Home ท้องถิ่น ชูวิทย์ เล่าเรื่อง คุกพลาซ่า ชี้ปวศ. ทักษิณ ยังไม่จบ

ชูวิทย์ เล่าเรื่อง คุกพลาซ่า ชี้ปวศ. ทักษิณ ยังไม่จบ

51

วันที่ 16 กันยายน 2568 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย และอดีตนักธุรกิจชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แสดงความเห็นเกี่ยวกับการรับโทษจำคุกของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมอธิบายเบื้องลึกเบื้องหลังชีวิตในเรือนจำ และระบบราชทัณฑ์ไทย โดยเฉพาะพื้นที่ที่เจ้าตัวเรียกว่า คุกพลาซ่า

นายชูวิทย์ระบุว่า บริเวณเรือนจำที่นายทักษิณถูกควบคุมตัวอยู่นั้น คือ เรือนจำกลางคลองเปรม ซึ่งตั้งอยู่ในเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร และเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีทั้งเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ทัณฑสถานหญิงกลาง โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และเรือนจำกลางคลองเปรม รวมกันนับพันไร่ ซึ่งเขาเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า คุกพลาซ่า เนื่องจากมีลักษณะคล้ายศูนย์กลางของเรือนจำไทย ยกเว้นเรือนจำบางขวางที่ตั้งอยู่นอกพื้นที่ในจังหวัดนนทบุรี

แม้เจ้าตัวจะไม่เคยถูกควบคุมตัวในเรือนจำคลองเปรมโดยตรง แต่ก็เคยมีโอกาสเข้าไปทำรายการโทรทัศน์ และยังเคยเป็น นักโทษเด็ดขาด ที่ถูกส่งไปช่วยงานในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งอยู่ติดกับเรือนจำคลองเปรม และสามารถเดินถึงกันได้ ต่างจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่ต้องนั่งรถไป

ชูวิทย์บรรยายว่า โรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นศูนย์กลางดูแลผู้ต้องขังที่เจ็บป่วย ทั้งด้านกายและจิตใจ เพราะเรือนพยาบาลภายในแต่ละเรือนจำมีความแออัดและไม่เพียงพอ โดยเขาเคยพบผู้ต้องขังหลายรายที่เป็นบุคคลมีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นอดีตตำรวจระดับสูง อดีตกรรมการการเลือกตั้ง อดีตนักการเมือง รวมถึงข้าราชการระดับสูง ซึ่งต้องมาเผชิญกับสภาพชีวิตในเรือนจำอย่างเท่าเทียม

หนึ่งในเรื่องที่ชูวิทย์กล่าวถึงอย่างสะเทือนใจ คือภาพของอดีตประธาน กกต. ท่านวาสนา เพิ่มลาภ ที่ถูกใส่โซ่ตรวน นั่งรถจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มายังโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในสภาพไร้อิสรภาพ โดยเล่าว่า ท่านถึงกับหลั่งน้ำตาต่อหน้า และพูดถึงความหวังในการกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบที่จังหวัดจันทบุรี

นายชูวิทย์ยังสะท้อนมุมมองต่อการที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ การอยู่ในคุก ของทักษิณ ทั้งเรื่องเสื้อผ้า การดูแล หรือความเป็นอยู่ โดยย้ำว่า คุกก็คือคุก แม้สภาพแวดล้อมจะดูดีเพียงใด แต่สิ่งที่ถูกพรากไปคือ อิสรภาพ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์

พร้อมกันนี้ เขาได้แบ่งปัน สุภาษิตคุก ที่เรียนรู้จากประสบการณ์ตนเองว่า

อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้ และสิ่งสำคัญ 3 ประการที่นักโทษต้องยึดถือคือ

ช้อน ที่ต้องใช้ส่วนตัว ป้องกันโรคติดต่อภายในคุก

ชั้น ของนักโทษ ซึ่งมีผลต่อการพักโทษหรืออภัยโทษ

ชีวิต ที่ต้องรักษาให้ปลอดภัย ไม่ว่าจะอย่างไร ไม่มีใครอยากตายในคุก

เขายังเล่าถึงการเก็บศพผู้ต้องขังจำนวนมากขณะช่วยงานในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ รวมแล้วถึง 80 ราย ทั้งชายและหญิง โดยระบุว่า ทุกคนล้วนสิ้นชีวิตลงท่ามกลางความไร้เสรีภาพ ซึ่งเป็นภาพสะท้อนที่บีบคั้นหัวใจ

สุดท้าย นายชูวิทย์เสนอแง่มุมที่แตกต่างเกี่ยวกับทักษิณ โดยมองว่า แทนที่จะมัวแต่จ้องจับผิดการใช้ชีวิตในเรือนจำ ควรมองเห็นว่า แม้เขาจะเคยยืนอยู่จุดสูงสุดในชีวิตการเมือง แต่วันนี้กลับกลายเป็นผู้ต้องขังที่ต้องเผชิญกับชีวิตไร้อิสรภาพ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ

เขาทิ้งท้ายว่า ทักษิณอาจใช้ช่วงเวลานี้เขียนหนังสือเล่มหนึ่ง เพื่อบันทึกเรื่องราวชีวิตที่มีทั้งจุดสูงสุดและตกต่ำ เช่น การต่อสู้ของผม หรือ ชีวิตที่ไร้อิสรภาพ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะเป็นบทหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ยังไม่จบ และการเดินทางของทักษิณก็อาจยังไม่ถึงบทสุดท้าย

ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง แต่สิ่งที่ผมเชื่ออย่างหนึ่งคือ ประวัติศาสตร์ของทักษิณยังไม่จบ