ข่าวด่วน

Home ข่าวด่วน Page 2
Featured posts

เศร้า! ชายวัย 66 ป่วยรุมเร้าหลายโรค แต่ยังต้องออกเรือหาเลี้ยงชีพ เพราะครอบครัวไม่มีรายได้ สุดท้ายวูบเสียชีวิตในน้ำ

เมื่อเวลา 07:30 น. วันที่ 30 ก.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ขลุง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีผู้จมน้ำเสียชีวิตอยู่ในคลองขลุง สาเหตุคาดว่าตกน้ำ ภายในคลองขลุงริมป่าชายเลน ตรงข้ามกับร้านอาหารฟาร์มปูนิ่ม ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี

หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ต้องนั่งเรือออกไปห่างฝั่งประมาณ 300 เมตร ก่อนจะพบศพอยู่ภายในคอกเลี้ยงหอยนางรมของชาวบ้าน ใกล้เคียงกับป่าชายเลน เป็นพื้นที่เขต หมู่ 10 ต.เกวียนหัก อ.ขลุง สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อกันฝนสีม่วง ด้านในสวมเสื้อ กางเกงขาสั้น มือข้างซ้ายกำเชือกของคอกเลี้ยงหอยไว้แน่น ผู้เสียชีวิต เป็นชาย อายุ 66 ปี ประวัติมีโรคประจำตัวหลายโรค ทั้งเบาหวาน ความดัน เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาได้ประมาณ 3 วัน

ทางด้าน ลูกสาวผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลว่า เคยไปพบพ่อนอนหมดสติเนื่องจากเป็นลม จากอาการโรคเบาหวาน มาครั้งหนึ่งแล้ว ส่วนสาเหตุที่ผู้เสียชีวิต ต้องออกเรือนั้น เนื่องจากครอบครัวไม่มีรายได้จากทางอื่น ตัวพ่อเองป่วยอยู่ ก็กลัวจะไม่มีเงินซื้อกับข้าวกิน จึงต้องกัดฟันทั้งที่ร่างกายไม่แข็งแรง ขับเรือออกไปวางรอบดักปู เพื่อนำมาขายเลี้ยงชีพ

โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ลูกเขยของผู้เสียชีวิต ได้รับโทรศัพท์จากภรรยาว่า พ่อหายไปตั้งแต่เมื่อคืนจนเช้านี้ยังไม่กลับเข้าบ้านเลย ให้ช่วยขับเรือออกตามหน่อย จนกระทั่งมาพบว่า เรือลอยอยู่ริมฝั่งติดกับคอกเลี้ยงหอยนางรมของชาวบ้าน จึงหาบริเวณใกล้เคียงจนพบร่างพ่อตานอนเสียชีวิต อยู่ในคอกหอยนางรม จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบดังกล่าว

ย้อนคำพูดผู้บริหาร ซีเอ็ด ที่คนแชร์นับหมื่นครั้ง หลังเด็กมานั่งเกะกะในร้านหนังสือ โลกต้องการคนอย่างนี้

กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ หลังจากได้มีผู้ใช้บัญชี TikTok ของนักเรียนกลุ่มหนึ่ง ที่คาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงประถมศึกษา-มัธยมต้น ที่พากันไปนั่งในร้านหนังสือชื่อดัง มีการเอาอาหารเข้ามากินในร้าน นั่งตรงพื้นทางเดิน และมีน้องคนหนึ่งที่ยกเค้กมาเซอร์ไพร์สเพื่อน จนสร้างเสียงวิพากย์วิจารณ์ต่าง ๆ นานา ว่าการทำแบบนี้ไม่เหมาะสมกับพื้นที่ตรงนั้นที่มีแต่กระดาษ หากเกิดไฟไหม้ขึ้นมา มันไม่ใช่การแค่สูญเสียทรัพย์สิน แต่อาจจะหมายรวมถึงชีวิตคนอื่นรวมถึงตัวน้อง ๆ เองด้วย

