ชายวัย 49 ไตวายโดยไม่รู้ตัว เพราะกินของอร่อย 3 อย่างนี้ทุกวัน แม้จะกินแค่นิดเดียว แต่กินต่อเนื่อง ไตใครก็ทนไม่ไหว
แม้จะรู้ดีว่าอาหารบางอย่างไม่ดีต่อไต แต่ชายชาวจีนคนนี้ก็คิดว่า “กินแค่นิดเดียวคงไม่เป็นไร” จนสุดท้ายได้รับการวินิจฉัยว่าไตวาย
“ฉันพยายามเตือนให้เขาเปลี่ยนนิสัยการกินหลายครั้งแล้ว แต่เขาไม่เคยฟังเลย… พอเห็นเขาเป็นแบบนี้ ฉันเจ็บปวดจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่” ภรรยาพูดทั้งน้ำตา
สามีของเธอ วัย 49 ปี เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไตวาย ข่าวนี้ทำให้เธอรู้สึกช็อกและเสียใจอย่างยิ่ง แม้จะพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาเลิกพฤติกรรมการกินและใช้ชีวิตแบบไม่ดูแลสุขภาพหลายครั้ง แต่เขากลับไม่ใส่ใจ จนเกิดผลร้ายขึ้นในที่สุด
โรคไตวาย โดยเฉพาะไตวายเรื้อรัง มักเป็นผลสะสมจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสมต่อเนื่องยาวนาน หลายคนไม่รู้ตัวว่าร่างกายเริ่มมีปัญหา เพราะในระยะแรกอาการมักไม่ชัดเจน จนเมื่อแสดงอาการชัดเจนแล้ว โรคก็มักอยู่ในระยะที่รุนแรงแล้ว
กลุ่มเสี่ยงหลายกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ชายวัยกลางคน มักละเลยการดูแลสุขภาพไต ทั้งที่พฤติกรรมเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันบางอย่าง แม้ดูเหมือนไม่เป็นอันตราย แต่กลับค่อย ๆ ทำลายไตอย่างช้า ๆ จนถึงจุดที่ไม่สามารถฟื้นฟูการทำงานของไตได้อีกต่อไป
3 เมนูอร่อยที่แม้กินน้อยแต่กินบ่อย ก็ค่อย ๆ ทำร้ายไตอย่างรุนแรง
หลายคนโดยเฉพาะกลุ่มพนักงานออฟฟิศและแม่บ้าน มักมีนิสัยชอบกิน “อาหารรสจัด” โดยเฉพาะของเค็ม อาหารที่มีเกลือ ไขมัน และน้ำตาลสูง แม้จะช่วยให้รู้สึกอร่อยทันใจ แต่กลับสร้างภาระหนักให้กับร่างกาย โดยเฉพาะ “ไต” ซึ่งต้องทำงานหนักในการกรองและขับของเสียออกจากร่างกาย
ไตเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่กรองของเสีย สารพิษ และน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย แต่เมื่อเราบริโภคเกลือมากเกินไป ไตจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อขับเกลือส่วนเกินออกไป
การรับประทานอาหารเค็มอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เร่งให้โรคไตลุกลาม และอาจนำไปสู่ภาวะไตวายในที่สุด
ความจริงแล้ว คนส่วนใหญ่มักบริโภคเกลือมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า ผู้ใหญ่ไม่ควรกินเกลือเกิน 5 กรัมต่อวัน แต่ในความเป็นจริง หลายคนบริโภคเกลือมากกว่าคำแนะนำนี้หลายเท่า
การกินเค็มไม่เพียงเพิ่มภาระให้กับไต แต่ยังอาจนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ เช่น อาการบวมน้ำ โรคหัวใจ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ซึ่งไตเริ่มมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูลดลง การกินเค็มเป็นเวลานานจะเร่งให้ไตเสื่อมเร็วขึ้น และเสี่ยงต่อการเกิดไตวายเรื้อรังได้ในที่สุด
“การดื่มชาและกาแฟ” เข้มข้นเป็นนิสัยของใครหลายคน โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศและผู้สูงอายุ แม้ว่าชาจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น โพลีฟีนอล ที่ดีต่อสุขภาพ แต่การดื่มชาเข้มเกินไป โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน อาจทำให้ไตทำงานหนักขึ้นอย่างไม่รู้ตัว และกลายเป็นภาระต่อร่างกายในระยะยาว
ชาและกาแฟเข้มมีคาเฟอีนในปริมาณสูง หากบริโภคคาเฟอีนมากเกินไปเป็นเวลานาน จะทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงไตลดลง ส่งผลให้ไตต้องทำงานหนักขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มปริมาณปัสสาวะ จนร่างกายสูญเสียน้ำและแร่ธาตุ เกิดความไม่สมดุลของน้ำและอิเล็กโทรไลต์ ซึ่งในระยะยาวอาจทำให้ไตเสียหายได้
โดยเฉพาะในผู้ชายวัย 40 ปีขึ้นไป การดื่มชาเข้ม ๆ เป็นประจำอาจเป็น “ภัยเงียบ” ต่อสุขภาพ แม้ในช่วงแรกอาจไม่รู้สึกผิดปกติ แต่ผลกระทบจะสะสมและแสดงออกในระยะยาว
มีงานวิจัยบางชิ้นพบว่า ผู้ที่ดื่มชาในปริมาณมากต่อเนื่องเป็นเวลานาน มีแนวโน้มที่การทำงานของไตจะเสื่อมเร็วกว่าคนที่ไม่ดื่มชา
ดังนั้นการดื่มชาในปริมาณที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงชาที่ชงเข้มเกินไป และหลีกเลี่ยงการดื่มชาในช่วงกลางคืน จะช่วยลดภาระของไต และป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพในอนาคตได้