันยายน เงินเข้าวันที่ 10 กันยายน 2567

เงินผู้สูงอายุเดือนตุลาคม เงินเข้าวันที่ 10 ตุลาคม 2567

เงินผู้สูงอายุเดือนพฤศจิกายน เงินเข้าวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567

เงินผู้สูงอายุเดือนธันวาคม เงินเข้าวันที่ 9 ธันวาคม 2567

เกณฑ์รับเบี้ยผู้สูงอายุ

สัญชาติไทย

ชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

อายุ 60 ปีขึ้นไป ได้ยืนยันสิทธิขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด

ยังไม่มีการกำหนดคุณสมบัติอย่างชัดเจนเรื่องเกณฑ์การชี้วัดรายได้ที่ไม่เพียงพอ ให้ใช้ระเบียบการเบิกจ่ายฉบับเดิมไปก่อน จนกว่าจะมีการกำหนดคุณสมบัติอย่างชัดเจน

ขั้นตอนการยื่นขึ้นทะเบียน

ประกาศและประชาสัมพันธ์ให้ผู้สูงอายุทราบสิทธิของตนเอง

ลงทะเบียนตามวัน เวลา สถานที่ที่กำหนด (ในวันและเวลาราชการ)

ให้ผู้สูงอายุลงทะเบียนได้ตามแบบรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ด้วยตนเอง

หลักฐานการลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

กรณีลงทะเบียนด้วยตนเอง

สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 1 ชุด

สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด

สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก (ออมทรัพย์) จำนวน 1 ชุด และสำเนา 1 ชุด

กรณีผู้สูงอายุไม่สามารถไปลงทะเบียนได้ด้วยตัวเอง (ต้องเตรียมเอกสารเพิ่ม)

หนังสือมอบอำนาจ (ยื่นแบบฟอร์มให้ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง)

สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ พร้อมสำเนา 1 ชุด

สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ พร้อมสำเนา 1 ชุด

สถานที่การขึ้นทะเบียน

จุดบริการ ใน กทม. : สำนักงานเขต 50 เขต

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) : ฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคมสำนักงาน

เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม.โทร.0-2282-4196

องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น : อบต. (องค์การบริหารส่วนตำบล) หรือเทศบาลที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

ดังนั้น ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผ่านการลงทะเบียนมาก่อนหน้านี้แล้ว

เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 7 ส.ค. 67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่วุฒิสภา ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพิ่มเติม วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ที่จะนำไปใช้ในโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่า ขอบคุณ สว.ทุกคนที่ให้การยอมรับและโหวตให้ วันนี้ต้องเดินหน้าตามที่กระทรวงการคลังแถลง ส่วนไทม์มิ่ง ดำเนินการต้องรอรายละเอียดจากนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีข่าวว่า จะเริ่มใช้เงิน 1 หมื่นบาทได้ภายในเดือน พ.ย. นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็หวังว่าจะเป็นไปตามนั้น และพยายามทำให้เร็ว เพราะอยากนำเงินส่วนนี้มากระตุ้นเศรษฐกิจให้เร็ว และเข้าใจข้อกังวลว่า หากระบุวันที่แน่ชัด จะเป็นสมการตัวหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการทำเรื่องดิจิทัล ขณะที่สินค้าห้างร้านก็จะเร่งผลิตสินค้าเพื่อมารองรับการใช้เงินตรงนี้ จึงต้องมีช่วงเวลาในการผลิต และเราเข้าใจความกังวลตรงนี้