นอกจากนี้ เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นยังได้ลามไปที่ประเด็นที่ว่า ปกติในร้านหนังสือ มักจะมีเด็ก ๆ ที่เลิกเรียน ที่ต้องมารอผู้ปกครอง หรือเด็ก ๆ ที่มารอเพื่อน ใช้ร้านหนังสือเป็นสถานที่นัดพบ บางคนมาหยิบหนังสือในร้านเปิดทำการบ้าน บางคนมานั่งอ่านหนังสือฟรี ๆ จนคนในร้านจะเดินก็ลำบาก ต้องคอยหลบเลี่ยงเด็ก ๆ บางคนเลือกไม่ไปซื้อหนังสือในบางชั้น เพราะเห็นเด็ก ๆ นั่งรอกันอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้บรรยากาศในร้านดูวุ่นวาย คนซื้อไม่ได้อ่าน คนอ่านไม่ได้ซื้อ

แต่อย่างไรก็ตาม นั่นจึงทำให้เกิดการหยิบยกบทสัมภาษณ์ของคุณ เกษมสันต์ วีระกุล นักวิชาการอิสระ และผู้บริหารซีเอ็ด ที่เคยให้สัมภาษณ์กับ The Momentum เมื่อ 5 ปีก่อน โดยที่ส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ คุณเกษมสันต์ได้พูดถึงร้านหนังสือซีเอ็ดในสาขา จ.ปัตตานี ที่ต้องปิดไปเพราะร้านไม่มีคนเข้า ไม่มี Traffic และหมดสัญญากับทางเจ้าของพื้นที่ แต่ถ้าที่ไหนสู้เราก็พร้อมที่จะสู้ ที่ไหนมีที่ทางดี ๆ ก้บอกได้เลย

ความฝันของตน คือ อยากจะเปิดร้านหนังสือที่เป็นแลนด์มาร์ก ให้คนมายืนถ่ายรูป อ่านหนังสือได้ฟรี ร้านซีเอ็ดเองตอนโรงเรียนเลิกก็มีเด็ก ๆ เข้าร้านเป็นจำนวนมาก เรามีชั้นวางกระเป๋าให้วาง ก็ไม่พอ ต้องไปวางตรงพื้น ที่ร้านมีแต่เด็ก ๆ นั่งอ่านหนังสือกันตรงพื้น ซึ่งเราก็ไม่ได้หวังว่า เด็กจะต้องมาซื้อหนังสือ ขอแค่มาอ่านเถอะ บางคนอีเมลมาบอกว่า รำคาญมากที่จะไปซื้อหนังสือก็ซื้อไม่ได้

มีแต่เด็กมานั่งเต็มพื้นที่ของร้าน ตนก็ได้แต่ขอโทษ เพราะปรัชญาของร้านคืออยากให้คนเข้ามาอ่านหนังสือ เราไม่มีเงินพอจะจัดสรรโต๊ะและเก้าอี้ให้ได้ อยากจะขอความเห็นใจว่า ถ้าจะมาซื้อหนังสือ ให้เลี่ยงมาในชั่วโมงนั้น ถ้าเด็กมาอ่านหนังสือแล้วมาไล่ คงจะใจร้ายไปหน่อย และขัดกับปรัชญาของเรา เราอยากเห็นเด็กอ่านหนังสือ ซื้อหรือไม่ก็เรื่องของเด็ก และต้องขอโทษผู้ใหญ่มา ณ ที่นี้

งานนี้ได้มีคนหยิบยกบทสัมภาษณ์นี้ไปแชร์ต่อกันจำนวนมาก หลายคนได้ร่วมเผยถึงประสบการณ์ ยกให้ร้านซีเอ็ดเป็นบ้านหลังที่สอง จริงอยู่ที่เข้าร้านแล้วไม่ซื้อ แต่ช่วยปลูกฝังนิสัยรักการอ่านมาตั้งแต่นั้น แม้หนังสือในร้านจะแพง บางเล่มราคาหลายร้อย เด็กจ่ายไม่ไหว แต่การที่ซีเอ็ดเปิดพื้นที่ให้เด็กเข้าถึงหนังสือที่ซื้อไม่ได้ หรือเป็นเซฟโซนระหว่างที่เด็กรอผู้ปกครองมารับ ก็สร้างความทรงจำดี ๆ ให้เด็กหลายคนมานักต่อนัก และทำให้ซีเอ็ดกลายเป็นร้านหนังสือในใจเสมอ

