Home ข่าว สุขภาพ เตือนแล้วนะ! ตื่นเช้าร่างกายมี 2 อาการนี้ ระวังไว้ “ตับใกล้เสื่อม” ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว

เตือนแล้วนะ! ตื่นเช้าร่างกายมี 2 อาการนี้ ระวังไว้ “ตับใกล้เสื่อม” ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว

50

สัญญาณอันตราย! หากตื่นเช้ามาแล้วพบ 2 อาการนี้ ตับอาจกำลังเสื่อม ควรรีบพบแพทย์ทันที

ในแต่ละวัน ตับของเราทำหน้าที่มากมายที่สำคัญต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเผาผลาญสารอาหาร ผลิตน้ำดีเพื่อย่อยไขมัน สะสมวิตามินและแร่ธาตุ รวมถึงการช่วยขจัดสารพิษในร่างกาย แต่เมื่อ “ตับ” เริ่มทำงานผิดปกติ ร่างกายก็จะส่งสัญญาณเตือนออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาหลังตื่นนอนตอนเช้า ซึ่งเป็นช่วงที่หลายคนมักมองข้าม

ล่าสุด มีรายงานจาก Very Well Health และ British Express ที่ระบุว่า หากคุณพบ 2 สัญญาณผิดปกติ เหล่านี้หลังตื่นนอน อาจหมายถึงว่า “ตับของคุณกำลังเสื่อมสภาพ” และควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว

1. รู้สึกเหนื่อยล้าแม้เพิ่งตื่นนอน

โดยทั่วไปแล้ว ร่างกายควรจะรู้สึกสดชื่นหลังการพักผ่อน แต่หากคุณรู้สึก อ่อนเพลีย ง่วงนอน หรือหมดแรงทันทีที่ตื่นนอน ต่อเนื่องกันหลายวัน นั่นอาจไม่ใช่เรื่องปกติ

ตับมีหน้าที่ผลิตและควบคุมพลังงานของร่างกาย หากตับเริ่มเสื่อม จะส่งผลให้กระบวนการเหล่านี้ติดขัด ร่างกายจึงเกิดอาการเหนื่อยง่าย ขาดพลังงาน แม้ไม่ได้ทำกิจกรรมหนักๆ เลยก็ตาม นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรังกว่า 60-80% ยังพบปัญหานอนไม่หลับ หลับไม่สนิท หรือสะดุ้งตื่นบ่อยช่วงกลางคืน ซึ่งล้วนมีผลให้ตื่นมาพร้อมความอ่อนล้าในตอนเช้า

2. ปัสสาวะมีสีเข้มผิดปกติ

อีกหนึ่งสัญญาณที่ควรเฝ้าระวังคือ สีของปัสสาวะในตอนเช้า หากคุณสังเกตเห็นว่าปัสสาวะมีสีเข้มกว่าปกติ (เช่น สีเหลืองเข้มหรือออกน้ำตาล) อาจเป็นสัญญาณว่าตับกำลังมีปัญหา

สาเหตุเกิดจากตับไม่สามารถกำจัดสารบิลิรูบิน (Bilirubin) ซึ่งเป็นสารสีเหลืองที่เกิดจากการสลายเม็ดเลือดแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารนี้จึงสะสมในร่างกายและขับออกทางปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะเปลี่ยนสี นอกจากนี้ยังอาจมาพร้อมกับอาการตาเหลือง ตัวเหลือง หรือคันตามผิวหนัง

ทั้งนี้ นอกจาก 2 อาการตอนเช้าที่กล่าวมาแล้ว ผู้ที่มีปัญหาตับยังอาจมีอาการอื่นๆ ที่ไม่ควรมองข้ามร่วมด้วย เช่น อ่อนเพลียเรื้อรัง, เบื่ออาหาร, ปวดบริเวณใต้ชายโครงขวา, ผิวแห้งหรือคันผิดปกติ, อุจจาระมีสีซีดหรือเปลี่ยนแปลง

โรคตับมักไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะเริ่มต้น แต่หากคุณใส่ใจร่างกาย และสังเกตความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังตื่นนอน ก็อาจช่วยให้ตรวจพบโรคได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม หากพบว่าตนเองมีอาการเหล่านี้ติดต่อกันหลายวัน อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตับโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามจนสายเกินแก้

การรู้เท่าทันโรค คือก้าวแรกของการป้องกัน ใส่ใจสุขภาพตับ เริ่มต้นได้ตั้งแต่เช้านี้ และอย่าลืมรับการตรวจการทำงานของตับ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ มีประวัติโรคตับในครอบครัว หรือรับประทานยาต่อเนื่องเป็นเวลานาน