เมื่อถามถึงข้อกังวลของผู้ค้ารายเล็ก ที่อาจจะเกิดอุปสรรคตรงนี้ได้ นายกฯ กล่าว เราพยายามแก้ไข และพยายามตอบโจทย์ให้ได้ทุกคน เมื่อถามถึงการแลกเป็นเงินสดของร้านค้าขนาดเล็กที่สายป่านไม่ยาว นายเศรษฐา กล่าวว่า รับทราบเรื่องนี้แล้ว และจะพยายามหาทางแก้ไขต่อไป เมื่อถามย้ำว่า ร้านค้าจะต้องมีการซื้อขายในครั้งที่ 2 และ 3 ก่อนถึงจะสามารถแลกเป็นเงินสดจะทำกรอบเวลา 6 เดือน ในการใช้จ่ายตามโครงการหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องดูรายละเอียดอีกที และจะให้ รมช.คลัง ชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง เมื่อถามว่า สำหรับร้านค้าจะสามารถแลกเป็นเงินสดในการซื้อขายครั้งแรกเลยได้ นายกฯ กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามกติกา

เมื่อถามถึงข้อกังวลความปลอดภัยของการเชื่อมต่อระบบที่จะต้องลิงก์กับธนาคาร นายเศรษฐา กล่าวว่า กังวลทุกเรื่อง และจะพยายามพัฒนาให้ดีที่สุดต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่ามีความพร้อม มีความเสถียร ตรวจสอบได้ทุกคำถามที่สงสัย ก่อนแจกเงิน

วันที่ 7 สิงหาคม 2567 เกิดฝนตกหนักทั่วกรุงเทพฯ ส่งผลหลายพื้นที่มีน้ำท่วมขัง บางจุดรถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ เนื่องจากมีน้ำขังผิวการจราจร เช่นบนถนนลาดพร้าว-วังหิน ทั้ง 2 ฝั่ง เป็นระยะทางตั้งแต่ช่วงซอยฝั่งเกษตรนวมินทร์ ไปจนถึงโชคชัย 4 ระดับน้ำสูงถึงขอบฟุตปาธ ประมาณ 10-15 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านจุดดังกล่าว รถยนต์และรถจักรยานยนต์หลายคันเครื่องยนต์ดับ ทำให้การจราจรติดขัดบางช่วง

โดยชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณริมถนนในซอยลาดพร้าว-วังหิน เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเวลา 20.00 น.ที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนัก นานกว่า 2 ชั่วโมง ทำให้การระบายน้ำเป็นไปได้ช้าและเกิดน้ำท่วมขัง หากมีรถยนต์ที่ขับผ่านด้วยความเร็วก็จะทำให้น้ำมีลักษณะคล้ายคลื่นและไหลทะลักเข้าถึงภายในตัวบ้าน จึงต้องใช้ไม้กวาดทางมะพร้าวคอยทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำกระเด็นไปโดนสิ่งของในบ้าน

วันที่ 7 ส.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.ชลดา หรือ น้องตอง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา ตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี ได้มีการขอศาลออกหมายจับ นายปฏิพัธน์ (ขอสงวนนามสกุล) หรือ เบียร์ อายุ 25 ปี เพื่อนสนิทของ น.ส.ชลดา ซึ่งเป็น LGBT ในข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงาน และติดตามจับกุมตัวได้พื้นที่ อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ เมื่อช่วงเช้าวันนี้

ขณะตำรวจเข้าจับกุม นายปฏิพัธน์ ไม่ขอให้การใด ๆ ระบุเพียงว่า ขอให้การในชั้นสอบสวนเท่านั้น ตำรวจจึงได้นำตัวไปทำบันทึกจับกุมที่สภ.พยุหะคีรี ซึ่งนายปฏิพัธน์ยังคงไม่ตอบคำถามในประเด็นใด ๆ รวมถึงเรื่องสารไซยาไนด์ ที่เป็นสาเหตุทำให้นางชลดาเสียชีวิตด้วย

แต่ได้ขอโทรศัพท์หาญาติแจ้งว่าไม่ต้องมาประกันตัว โดยไม่ทราบว่าสาเหตุที่ไม่ต้องการให้ญาติมาประกันตัว เป็นความตั้งใจที่แท้จริงหรือทำไปเพียงเพราะอยากประชดทางญาติเท่านั้น

สำหรับหมายจับ นายปฏิพัธน์ ในข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงานนั้น สืบเนื่องจากกรณีที่น.ส.ชลดาเกิดอุบัติเหตุจนกระทั่งไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล นายปฏิพัธน์ได้เป็นคนเดินเรื่องทุกอย่างแทนครอบครัว