อำมหิต! 3 โจรใต้บุกแผงรับซื้อทุเรียน กระหน่ำยิงพ่อค้าไม่ทันตั้งตัวดับสยอง

เมื่อช่วงเวลาประมาณเวลา 21.20 น. วันที่ 29 ก.ค. 2567 ศูนย์วิทยุ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต บริเวณแผงรับซื้อทุเรียน ริมถนนสาย 410 (ยะลา-เบตง) หน้าโรงเรียนบ้านเตาปูน หมู่ที่ 3 บ้านเงาะกาโป ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา หลังรับแจ้ง จึงพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ทหารพราน ฝ่ายปกครอง และ ชุดกู้ชีพ – กู้ภัยมูลนิธิฮิลาลอะห์มัร ศูนย์ปฏิบัติการบันนังสตา เข้าตรวจสอบอย่างเร่งด่วน

ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบร่าง นายเจริญพร ขำชู อายุ 38 ปี เป็นชาว อ.ละแม จ.ชุมพร ซึ่งเป็นพ่อค้ารับซื้อทุเรียน ถูกยิงเข้าที่บริเวณลำตัวและศีรษะนอนจมกองเลือด นอนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนทราบว่า ขณะนั่งที่ผู้เสียชีวิตกำลังรอรับซื้อทุเรียนกับภรรยาที่แผงรับซื้อทุเรียนไฟซอล ได้ถูกคนร้ายจำนวน 3 คน ไม่ทราบฝ่าย ใช้อาวุธไม่ทราบขนาดและขนิด กระหน่ำยิงเข้าใส่จำนวนหลายนัด จนเสียชีวิต แล้วคนร้ายทั้งหมดอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่คาดเป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ อ.บันนังสตา และ อ.ธารโต จ.ยะลา ก่อเหตุในครั้งนี้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ทิ้งประเด็นการขัดประโยชน์ในการรับซื้อทุเรียน เนื่องจากผู้เสียชีวิตเป็นคนจากพื้นที่อื่น และได้มาเปิดแผงรับซื้อทุเรียนในพื้นที่

ผู้สื่อข่าวจังหวัดยะลา รายงาน

เรียบเรียง siamnews

หนุ่มขับรถจักรยานยนต์ส่งของ เจอรถบรรทุกกำลังจะถอย เกือบจะมาชน ตัดสินใจบีบแตรเตือนคนขับ

เมื่อวันที่ 30 ก.ค.67 เพจ เจ๊ม้อย v+ เจ้าพ่อรถบรรทุก ?? ไรเดอร์โดนฟันศรีษะ เหตุเพราะแพ้เสียงแตร สงสัยคงบีบหัวใจรถบรรทุก คนขับรถบรรทุกกับคนนั่งข้าง ก็ลงมาจาก รถพร้อมอาวุธ มาทำร้ายหนุ่มโดยที่ใช้มีดฟันที่ศรีษะ น้องยืนยันนะคะ ว่าไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว จนตอน นี้ยังจับตัวไม่ได้ ได้ทำงานขับรถตามปกติเหตุเกิดมา 3 เดือนกว่า ซอยนวมินทร์ 111 แยก 9

โดยในคลิปอธิบายว่า จักรยานยนต์กำลังจะไปส่งของ แล้วรถบรรทุกกำลังถอยออกมา แล้วเป็นรถใหญ่ถ้าถอยออกมา เราเป็นรถเล็กๆจะมองไม่เห็นก็เลยบีบแตร เพราะว่าเขากำลังจะชนแล้ว แล้วพอบีบแตรเขาก็เลยมองหน้า ก็ไม่ได้อะไร ก็ไปส่งของจากที่หนึ่งต่อ จากนั้นรถบรรทุกก็ขับมาชนแล้วก็มาฟั นหัว พาเพื่อนมารุม (แฟนคนขับจักรยานส่งของเล่าเหตุการณ์)

