วันที่ 17 ก.พ. 2568 เฟซบุ๊ก เฝอหม้อไฟ สุกี้สไตล์เวียดนาม (ไม่มีสาขา) มีการประกาศว่า เร็ว ๆ นี้ เฝอหม้อไฟ จะปิดให้บริการอย่างไม่มีกำหนดเนื่องจาก 1 ในหุ้นส่วน ได้ทำการละเมิดสิทธิ์ของอีกฝ่าย โดยการนำความลับทางธุรกิจออกไป เผยแพร่ และแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนโดยมิชอบ (โดยไม่ได้รับการยินยอมจากคู่สัญญา) คือการเปิดร้านใหม่ ห่างจากทางร้านของเจ้าตัวเพียง 6 กิโลเมตร สูตรน้ำจิ้มและวัตถุดิบของทางร้านนั้น ส่วนใหญ่ใช้ suplier เจ้าเดียวกับ เฝอหม้อไฟ สุกี้สไตล์เวียดนาม แทบทั้งสิ้น
และเนื่องจาก 1 ในหุ้นส่วนร้านเฝอหม้อไฟ ซึ่งมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับร้านดังกล่าว (เป็นหุ้นส่วน) ได้เข้ามาทำการแทรกแซง บัญชีรายรับของทางร้านเฝอหม้อไฟโดยใช้บัญชีม้ามารับโอนเงินจากลูกค้า ซึ่งเป็นบัญชีของพ่อตัวเอง เพื่อหลบหลีกการตรวจสอบจากทุกทาง
ทางคู่สัญญาได้มีการร้องขอหุ้นส่วนให้สำแดงบัญชีเอกสารใบสั่งซื้อพยายามร้องขอให้สำแดงเอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับร้าน แต่อีกฝ่ายแต่ก็ได้บ่ายเบี่ยงเสมอมา (จึงทำให้ต้องสงสัยได้ว่า มีการทุจริตหรือไม่) จากปัญหามากมายดังกล่าว จึงทำให้ไม่สามารถนำเงินมาจ่ายค่าวัตถุดิบต่าง ๆ จาก เหล่าบรรดา suplier ได้ จึงขอขายวัตถุดิบเท่าที่มีจนหมด แล้วค่อยปิดกิจการต่อไป (น่าจะเปิดขายได้อีกราว ๆ 3-4 วัน) ขอจบเรื่องราวทั้งหมดแต่เพียงเท่านี้
อย่างไรก็ตาม เพจดังกล่าวได้มีการคอมเมนต์ใต้โพสต์อีกว่า ชี้แจงเพิ่มเติมครับ ภรรยาเก่า ซึ่งปัจจุบัน เป็นหุ้นส่วนและคู่สัญญาตามกฏหมาย (นำสูตรวัตถุดิบไปเปิดร้านกับแฟนใหม่) เหตุที่มีปัญหากันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวครับ เป็นเรื่องธุรกิจแต่เพียงเท่านั้น
1. เรื่องการละเมิดสิทธิระหว่างคู่สัญญา
2. ความโปร่งใสของบัญชี (เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อน ระหว่างสามีเก่ากับแฟนใหม่)
3. การแทรกแทรงบัญชีรายรับเฝอหม้อไฟสุกี้สไตล์เวียดนาม
เรื่องส่วนตัวผมขอไม่นำมาเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น
เท่านั้นยังไม่พอ ทางร้านยังได้เข้ามาคอมเมนต์อีกว่า เรื่องการเงินทางร้านไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ รวมถึงเรื่อง suplier ด้วย ปัญหาที่ทำให้ต้องตัดสินใจ ปิดกิจการ อย่างไม่มีกำหนด คือการที่ระหว่างเปิดร้าน ทางหุ้นส่วนได้แอบมาเปลี่ยนบัญชีรับโอนเงินจากลูกค้าเป็นชื่อของตนเอง ผมได้แจ้งหุ้นส่วนว่าทำแบบนี้ไม่ได้บัญชีมันจะไม่ตรง และตรวจสอบยาก โดยได้ตักเตือนไปหลายรอบว่าถ้าหากกระทำการแทรกแทรงบัญชีแบบนี้อีกครั้ง จะทำการปิดร้านทันที
และทางหุ้นส่วนก็ได้กลับมากระทำแบบเดิมอีก โดยมาสั่งให้พนักงาน ทำการเปลี่ยนเดี๋ยวนั้น ซึ่งผมทำงานอยู่ พนักงานจึงไม่กล้าเปลี่ยน (ณ ตอนนั้นสงสารพนักงานถ้าไม่ทำตามคำสั่งน้องอาจจะโดนต่อว่า หรือหากทำตาม อาจจะโดนผมดุ) เพราะไม่รู้จะต้องฟังคำสั่งจากใคร