และได้มีการโทรศัพท์ประสานกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี พร้อมเสนอเงินจำนวน 2 แสนบาท เพื่อให้ทำคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ชลดา เป็นคดีอุบัติเหตุ ก่อนที่ต่อมาเมื่อปรากฏเป็นข่าวจะติดต่อเพิ่มข้อเสนอให้เป็น 1 ล้านบาท พนักงานสอบสวนจึงนำเรื่องนี้ไปรายงานผู้บังคับบัญชา และนำไปสู่การขอศาลออกหมายจับในข้อหานี้

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ก่อนที่นายปฏิพัธน์ จะถูกออกหมายจับ ได้เดินทางไปทำเอกสารบางอย่างที่ จ.ปทุมธานี ด้วย

สำหรับคดีติดสินบนเจ้าพนักงาน ถือเป็นคดีตั้งต้นของคดีการเสียชีวิตของน.ส.ชลดา เพราะถือเป็นความผิดปกติเรื่องแรกหลังจากที่น.ส.ชลดาเสียชีวิต โดยหลังจากนี้ ตำรวจฝ่ายสืบสวน จะเร่งขยายผลหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงเรื่องการใช้สารไซยาไนด์ต่อไป

อุทาหรณ์! เด็กจีนวัย 11 ปีไหวพริบดี เอาตัวรอดจากลิฟต์ร่วง ชั้น 9 ลงไปชั้นใต้ดิน แม่เฉลยไปเอาความรู้จากไหน

กระแสไวรัลในโลกออนไลน์กำลังฮือฮาถึงไหวพริบของเด็กน้อยวัย 11 ปีที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์สุดระทึกในชีวิต โดยลิฟต์โดยสารร่วงลงมากว่า 10 ชั้น แต่โชคดีที่ปลอดภัยและไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ แถมชาวเน็ตหลายคนยกย่องเขาว่า “ฉลาดมาก”

ตามรายงาน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ประสบอุบัติเหตุขัดข้องขณะโดยสารลิฟต์ เมื่อเขากำลังกลับบ้าน จู่ ๆ หน้าจอลิฟต์แสดงผลขัดข้องกะทันหันก็ตกลงมาจากชั้น 9 ซึ่งเด็กหนุ่มพยายามกดกริ่งเรียกฉุกเฉินทันที และกดปุ่มสำหรับแต่ละชั้นเพื่อชะลอความเร็วของลิฟต์

จากนั้นดึงราวจับให้อยู่ในท่านั่งยอง ๆ ซึ่งขณะนั้นเด็กชายมีท่าทีตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่เขาก็ยังผ่านช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นไปได้ ในที่สุดลิฟต์ก็มาหยุดลงที่ชั้น B3 ที่เป็นชั้นใต้ดิน หลังจากที่เด็กชายออกจากลิฟต์แล้ว เขาก็ไม่ลืมที่จะเตือนคนที่กำลังจะเข้าลิฟต์ว่า ลิฟต์เสียและไม่ใช้งาน

กระบวนการจัดการเหตุการณ์วิกฤตอย่างใจเย็นถูกบันทึกไว้บนจอภาพ หลังจากนั้นแม่ของเด็กชายให้สัมภาษณ์ว่า วันนั้นมีชายคนหนึ่งอยู่ในลิฟต์ เมื่อชายออกจากลิฟต์ที่ชั้น 9 เหลือเด็กชายเพียงคนเดียวแม่ของเด็กชายเผยว่า ลูกชายของเธอมักจะชอบดูสารคดี ดังนั้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เขาจึงสามารถนำความรู้ที่ได้เรียนรู้ไปใช้

