เกิดอะไรขึ้น? ประธานสภา ทำเรื่องขอ “ผู้กองแคท” มาช่วยงาน แต่ “กรมการปกครอง” ไม่อนุญาต
ด่วน! กรมการปกครองมีคำสั่งไม่อนุมัติการยืมตัว ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ผู้กองแคท” ไปรับงานช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยชี้แจงเหตุผลสำคัญว่ามีคำสั่งย้ายให้ผู้กองแคทไปดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอซึ่งต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริงเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์
รายละเอียดเหตุการณ์
วันที่ 26 กันยายน 2568 นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังสือถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตอบกลับหนังสือด่วนที่สุดที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครอง (กรณีเป็นรายบุคคล)
ในหนังสือระบุว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีความประสงค์ขอยืมตัว ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่งนักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ มาช่วยปฏิบัติราชการในสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษ โดยขอให้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
คำชี้แจงจากกรมการปกครอง
กรมการปกครองแจ้งว่าได้มีคำสั่งย้าย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา ไปดำรงตำแหน่ง ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองปฏิบัติการ) กลุ่มงานบริหารงานปกครอง ที่ทำการปกครองอำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
กรมการปกครองระบุว่า ตามนโยบายของหน่วยงาน ข้าราชการที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอ ต้องอยู่ปฏิบัติงานในพื้นที่จริงเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การทำงานในตำแหน่งปลัดอำเภอ ดังนั้นจึงไม่สามารถให้ข้าราชการรายดังกล่าวมาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้
ความหมายเชิงบริหารและผลกระทบ
เชิงนโยบาย: กรมการปกครองวางนโยบายให้ปลัดอำเภอใหม่ต้องเริ่มปฏิบัติงานในพื้นที่เพื่อสร้างพื้นฐานการบริหารท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นจุดเน้นในด้านการพัฒนาศักยภาพบุคลากรภาครัฐ
เชิงบุคคล: สำหรับผู้กองแคทเอง นอกจากงานราชการแล้ว เธอยังมีงานทางสื่อและบันเทิง ทำให้การโยกไปเป็นปลัดอำเภออาจเป็นการเปลี่ยนบทบาทและตารางงานอย่างมีนัยสำคัญ
เชิงการเมือง/สาธารณะ: กรณีนี้ถูกจับตามองในพื้นที่สื่อโซเชียลและสื่อมวลชน เนื่องจากเป็นการเคลื่อนย้ายข้าราชการที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทหลายด้าน จึงมีคำถามเรื่องการจัดสรรบุคลากรและความเหมาะสมของการยืมตัว
ประเด็นที่น่าสังเกต
วันที่มีการขอยืมตัวจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร คือเอกสารลงวันที่ 25 กันยายน 2568 ซึ่งขอให้เริ่ม 1 ตุลาคม 2568
กรมการปกครองออกคำสั่งย้ายและให้มีผล 2 ตุลาคม 2568 ทำให้เกิดช่วงเวลาที่ขัดกันด้านการปฏิบัติหน้าที่
กรมการปกครองยึดนโยบายการให้ปลัดอำเภอใหม่ต้องทำงานในพื้นที่เป็นสำคัญ จึงปฏิเสธการยืมตัวในครั้งนี้
สรุป
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของนโยบายการวางกำลังคนในหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น ขณะเดียวกันการขอยืมตัวข้าราชการที่มีบทบาทหลากหลาย เช่น ผู้กองแคท ย่อมต้องพิจารณาความเหมาะสมระหว่างภารกิจในพื้นที่กับภารกิจหน่วยงานส่วนกลาง หากมีการประสานงานหรือจัดสรรกำลังคนล่วงหน้าอย่างชัดเจน อาจลดความขัดแย้งในลักษณะนี้ได้
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