สถานการณ์ยังต้องจับตาแบบวันต่อวัน สำหรับ ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีรายงานว่า ชาวเขมรจำนวนหนึ่ง บุกทวงพื้นที่คืนโดยอ้างว่า พื้นที่จุดดังกล่าวเป็นของชาวกัมพูชา ซึ่งต่อมา เพจเฟซบุ๊ก กองทัพบก ทันกระแส โพสต์เปิดโทษทางกฎหมายไทย หากชาวกัมพูชาถูกจับกัม พร้อมระบุแคปชันว่า “รู้ไว้เขมร ! นี่คือเขตอธิปไตยไทย หากก่อความวุ่นวายในราชอาณาจักรไทยจนถูกจับกุม”
โดยหากชาวกัมพูชารุกล้ำ ทำล้ายทรัพย์สิน และถูกจับ จะมีโทษ ดังนี้
1. เข้าเมืองผิดกฎหมาย โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท (2,520,000 เรียล)
2. ทำลายทรัพย์สินราชการ (เช่น รื้อลวดหนาม) จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท (12,600,000 เรียล)
3. ลักทรัพย์สินทางราชการ (เอาลวดหนามไป) จำคุกตั้งแต่ 1-7 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 – 140,000 บาท (12,600,000 – 17,620,000 เรียล)
4. ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท (5,040,000 เรียล)
5. หากกระทำการใด ๆ กระทบเอกราชของไทย ต้องโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
รวมแล้ว โทษจำคุก 16 ปี หรือตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต ปรับ 300,000 บาท (37,800,000 เรียล)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ทางเพจ กองทัพบก ทันกระแส ยังได้ให้ข้อมูลอีกว่า “นายอุม เรียไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย คนบงการส่งชาวบ้านรื้อรั้วลวดหนามทหารไทย
เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 68 ที่ผ่านมา หลังจากการประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว นายอุม เรียไตร ปฏิเสธทุกข้อเสนอของ ผู้ว่าฯสระแก้ว และหลังจากการประชุมเสร็จ ชาวบ้านมีการรวมตัวแนวรั้วลวดหนามทันที! และหลังจากกการบังคับใช้กฎหมายของฝ่ายไทย ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แถลงการณ์ฟ้องนานาชาติทันที แกพิมพ์หนังสือไวเกินเหมือนร่างไว้รอแล้ว
ทุกครั้งที่ชาวบ้านกัมพูชารวมตัว จะเจอนายอุม เรียไตร อยู่ด้วยทุกครั้ง จากการตรวจสอบในพื้นที่ มีการจัดรถพยาบาล เต็นท์พักพิง โรงทาน อุปกรณ์ป้องกันต่างๆให้ประชาชนที่รวมกลุ่มเข้ามาสร้างความรุนแรงในพื้นที่
จากสายข่าวแอดมินในพื้นที่ ชาวบ้านบางส่วนไม่ใช่ชาวบ้านในพื้นที่ ส่วนใหญ่ถูกเกณฑ์มาจากพนมเปญ เสียมราฐ จอมกระสาน สตรึงเตรง โดยเป็นชาวบ้านชุมชนใกล้เขตทหาร
ทั้งนี้ นายอุม เรียไตร เป็นผู้ที่มีความสนิทชิดเชื้อกับ พล.อ. แก กึมยาน สส. จังหวัดบันเตียเมียนเจยซึ่งมีความใกล้ชิดกับ ฮุน เซน เป็นไปได้ว่าความวุ่นวายทั้งหมดเป็นการจัดฉาก เพื่อสร้างความชอบธรรมยกระดับความขัดแย้งสู่นานาชาติ”