นับตั้งแต่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ก็มีคนเข้ามาชมเด็กชายกันอย่างล้นหลาม เช่น “ใจเย็น และมีไหวพริบมาก” , “เด็กดีจะเป็นคนดี” , “เด็กคนนี้จะเป็นคนดีในอนาคต ต่อไปจะไม่ตื่นตระหนกและสงบสติอารมณ์ เมื่อสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น”, “พ่อแม่สอนดีมาก” , “เป็นเรื่องดีที่ได้สงบสติอารมณ์ในเวลาที่ยากลำบาก”, “เด็กคนนี้เยี่ยมมาก เขาเจ๋งมาก”

ขอบคุณที่มาจาก 重庆广电第1眼

ตามรวบยัดคุก โจรใช้คีมตัดโซ่ฉกตู้บริจาควัดแสนสุข รีบเปิดปากรับสารภาพ พร้อมร้องขอตำรวจช่วยจุดธูปขอขมา ท้าวเวสสุวรรณ หลังดึกมาเข้าฝัน บอกให้รีบเอาไปคืนวัด

วันที่ 6 ส.ค.2567 พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.3 สั่งการ พ.ต.อ.กฤษ ก้อมน้อย ผกก.สน.มีนบุรี พ.ต.ท.จำนงค์ ประสพสุขมั่งดี รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ชนันท์ธัช แก้วทอง พ.ต.ต.ประจักษ์ กุลนาพันธ์ สว.สส. นำกำลังตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี เข้าจับกุมตัว นายประวิทย์ หรือ เอ หนองจอก พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์พ่วงข้างฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ตู้บริจาคเงินของวัดแสนสุข คีมตัดโซ่ และเงินเหรียญ 25 และ 50 สตางค์ ประมาณ 200 เหรียญ

สำหรับคดีนี้สืบเนื่องจาก พระหนุ่ม ผลโพธิ์ พระลูกวัดแสนสุข แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี เข้าแจ้งตำรวจ สน.มีนบุรี มีชายขับขี่รถจักรยายนต์แบบพ่วงข้างเข้ามาตัดโซ่แล้วลักเอาตู้บริจาคเงินประมาณ 5,000 บาท โดยกล้องวงจรปิดบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้ เมื่อช่วงบ่าย วันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ก่อนตำรวจตามจับกุมตัวได้บริเวณใต้สะพานกลับรถ ซอยฉลองกรุง 68 แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กทม.

สอบสวนนายประวิทย์ รับสารภาพ ช่วงบ่ายโมง วันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมาเข้าไปลักตู้บริจาคภายในวัดสุทธิสะอาด ถนนนิมิตใหม่ แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา ยกขึ้นใส่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างขี่ออกมาตามถนนนิมิตใหม่แล้วจอดข้างทางงัดตู้ได้เงินแค่ 80 บาทจึงทิ้งตู้ไว้ข้างทางแล้วขี่รถเข้าไปที่วัดแสนสุขใช้คีมตัดตู้บริจาคในศาลาท่าน้ำยกออกท่ขึ้นรถขี่หนีไปออกไปตามถนนฉลองกรุง เอาตู้ไปงัดแถวเพิงร้างริมถนนได้เงิน 200 บาทแล้วหลบหนีไป

ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น เร่งคลี่ปริศนาควานหาเบาะแส “สาวแม่ลูกอ่อน” หายตัวลึกลับ หลังออกจากบ้านไป รพ.ศูนย์ขอนแก่น ก่อนส่งข้อความมาบอกพ่อกับแม่ว่า ถูกคนร้ายกักขังไว้ แต่ไม่รู้สถานที่ โดยมีการขู่ทวงหนี้หลักหมื่น หากแจ้งความจะไม่ปล่อยตัว ผู้เป็นพ่อสงสัย อาจเกี่ยวโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 6 สิงหาคม 2567 พบผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ ศิริวรรณ คมสันต์ โพสต์ร้องเรียนในกลุ่มเฟซบุ๊ก ขอนแก่นร้องเรียนอะไรบอกไว้ที่นี่ โดยมีภาพนิ่งและข้อความว่า ขออนุญาตใช้พื้นที่นี้ตามหาเพื่อนค่ะ โมโดนจับตัวไปและโดนขังไว้ตั้งแต่วันที่ 03/08/67 ประมาณช่วงบ่าย และมีการอัปเดตลงสตอรี่เฟซบุ๊กช่วงตี 1 ของเมื่อคืน (ตามภาพดังกล่าว) เขาใช้คำว่าติดสินบน (แต่ไม่ได้ติดหนี้นะคะ) รายละเอียดเป็นยังไงยังไม่ทราบค่ะ เพราะติดต่อเพื่อนไม่ได้เลย มีการทิ้งเบอร์โทรไว้และบอกว่าถ้าไม่มีญาติพี่น้องโทรไปเจรจา จะไม่มีการปล่อยตัวใดๆ แต่พอโทรไปกลับเป็นเบอร์ใครก็ไม่รู้ ตอนนี้เป็นห่วงเพื่อนมาก ถ้าใครพบเห็นรบกวนติดต่อที่เฟซบุ๊กนี้ ศิริวรรณ คมสันต์  หรือโทรเบอร์ 084-788-8995 (ญาติ) ด้วยนะคะ ตอนนี้ทางญาติมีการเข้าแจ้งความเรียบร้อยแล้วค่ะ ฝากแชร์ด้วยนะคะ

หลังจากมีผู้โพสต์ในโซเชียลถึงการหายตัวไปของหญิงชื่อโม ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อกับผู้โพสต์ ชื่อ ศิริวรรณ คมสันต์ ทราบว่าเป็นเพื่อนสนิทกับโม และให้ติดต่อกับบิดาของโม ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ บิดาของโม ชื่อ นายกิตติมา คำพิลัง อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 147 ม.14 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น

นายกิตติมา เปิดเผยว่า น้องโม หรือนางสาวกิตติพร คำพิลัง อายุ 22 ปี บุตรสาวของตน มีครอบครัวแล้ว และมีบุตร 1 คน อายุ 9 เดือน เนื่องจากเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 น้องโมได้ออกจากบ้านไปที่ รพ.ศูนย์ขอนแก่น เพื่อไปรับยาให้บุตร โดยขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็กซ์แม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ออกจากบ้านไป จากนั้นช่วงเย็นวันเดียวกัน น้องโมก็ติดต่อมาหาพ่อแม่ว่า โทรศัพท์หาย กำลังจะประสานให้ทางโรงพยาบาลดูกล้องวงจรปิดให้ว่าใครเอาไป จากนั้นน้องโมก็หายตัวไป แต่ตอนนั้นยังไม่แจ้งความ เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายกับน้องโม

ต่อมาวันที่ 5 สิงหาคม เวลาประมาณ 13.43 น. น้องโมได้ติดต่อผ่านช่องทางเมสเซนเจอร์ มาแจ้งว่าถูกคนร้ายกักขังไว้ แต่ไม่รู้สถานที่

ต่อมาคนร้ายได้ส่งข้อความมาในเมสเซนเจอร์ของน้องโมว่า น้องโมติดหนี้อยู่ 30,000 บาท เวลาประมาณ 18.00 น. ให้พ่อติดต่อหาคนร้ายผ่านทางเมสเซนเจอร์ของน้องโม ถ้าไม่ติดต่อมา ให้เตรียมตัวรับร่างของน้องโมได้เลย จึงตัดสินใจแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อให้ดำเนินการสืบสวนหาตัวลูกสาว และจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย

บิดา ยังกล่าวอีกว่า ก่อนจะเข้าแจ้งความนั้น คนร้ายแชตข้อความมาหาตน ผ่านเฟซบุ๊กของน้องโม บอกว่าน้องโมติดสินบนผมไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว คนยังอยู่ ไม่ทำร้าย ไม่ให้อดอาหาร จึงถามว่าติดเงินเท่าไร โดยฝ่ายนั้นบอกว่าทั้งหมด 40,000 บาท น้องใช้มาแล้ว 10,000 บาท เหลืออีก 30,000 บาท และบอกว่าหลัง 18.00 น. ให้เจรจา ถ้าไม่ติดต่อมาก็เตรียมรับร่างได้เลย และในเวลาไล่เลี่ยกัน น้องโมก็โทรคอลผ่านเฟซบุ๊กมาหา ทั้งน้ำเสียงร้องไห้ บอกว่าถ้าแจ้งความเขาจะไม่ปล่อยตัว แต่ไม่ได้บอกว่าอยู่ที่ไหน หรือส่งซิกอะไรมา ตนจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น