น้ำป่าเขาใหญ่ทะลักกลางดึก อุทยานเขาใหญ่สั่งปิดด่วน 3 แหล่งท่องเที่ยว

วันที่ 30 ก.ค. 2567 จากสภาพฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ตลอดทั้งวันทั้งคืนติดต่อกัน และได้เกิดน้ำป่าจาก อุทยานแห่งเขาใหญ่ไหลหลากมาจาก น้ำตกแก่งหินเพิง บนคลองใสใหญ่ลงพื้นที่ ต.สำพันตา อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ได้ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเขตพื้นที่บ้านสะพาน ม.5 ต.สะพานหิน อ.นาดี ชาวบ้านต้องหนีตายหนีน้ำกันจ้าละหวั่น รวมทั้งสิ่งของมีค่า สัตว์เลี้ยง เช่น หมูไว้ยังที่ปลอดภัย

เจ้าหน้าที่ทหารจากปราจีนบุรี ปภ.อาสา หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสัจจพุทธธรรมแห่งประเทศไทย (กบินทร์บุรี) ต้องนำเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ติดอยู่ภายในร่วม 200 หลังคาเรือน ถูกตัดขาดออกมาไว้ด้านนอก เช่น เด็กเล็ก สตรี ผู้สูงอายุ และหมูออกจากฟาร์มอย่างยากลำบาก เพราะกระแสน้ำยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางพื้นที่ระดับสูงเกือบ 2 เมตร

นายดำริห์ รัตนชินกรณ์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวจ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นเจ้าของสวนศักดิ์สุภารีสอร์ต และผู้ประกอบการล่องแก่งหิน ต.สำพันตา อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี โพสต์ภาพน้ำท่วมรีสอร์ตที่ตั้งติดคลองใสใหญ่ พร้อมข้อความระบุว่า เป็นผู้ประสบภัยชั่วคราว น้ำจากบนเขาเริ่มลดลง ระดับน้ำที่รีสอร์ตเริ่มทรงตัว คาดว่าตีสามน่าจะค่อยๆ ลดลง พรุ่งนี้เช้าคงจะตรวจสอบความเสียหายได้ แต่คงไม่มาก เนื่องจากลูกน้องมาช่วยยกของขึ้นที่สูง อาทิตย์หน้ารับลูกค้าได้แน่นอน

ด้านนายชัยยา ห้วยหงษ์ทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กล่าวว่า ด้านบน อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ฝนตกตลอดต่อเนื่องทั้ง และได้มีประกาศแจ้งการงดบริการท่องเที่ยวที่น้ำตกตะคร้อ ต.บุฝ้าย อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เนื่องจากระดับน้ำแรงเชี่ยวกรากมีปริมาณสูง

และอีก 1 แห่งคือที่คลองใสใหญ่ ต.สำพันตา อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แหล่งท่องเที่ยวที่มีการผจญภัยล่องแก่งหินเพิง พบมีระดับน้ำสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้เอ่อบนถนนแล้วในขณะนี้ โดยน้ำป่าไหลหลากจึงสั่งปิดแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 2 แห่งดังกล่าวเพิ่มต่อไปอีก 1 วัน คือในวันนี้ 30 ก.ค. 67 ปิดต่อไปเป็นวันที่ 2 ต่อเพิ่ม พร้อมกับได้พิจารณาให้ปิดแหล่งท่องเที่ยว น้ำตกนางรองจนครนายก เพิ่มอีก 1 แห่งในวันนี้ 30 ก.ค. 67 ขอให้ประชาชนด้านล่างระวังจะถูกน้ำป่าไหลหลากน้ำท่วมฉับพลันที่อาจเกิดขึ้นได้

ปราจีนฯอ่วม! ฝนถล่มหนัก น้ำป่าไหลทะลักท่วมกลางดึก บ้านเรือนกว่า 200 หลังคาจมบาดาล

เมื่อช่วงดึกวันที่ 30 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา เกิดฝนตกลงมาต่อเนื่องในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ส่งผลให้เกิดน้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ไหลหลากมาจากน้ำตกแก่งหินเพิง ลงพื้นที่ อ.นาดี เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนอย่างรวดเร็ว ในเขตพื้นที่บ้านสะพาน ม.5 ต.สะพานหิน ชาวบ้านต้องขนสิ่งของหนีน้ำกันจ้าละหวั่น

