จากกรณี เหตุการณ์ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ทนาย ธรรมราช สาระปัญญา ทนายความชื่อดัง เดินทางมาแถลงข่าวดำเนินคดีกับ “อ.เบียร์ คนตื่นธรรม” ในข้อหาเหยียดหยามศาสนาตามมาตรา 206
โดยในระหว่างที่ทนายธรรมราช ยืนให้สัมภาษณ์ต่อหน้าสื่อมวลชนอยู่นั้น มีชายคนหนึ่งบุกเข้ามาและทำการทำร้ายร่างกายทนายธรรมราช ตบสนั่นเข้าที่ใบหน้าทนายธรรมราชจนล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนจะเกิดเหตุชุลมุน
จากการสอบปากคำ ชาย อายุ 28 ปี ผู้ก่อเหตุตบหน้าทนายธรรมราช ยอมรับสารภาพว่า ลงมือทำร้ายทนายธรรมราช ลงมือเพียงคนเดียว ส่วนเพื่อนอีก 2 คน ไม่ได้ร่วมก่อเหตุแต่อย่างใด แค่มาด้วยกัน
ส่วนสาเหตุที่ลงมือ เพราะก่อนหน้านี้เคยเห็นทนายธรรมราช โพสต์ข้อความพาดพิงเรื่องเกี่ยวกับเรื่องต่างศาสนา ด้วยความที่ตนเองมีภรรยาเป็นชาวมุสลิม จึงเกิดความไม่พอใจ เลยตั้งใจมาวันนี้เพื่อจะมาถามทนายธรรมราช ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ทนายธรรมราช ไม่ยอมตอบ จึงเกิดโมโหตัดสินใจทำร้ายร่างกายทนายธรรมราชดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ก่อเหตุไปที่ สน.พหลโยธิน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
แต่พฤติกรรมคือล็อกคอตน หากจะห้ามจริงเหตุใดไม่ล็อกคออีกคน ซึ่งการล็อกคอทำให้ตัวเองคอเคล็ด โดยหลังจากนี้ก็จะต้องสืบหาว่ามีผู้ว่าจ้างมาหรือไม่ หากไม่พบทางผู้ก่อเหตุก็ต้องรับโทษ เรื่องนี้ยาวแน่นอน
สำหรับข้อขัดแย้งในเรื่องศาสนาที่ผู้ก่อเหตุกล่าวอ้าง ยังไม่ปักใจเชื่อ แต่ให้ทางตำรวจเช็คโทรศัพท์แล้ว ว่าก่อนมามีการพูดคุยกับใครบ้าง
“พวกใจร้อนมักนอนที่แคบ และหลังจากนี้จะต้องโดนคดีไม่มียอมความ เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะตนเคยโดนลอบยิงมาแล้ว เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องไม่แมน หน้าตัวเมียอาศัยตอนเผลอ หลังจากนี้ตนจะซื้อปืนเพิ่ม“ ทนายธรรมราช กล่าว
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะสามารถหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังได้หรือไม่ เพราะทนายธรรมราชมีคู่กรณีเยอะ ทนายธรรมราช กล่าวว่า ตนเชื่อว่ามีเส้นทาง เพราะอาชีพทนายอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง ตนมั่นใจในความปลอดภัยของบช.ก. จึงเลือกมาร้องแต่ที่นี่ ส่วนตัวเป็นคนระวังตัวอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่เมื่อมาเจอเหตุการณ์ดังกล่าว ก็คิดว่าตำรวจก็คงไม่อยากให้เกิด
ส่วนการนำตัวผู้ก่อเหตุไปแจ้งความสน.พหลโยธินนั้น จะโดนข้อหาทำร้ายร่างกายขณะที่กำลังแถลงข่าว ส่วนอีก 2 ราย ต้องตัดไปอีกกรรมหนึ่ง อาจจะเป็นข้อหาที่เบากว่าอย่างเช่นสนับสนุน ก็ต้องว่ากันไปตามกฏหมาย
เมื่อถามว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องเชื่อมจิตหรือไม่ ทนายธรรมราช กล่าวว่า ตนเป็นทนายมีคู่ความ อาจเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ในกรณีนี้ก็ต้องรอตรวจสอบก่อน เชื่อว่าข้อมูลจะโยงไปถึงผู้อยู่เบื้องหลัง เหตุการณ์นี้เป็นกรรมทันตา เพราะตนสามารถชกกลับได้ แต่ไม่ทำเนื่องจากจะได้ดำเนินคดีอย่างเต็มที่ เพราะเป็นพฤติกรรมที่อุกอาจเนื่องจากอยู่ในสถานที่ราชการ
ส่วนตัวเอาเรื่องคดีให้ถึงที่สุด ไม่ยอมความแน่นอน แต่คนที่เป็นครอบครัวญาติพี่น้องของตัวเองจะติดใจหรือไม่ ไม่ทราบ