ส่วนสาเหตุที่ลูกสาวถูกจับตัวไปในครั้งนี้ เชื่อว่ามาจากการที่เมื่อ 2 ปีก่อน โมเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ได้ทำงานเป็นแอดมินขายสินค้าออนไลน์ และบอกว่าตอนทำงานก็เป็นหนี้อยู่ และล่าสุดน้องโมกับแฟนออกรถใหม่ จึงคิดว่าคนร้ายน่าจะติดตามความเคลื่อนไหวของน้องอยู่ ซึ่งมีข้อมูลบางอย่างที่ตรงกับที่น้องโมคุยกับแม่ โดยน้องโมคุยกับแม่ในบางช่วงบางตอนว่า มันจะมาล่อให้หาคนไปเขมรได้ยังไง เราไม่ได้ทำงานให้ น้องโมจึงเล่าว่า มันเรียกมาคุยแล้วบอกให้ขึ้นรถก่อน แล้วพาออกมาเลย และเล่าให้ฟังอีกว่า โมเคยตกลงทำงานกับเขาและเซ็นสัญญาเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ทำงานให้ แม่จึงบอกว่า เราเซ็นสัญญาแต่ไม่ได้ทำงาน มันก็ไม่มีสิทธิ์พาเราไป

และโมยังบอกอีกว่า โมได้ยินเขาคุยกับหัวหน้าว่า ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยมันไปเลย ตอนนี้โมกลัวมันฆ่าโม ก่อนที่สายจะตัดไป

ด้วยข้อมูลทั้งหมดนี้ จึงสันนิษฐานว่า การกระทำของคนร้ายที่อุ้มน้องโมไปในครั้งนี้ น่าจะเกี่ยวกับหนี้และงานที่ลูกสาวเคยทำก่อนหน้านี้ สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ได้

ทางด้าน พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า กรณีที่บิดาของน้องโม เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่นนั้น ขณะนี้ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนแล้ว เพื่อติดตามในกรณีที่น้องโม ถูกอุ้มตัวหายไปจากโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ซึ่งจะต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ทางเข้าออก รพ.ว่า น้องโม ขึ้นรถคันไหนออกไป

ในส่วนของคนร้ายนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร กลุ่มไหน และจะต้องสอบสวน ครอบครัว เพื่อนสนิทของน้องโมด้วยว่า ก่อนจะเกิดเหตุถูกอุ้มหายไปนั้น โมติดต่อกับใคร เกี่ยวข้องกับคนกลุ่มใด ทำงานที่ไหน มีเรื่องบาดหมางกับใครหรือไม่.

วันที่ 5 ส.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลเหรียญรุ่นยอดเศรษฐี ของทีมงานสามสิงห์อมูเลท มี ต๊อด ปิติ ภิรมย์ภักดี และ นุ่น วรนุช ภรรยา ไปร่วมพิธี มีหลวงปู่ศิลา สิริจันโท เดินทางไปทำพิธีพุทธาภิเษกที่วัดพระธาตุพนม แจกตะกรุดยอดเศรษฐี 5,000 ดอก มีประชาชนไปต่อแถวนับหมื่นคน และพลาดหวังอีกกว่าหมื่นคนนั้น

ล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊ก PhrakruPhanom Prechakon พระครูพนมปรีชากร หรือ พระครูไก่ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม และเลขานุการวัดพระธาตุพนม ที่สร้างความฮือฮา ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 หมายเลข 061905 งวดวันที่ 1 มี.ค.65 ได้รับโชคก้อนโต 18 ล้าน และแจกเงินที่ได้มาให้ผู้ยากไร้และวัดทั่ว อ.ธาตุพนม หมด 18 ล้านภายใน 1 สัปดาห์

โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ลงชื่อรับแจก เจ้าสัวเหนือดวง (รอบเก็บตก สุดท้าย) สำหรับการลงชื่อให้กับญาติพี่น้อง ที่มีความประสงค์จะรับเจ้าสัวเหนือดวง ชุดแจกในวันที่ 9 สิงหาคม 2567 (3 วาระดังนี้) วาระแรก (4 สิงหาคม 2567) พุทธาภิเษกเดี่ยว โดยหลวงปู่มหาศิลา สิริจันโท วาระสอง (6 สิงหาคม 2567) พุทธาภิเษกที่วัดพระธาตุอิงฮัง สปป.ลาว เวลา 14.00 น.

วาระสาม (8สิงหาคม) วันที่ 8 เดือน 8 พุทธาภิเษกที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร 13.00 น. ขอเชิญลงชื่อให้กับญาติๆที่มีความประสงค์จะรับแจกที่ไม่ได้เป็นเพื่อนในเฟส ที่ลงนามไม่ได้ เชิญเลยครับ

หลังโพสต์ดังกล่าวที่แนบภาพประชาสัมพันธ์แจกวัตถุมงคลพระผงเหรียญเจ้าสัวเหนือดวงที่จะแจกหลังพิธีเสกวันที่ 8 ส.ค.67 มีผู้แชร์จำนวนมากและเข้าไปลงชื่อใต้เม้นต์จำนวนมาก โดยบางรายไม่ได้เป็นเพื่อนกับพระครู 18 ล้านรูปนี้ ต่างทยอยกดติดตามเฟซบุ๊กดังกล่าวกับจ้าละหวั่น

พระครูพนมปรีชากร เปิดเผยว่า อาตมาได้กราบอาราธนานิมนต์หลวงปู่ศิลา เพื่อให้มาเป็นประธานในพิธีเสกเหรียญเจ้าสัวเหนือดวง สองแผ่นดินไทย-ลาว ในวันที่ต๊อด ปิติ ทำเหรียญรุ่นยอดเศรษฐีมาทำพิธีเสก หลวงปู่ศิลาบอกว่าวันที่ 8 ส.ค.67 ติดรับกิจนิมนต์ จึงมาร่วมพิธีพุทธาภิเษกไม่ได้ ให้นำนำเหรียญและไปทำพิธีพุทธาภิเษกที่วัดได้เลย

พระครูพนมปรีชากร กล่าวต่อว่า วันที่ 5 ส.ค.67 จึงพร้อมกับนำทีมงานไปทำพิธีบวงสรวงที่วัดพระธาตุหมื่นหิน โดยมี พล.อ.วิมล คำอิ่ม ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก เป็นประธานในพิธีฆราวาส และได้นำวัตถุมงคลให้หลวงปู่ศิลาอธิษฐานจิตแล้ว วัตถุมงคลรุ่นนี้คาดว่าเต็มทุกรายการหลังเปิดจองในเพจเหรียญเจ้าสัวเหนือดวง จะแจกเหรียญเนื้อผงพิมพ์เล็ก (เจ้าสัวน้อย) แบบเหลี่ยมเลี่ยมทองคำห้อยคอได้สบาย

“เหรียญรุ่นนี้มีวัตถุประสงค์จัดซื้อข้าวสารให้พระ-เณรนักเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดพระธาตุพนม หลังอาตมาโพสต์ออกไปปรากฏว่าสร้างความฮือฮาให้กับสาธุชนจำนวนมาก ซึ่งอาจพลาดหวังและอาจอยู่ทางไกลเดินทางมาไม่สะดวกวันพิธีพุทธาภิเษก 8 ส.ค.67 ซึ่งไม่ตรงกับวันหยุด สามารถมารับเหรียญเนื้อผงได้ที่กุฏิอาตมา ใกล้กับองค์ท้าวเวสสุวรรณ หลังพิธีเสกวันที่ 9 ส.ค.67 ได้เลย” พระครูพนมปรีชากร กล่าว