เจ้าหน้าที่ทหารจากปราจีนบุรี ปภ.อาสาหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสัจจพุทธธรรมแห่งประเทศไทย (กบินทร์บุรี) ต้องนำเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ติดอยู่ภายในร่วม 200 หลังคาเรือนถูกตัดขาดออกมาไว้ด้านนอก

อย่างไรก็ตาม บางพื้นที่กระแสไฟฟ้ายังไม่ตัด ยากแก่การช่วยเหลือ เกรงว่าจะเกิดอันตรายได้ เบื้องต้นระดับน้ำยังเพิ่มขี้นอย่างต่อเนื่อง เพราะช่วงค่ำฝนตกลงมานานนับชั่วโมงอีกดังกล่าว

คดีพลิก คุณยาย 73 ถูกลูกทิ้ง นั่งร้องไห้ ตากแดดใต้สะพาน เพื่อนบ้านเผยความจริง

จากกรณียาย อายุ 73 ปี นั่งรถเข็นวีลแชร์ถูกนำมาทิ้งไว้ใต้สะพานพระราม 5 ใกล้กับปากซอยนรินทร์กลึง ต.บางไผ่ สร้างความสงสารให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก คุญยายบอกว่ามีปากเสียงกับลูกสาวคนเล็ก เกี่ยวกับเรื่องที่ตนต้องการไปทำบุญใส่บาตรให้กับลูกสาวคนโตที่เสียชีวิตไป แต่ลูกสาวคนเล็กได้ต่อว่า และให้ลูกเขยอุ้มขึ้นรถแท็กซี่มาพร้อมกับรถเข็นแล้วมาจอดปล่อยตนไว้ตรงนี้

ล่าสุด รายการลุยชนข่าวได้สัมภาษณ์เพื่อนบ้าน เผยว่า ข่าวที่ออกไปไม่ใช่ความจริง ยายติดการพนันอย่างหนัก ลูกสาวคนเล็กดูแลอย่างดี ให้เงินเท่าไร ยายเอาไปเล่นไพ่หมด เวลาอยู่กับลูกสาวกลายเป็นคนจำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อเข้าวงไพ่สมองแล่น จำได้หมดทุกอย่าง เล่นจนต้องขายบ้านที่ต่างจังหวัดหาเงินมาจ่าย ยืนยันยายไม่ได้บ้า

ต่อมา ลูกสาวเปิดใจกับทีมข่าวว่า ไม่ได้ทิ้งแม่ ให้เงินวันละ 100 บาท แต่แม่เอาไปเล่นไพ่ และที่เห็นว่าไปนั่งร้องไห้ อ้างว่าไม่ให้ทำบุญให้พี่ จริงๆแล้วให้เงินไปแล้ว แต่ไม่ว่างไปทำบุญด้วย ต้องทำงานหาเงิน แต่แม่เหมือนน้อยใจ ตัดพ้อต่างๆ ตนจึงให้แฟนไปเรียกแท็กซี่ให้แม่ไปทำบุญ แต่แม่ไปลงใต้สะพานพระราม 5 และบอกว่าโดนทิ้ง และตอนอยู่บนแท็กซี่ แม่ก็ทะเลาะกับคนขับ เพราะหาที่เล่นไพ่ไม่เจอ

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พลตรีหญิง 5 นาย เป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษ

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 ราชกิจจานุเบกษา ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 5 นาย ดังนี้

1. พลตรีหญิง คุณหญิงสุทัตตาภักดิ์ บริรักษ์ภูมินทร์

2. พลตรีหญิง คุณหญิงนฤมล สัมผัส

3. พลตรีหญิง คุณหญิงอรอนงค์ ปิยนาฏวชิรพัทธ์

4. พลตรีหญิง คุณหญิงปภัสสร สิริวชิรภักดิ์

5. พลตรีหญิง คุณหญิงชยุตรา สิริวชิรภักดิ์

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม พุทธศักราช 2567 ประกาศ ณ วันที่ 27 กรกฎาคม พุทธศักราช 2567 เป็นปีที่ 9 ในรัชกาลปัจจุบัน

