จากกรณีน้องพ๊อต เด็กชายวัย 7 ขวบ นักเรียนชั้น ป.1 ถูกครูประจำชั้นลงโทษ โดยการใช้ฟุตเหล็กตีเข้าที่ใบหน้าของเด็กทั้งสองข้าง ตบปาก หยิกคอ และให้ไปล้างห้องน้ำ เนื่องจากน้องแอบกินขนมบนโต๊ะครู 1 ชิ้น ด้วยความหิว เพราะแม่ไม่มีเงินให้ไปโรงเรียน ผ่านไป 4 วัน หน้าของน้องยังมีรอยช้ำแดง และน้องเริ่มผวา ซึม และไม่อยากไปโรงเรียนเพราะกลัวถูกครูตี
ล่าสุด ครูเอ (นามสมมุติ) ครูที่ก่อเหตุ ได้พาแม่และญาตินำกระเช้ามาขอโทษแม่น้องพ๊อตที่บ้าน โดยแต่งกายอย่างมิดชิด สวมหมวกปิดบังใบหน้า ก่อนที่จะรีบออกไปเมื่อทราบว่าผู้สื่อข่าวอยู่ในพื้นที่
นางดา (นามสมมติ) แม่น้องพ๊อต เล่าว่า ครูพร้อมแม่และญาติเอากระเช้ามากราบขอโทษและครูถึงขั้นใช้มือตบหน้าตัวเองถึง 3 ครั้ง และขอให้ตนถอนแจ้งความ อ้างว่าเป็นโรคซึมเศร้า พร้อมที่จะจ่ายค่าเยียวยาให้ ซึ่งตนไม่ยินยอมและยันยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และต้องการให้ครูออกอย่างเดียว
ก่อนที่ตนจะบอกว่าหากจะขอแบบนี้เดี๋ยวเรียกนักข่าวมาเลย เพราะอยู่ในพื้นที่ แม่ของครูจึงบอกว่าไม่อยากพบนักข่าว ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น แล้วบอกว่าค่อยมาอีกภายหลังก็แล้วกัน เพราะกลัวเสียภาพพจน์จากนั้นจึงรีบพากันออกจากบ้านไปทันที
ด้านชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งมีลูกเรียนอยู่ที่โรงเรียนดังกล่าว บอกว่าครูรายนี้ทำเกินกว่าเหตุ เข้าใจว่าเด็กผิด แต่วิธีลงโทษเด็กมีตั้งเยอะแยะ แต่เลือกที่จะทำร้ายเด็กแบบนี้มันเกินไป และหากครูคนนี้ยังอยู่ที่โรงเรียนตนเองก็คงไม่วางใจให้ลูกไปเรียนเช่นกัน
และวันนี้ถึงขั้นมีคนนอกพื้นที่ที่ติดตามข่าวพากันขับรถกระบะมาถามหาบ้านเด็กที่โดนตี และถามหาครูคนดังกล่าวบอกว่าจะตามมาตบครูเพราะไม่พอใจที่ไปทำร้ายเด็กแบบนั้น
ขณะเดียวกันที่บ้านของน้องพ๊อตวันนี้ มีทั้งพระสงฆ์และชาวบ้าน ที่ทราบข่าวต่างพากันนำขนม,ข้าวของ และทุนการศึกษามามอบให้น้องพ๊อตเนื่องจากครอบครัวน้องพ๊อตฐานะไม่ค่อยดีและแม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ชาวบ้านบางรายถึงกับนำขนมมาร์ชเมลโล่มาให้น้องหลายกล่อง
ทั้งนี้ ผู้นำท้องถิ่นขอแจ้งผ่านสื่อไปยังผู้ที่ต้องการช่วยเหลือครอบครัวน้องพ๊อตว่า ขณะนี้ไม่มีการเปิดบัญชีเพื่อรับบริจาคใดๆ ทั้งสิ้น หากต้องการจะเงินหรือสิ่งของมามอบให้น้องก็ขอให้นำมาให้ที่บ้าน
