Home ท้องถิ่น สมชาย แฉพยานบุคคล-เอกสารในศาล คดีชั้น 14 ทักษิณ ชินวัตร

สมชาย แฉพยานบุคคล-เอกสารในศาล คดีชั้น 14 ทักษิณ ชินวัตร

115

จากกรณี ทักษิณ ชินวัตร เดินทางบินไปดูไบ ทางด้าน นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์กับอมรินทร์ทีวีถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่วันที่ 9 กันยายน นี้ ศาลฎีกานักการเมืองจะพิจารณาคดี บค1/2568 หรือ บังคับคดีที่ศาลโทษจำคุก 8 ปีแล้วได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษเหลือ 1 ปี

เป็นโทษสุดท้าย ว่า นายทักษิณ ได้รับการจำคุก 1 ปีแล้วหรือไม่ ซึ่งศาลน่าจะมีคำพิพากษาชัดเจนออกมา และตนคงตอบแทนศาล แต่ในความคิดเห็นส่วนตัว จากที่ตัวเองคือหนึ่งในบุคคลที่เข้าไปนั่งฟังติดตามการไต่สวนพยานเกือบครบทุกปาก

คือ 35 ปาก จากที่ศาลไต่สวนไปทั้งหมด 37 ปาก คำให้การชัดเจนมาก และจากเอกสารต่างๆที่ถูกส่งศาลไป ซึ่งตนเคยเป็นประธานกรรมาธิการสอบ 12 ครั้ง จึงเห็นว่า “นายทักษิณ ยังไม่ได้รับการบังคับโทษ” เพราะในหลักฐานทั้งหมดชัดเจนว่าการบังคับโทษยังไม่เรียบร้อย

ดังนั้นเมื่อ นายทักษิณ ไปฟังคำพิพากษาแล้ว ก็ต้องกลับไปถูกบังคับโทษเหมือนเดิม แล้วถ้าเป็นไปตามที่ตนคาดการณ์แบบนี้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง

กระบวนการยุติธรรมจะได้รับการยอมรับ ซึ่งขณะเดียวกัน การตัดสินในวันที่ 9 กันยายนนี้จะส่งผลทั้งตัว นายทักษิณ เอง และทั้งกระแสนิยมของพรรคเพื่อไทยด้วย

เพราะในข้อเท็จจริงคือ นายทักษิณ ไม่ได้หลบหนี เหมือนที่หลบหนีไป 17 ปีก่อนหน้านี้ ไม่ได้ไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจตลอดเวลา เหมือนที่เราเห็นทั้ง 180 วันโดยที่ไม่อยู่ในเรือนจำ

โดย นายสมชาย ยังได้อธิบายถึงอาการป่วยของ นายทักษิณ ที่เดิมทีแจ้งว่าเป็นโรคหัวใจขาดเลือด จึงต้องส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ

ซึ่งปกติแล้วหลังจากรักษาอาการนี้ 2-3 วันก็จะต้องถูกส่งกลับไปเรือนจำ แต่กลับไม่ส่งตัว ขออยู่ รพ.ตำรวจ ต่อ โดยอ้างว่ามีต้องรักษาอาการนิ้วล็อกและผ่าไหล่เนื่องจากบาดเจ็บ

ที่อาการเหล่านี้เป็นการเจ็บป่วยภายนอก สามารถพากลับมารักษาครั้งต่อไปได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลตลอด 180 วัน

ดังนั้นด้วยหลักฐานที่ตนสอบ จึงยืนยันได้ว่า นายทักษิณ ไม่ได้ป่วยจริง อีกทั้งยังมีข้อพิรุธเกี่ยวกับเลขห้องพักรักษาตัวของ นายทักษิณ บนชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ

ซึ่งในเอกสารที่ตนมีและจากการสอบ เพราะในรายงานของกรรมการสิทธิมนุษยชนที่ตนเป็นประธานและมี สว.ผู้ใหญ่ อดีตรองนายกฯ อดีตรัฐมนตรียุติธรรม

อดีตรองประธานสภา และหมอร่วมสอบ การให้การของกรมราชทัณฑ์ยืนยันว่า นายทักษิณ ป่วยและรักษาตัวอยู่ในห้อง 1407 ซึ่งตรงกับคำให้การของพัสดีว่าเฝ้า นายทักษิณ ที่ห้อง 1407

แต่หลักฐานจากใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลที่ศาลได้เรียกมา ระบุว่า นายทักษิณ รักษาตัวอยู่ในห้อง 1404 ซึ่งอยู่คนละปีกตึกกับห้อง 1407 โดยมีแผนกพยาบาลขนาดใหญ่คั่นกลาง

ฝั่งนึงจะเป็นห้อง 1401-1406 และอีกฝั่งจะเป็นห้อง 1407-1411 และเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ นายทักษิณ จะเดินไปเดินมาระหว่างการรักษา

บวกกับมีหลักฐานที่ระบุชัดเจนว่าห้อง 1407 มีผู้ป่วยรายอื่นพักอยู่ในห้วงเวลานั้น อีกทั้งในใบเสร็จรับเงินที่ศาลตรวจสอบ

ไม่พบประวัติการรักษาโรคหัวใจที่เรียกว่าการให้บอลลูนสวนหัวใจ ไม่พบการเอ็กซเรย์ปอด ไม่พบการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG

แต่พบเพียงแค่การให้ยาลดความดันโลหิตสูง แล้วผลความดันก็ลดลง รวมถึงพบเพียงแค่การรักษาผ่านิวล็อก ซึ่งตามหลักแล้วใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่สิบนาทีก็สามารถกลับบ้าน

และการรักษาผ่าหัวไหล่ขวาที่บอกว่าเป็นอุบัติเหตุใหม่ ก็เป็นอาการที่แพทย์ยืนยันในศาลว่านัดหมายมาวันไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเร่งทันที

และศาลได้ให้พยานกลางดูรายงานตัวยาทั้งหมดที่อ้างว่าเป็นยานอก แต่แท้จริงแล้วพยานกลางระบุว่าเป็นเพียงแค่วิตามิน ไม่ใช่ยานอก

ดังนั้นคำให้การที่ให้กับกรรมาธิการฯและให้การต่อศาลว่าพักอยู่ห้อง 1407 นั่นเป็นเท็จ ส่วนพยานที่เห็นว่า นายทักษิณ อยู่ห้อง 1404 ก็คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส

ที่สามารถยืนยันได้ เพราะไปพบ 2 ครั้ง แถมยังยืนยันอีกว่า นายทักษิณ ไม่ได้แต่งกายในเครื่องแบบผู้ป่วย เพราะเห็นว่าใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อโปโลธรรมดา

สามารถเดินพูดคุยแข็งแรงและกินข้าวเหนียวมะม่วงด้วยกันได้ ต่างจากคำให้การของผู้คุมที่บอกว่า นายทักษิณ ป่วยขั้นวิกฤต ป่วยหนักตลอดเวลา

ไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้ อีกทั้งผู้คุมยังให้การอีกว่า นายทักษิณ สามารถไปอาบน้ำเองได้ แต่ในความเป็นจริงถ้าใช้คำว่าผู้ป่วยวิกฤต คือผู้ป่วยที่ต้องนอนอยู่บนเตียงและเช็ดตัวให้เท่านั้น

แล้วการที่บอกว่าเป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้ สิ่งที่ตามมาถ้านอนติดเตียง 180 วัน คือกล้ามเนื้อจะอ่อนแรง ลีบ ไม่สามารถหายภายใน 15 วัน

หลังจากที่ออกมาอยู่บ้าน แต่ขณะเดียวกันภาพที่เห็นคือ นายทักษิณ ไปร้องคาราโอเกะ ไปตีกอล์ฟ ไปขึ้นดอยที่เชียงใหม่ ไปงานศพ ไปไหว้สุสาน หรือนั่งกินน้ำมะพร้าวกับ สมเด็จฮุนเซ็น

อีกทั้งในเอกสารค่า ADL (Activities of Daily Living) หมายถึง การประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันพื้นฐานของผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย

ที่ใช้ประเมินผู้ป่วยตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งคะแนนเต็ม 20 โดยพยาบาลที่ให้คะแนน นายทักษิณ ระบุตัวเลขแค่ 9 คะแนน

หรือขั้นป่วยติดบ้าน คือ แต่งตัวเองไม่ได้ หวีผมเองไม่ได้ กินข้าวเองได้เล็กน้อยแต่ต้องมีคนคอยช่วย ไปไหนมาไหนก็ต้องคอยพยุงโดยใช้รถเข็น

ซึ่งตามหลักแล้วถ้าเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ควรจะได้รับพิจารณาแก่การพักโทษ นอกจากเรื่องอายุแล้ว ค่าADL จะต้องอยู่ที่ 18-20 คะแนน

นั่นหมายความว่าต้องทำกายภาพบำบัด แล้วไม่มีทางเป็นไปได้ที่คะแนนในห้วงเวลา 15 วันจะลดลงเหลือแค่ 9

และนอกจากนี้ ผู้คุมซึ่งมีหน้าที่ถ่ายรูปกับนักโทษเพื่อรายงานในไลน์ วันละ 4 ครั้งต่อ 1 ผลัดใน และวันนึงมี 3 ผลัดรวมแล้ว 12 ครั้ง ตลอด 180 วัน

โดยรายงานว่า นายทักษิณ อยู่ห้อง 1407 แต่จริงๆคืออยู่ห้อง 1404 ดังนั้นแล้วผู้คุมเฝ้าใครที่ห้อง 1407 จึงถือว่าเป็นพยานเท็จ

และนำไปสู่คำถามว่า “ตำรวจผู้คุม ได้คุมตัวนายทักษิณไปที่โรงพยาบาลตำรวจที่อ้างว่าเป็นเรือนจำได้จริงหรือไม่” หรือพยานที่เป็นผู้คุม ศาลไม่สามารถรับฟังได้เลย

ดังนั้น นายสมชาย ยืนยันในความคิดเห็นเท่าที่สามารถเปิดเผยได้ จากการไปรับฟังการไต่สวน คดีนี้มีปัญหาเรื่องพยานเอกสารและพยานบุคคล

จึงยืนยันได้ว่า นายทักษิณ ไปอยู่โรงพยาบาลโดยที่ไม่ได้ป่วยวิกฤตและไม่ใช่การรักษาโรคต่อเนื่องตามที่อ้างตามมาตรา 55 จึงต้องกลับไปบังคับโทษเดิมตามคำพิพากษาสุดท้ายคือรับโทษ 1 ปี

ขอบคุณข้อมูล: amarintv