อ่านฉบับเต็มคลิกที่นี่

ลุง อปพร. แต่งชุดเต็มยศใช้ผ้าขาวม้า จบชีวิตในสวนยาง

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 29 ก.ค. 2567 พ.ต.ต.สมภาษ ผลถาวร สว.(สอบสวน)สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนผูกคอตายในขนำในสวนยาง ริมถนนสายเอเซีย41 ม.7 ต.ปริก อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ทุ่งใหญ่ และจนท.มูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์ ไปที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุบนขนำพบศพผู้ตายชื่อนายฉลอง ชูรอด อายุ 62ปี อยู่บ้านเลขที่ 127/2 ม.7 ต.ปริก อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช แต่งกายชุด อปพร.เต็มยศ และสวมรองเท้าหนังขัดมันแวววับ ใช้ผ้าขาวม้าผูกคอตายกับขื่อไม้บนขนำ ซึ่งลูกชายได้ปลดผ้าขาวม้านำศพมาก่อนแล้ว สภาพศพลิ้นจุกปากขาดอากาศหายใจ

ในที่เกิดเหตุ จนท.พบจดหมายลาตายจำนวน 1ฉบับซึ่งนายฉลอง เขียนลาตาย ได้สั่งเสียให้ลูกชายและญาติจ่ายเงินหนี้สินค่าติดต่างๆในหมู่บ้านให้ด้วย ซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่มากนัก

จากการสอบสวนทราบว่านายฉลองฯผู้ตาย ชอบทำงานเป็นจิตอาสาเป็นชีวิตจิตใจมาหลายปีแล้วและ ได้อาสาสมัคร ทำงานเป็น จนท.อปพร.ประจำ อบต.ปริก มาหลายปีเช่นกัน แต่ระยะหลังนายฉลองป่วยเป็นโรคประจำตัวโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืดพยายามรักษาแต่ไม่หายขาดสักที อาจจะทำให้นายฉลองเครียดตัดสินใจผูกคอตายลาโลกดังกล่าว

โดยก่อนผูกคอตายมีเพื่อนบ้านเห็นผู้ตายเที่ยวถามหากระดาษเพื่อมาเขียนอะไรสักอย่างและแต่งกายชุดเครื่องแบบ อปพร.เต็มยศขัดรองเทม้าหนังแวววับ แต่ไม่มีใครสงสัย จนกระทั่งมาพบผูกคอตายลาโลกดังกล่าว ญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต ก่อนมอบศพให้กับญาตินำศพไปจัดการตามประเพณีต่อไป

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.นครศรีธรรมราช รายงาน

ชัดเจนแล้ว เรื่องเงินดิจิทัลแลกเป็นเงินสด

จากกรณี สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ พูดคุยกับ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรายการ กรรมกรข่าวคุยนอกจอ ถึงประเด็นเกี่ยวกับ ดิจิทัลวอลเล็ต โดยช่วงหนึ่งสอบถามเรื่องข้อกังวลว่า อาจจะเกิดช่องโหว่ที่ทำให้บางกลุ่มได้ผลประโยชน์ รวมทั้งเมื่อแจกเงินดิจิทัลแล้ว ก็อาจจะถูกนำไปแลกเป็นเงินสด ดังนั้นจะมีวิธีดูแลจัดการอย่างไร

ทั้งนี้ นายสรยุทธถามว่า เราจะสามารถป้องกันคนเอาเงินดิจิทัลวอลเล็ต ไปแลกเป็นเงินสดอย่างไร ในกรณีที่คนที่ต้องการที่จะแลก อยากได้เงินสดไปซื้อเหล้า เอาไปจ่ายค่าไฟ โดยยอมที่จะเสียส่วนต่าง เช่น มีเงินดิจิทัล 10,000 บาท แต่ขอแลกเป็นเงินสด 7,000 บาท ให้ร้านกินกำไรไปเลย 3,000 บาท

ซึ่งนายจุลพันธ์ยอมรับว่า เรื่องนี้มันยากที่จะป้องกันได้ 100% แต่ตนจะบอกว่า เงินดิจิทัล 10,000 บาท มีค่าเท่ากับเงินสด 10,000 บาท การจะเอาเงินดิจิทัลไปแลกเงินสดในราคาที่ลดลง มันไม่ฉลาด และเงินดิจิทัลใช้ได้กว้าง ใช้ได้ทุกที่ อีกอย่างคือ หากต้องการซื้อสินค้าที่อยู่ในลิสต์ต้องห้าม คุณสามารถเอาเงินสดไปซื้อได้ แล้วค่อยใช้เงินดิจิทัลไปซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคแทน การจะเอาเงินดิจิทัลไปแลกเงินสดในมูลค่าที่ลดลง ถือเป็นเรื่องไม่ฉลาด

อีกประเด็นคือ เรามีระบบการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ข้อมูลในระบบไม่หาย เช่น ร้านค้าร้านหนึ่ง ปกติขายได้เฉลี่ย 4,000 แต่อีกวันขายได้กระโดดไป 80,000 ระบบจะต้องแจ้งเลย แล้วหน่วยงานก็จะต้องไปตรวจสอบ หากพบว่าไม่ได้มีการซื้อขายสินค้าจริงก็จะดำเนินการ ซึ่งในอดีต เคสที่รัฐดำเนินคดีและเรียกเงินคืนรวมทั้งตัดสิทธิ

ด้านนายสรยุทธถามต่อว่า ในมุมของร้านค้าร้านเล็ก เนื่องจากกว่าจะได้เงินสดก็นาน ร้านจะไม่มีเงินสดไปซื้อกับร้านรายย่อยอื่น ๆ ได้ แบบนี้สุดท้าย เงินก็จะหมุนเข้าสู่ร้านใหญ่ นายจุลพันธ์ก็ตอบว่า ร้านรายย่อยสามารถขึ้นทะเบียนกับเราได้ เพื่อให้มีตัวเลือกที่กว้างขึ้น และเราจะดึงซัพพลายเชนเข้ามาถึงผู้บริโภคดีขึ้น ทำให้เกิดความคล่องตัว อีกอย่างคือ เงินสดในระบบมีอยู่ 10 ล้านล้าน ส่วนเงินดิจิทัลนั้นเพียง 5 แสนล้าน ดังนั้นเงินในระบบไม่ได้หายไปไหน ดังนั้น การที่ร้านไปซื้อข้าวของมาขาย ไม่จำเป็นต้องใช้ดิจิทัลวอลเล็ตทุกเคสอยู่แล้ว

สุดท้าย นายจุลพันธ์ยืนยันว่า เชื่อว่าหลังจากรัฐบาลแถลงครั้งล่าสุด จะเกิดผลในทางบวกต่อเศรษฐกิจ เมื่อทุกคนรู้ว่าช่วงปลายปีเงินจะลงมา จีดีพีปีนี้ขยับแน่นอน ร้านค้าและโรงงานต้องเริ่มผลิตสินค้า ขยับจ้างงาน และหลังจากนั้นจะเกิดผลเต็มรูปแบบ และคาดว่าประชาชนจะได้ทันใช้เงินดิจิทัลก่อนสงกรานต์และปีใหม่

Popular Posts

My Favorites

พูดไม่ออก บุ๋ม ปนัดดา โพสต์ภาพ ชมพู่ อารยา ตื่นเช้ามาเกิดเรื่องทันที

0
บนเฟซบุ๊กของ บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ได้โพสต์ข้อความขณะอยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมเชียงราย ซึ่ง บุ๋ม ปนัดดา เป็นคนแรกๆที่ลงพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นครั้งนี้หรือจะเป็นเหตุภัยพิบัติที่เคยผ่านๆมาทุกคนจะเห็นภาพของ บุ๋ม ปนัดดา ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในทุกครั้ง ทว่าครั้งนี้ บุ๋ม ปนัดดา เผย อาจจะลุยได้ไม่เต็มที่เหมือนที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนั้น “บุ๋ม ปนัดดา”ออกมาโพสต์ “ชมพู่ อารยา” พร้อมกับโชว์สลิปเงินบริจาคช่วยน้ำท่วมเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท...