เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ป่วยหญิงรายหนึ่งในหางโจวถูกนำส่งโรงพยาบาลในสภาพหมดสติ แพทย์ตรวจพบว่าเลือดของเธอ “ข้นเหมือนน้ำผึ้ง”
ตามรายงานจาก Sina ผู้ป่วยชื่อ ซู ป๋อควน อายุ 78 ปี ถูกครอบครัวพบหมดสติอยู่ในห้องน้ำและรีบนำส่งโรงพยาบาลการแพทย์แผนจีน มณฑลเจ้อเจียง
ผลตรวจที่ช็อกทีมแพทย์
น้ำตาลในเลือด: 82.73 mmol/L (ปกติ < 6.1)
ในไทยวัดเป็นหน่วย mg/dL ดังนั้น 82.73 mmol/L เท่ากับประมาณ 1489 mg/dL ซึ่งค่าระดับน้ำตาลในเลือดปกติของผู้ใหญ่ ต้องต่ำกว่า 100 mg/dL
กรดแลคติก: 20 mmol/L (ปกติ < 2)
กรดยูริก: 969 μmol/L (ปกติ < 360)
ครีอะตินีน: 213 μmol/L (ปกติ < 84)
ค่า pH เลือด: 7.18
คีโตนในปัสสาวะ: ++++
แพทย์วินิจฉัยว่าผู้ป่วยมีภาวะ เลือดเป็นกรดจากเบาหวาน (Diabetic ketoacidosis-DKA) ร่วมกับกรดแลคติกสูง เสี่ยงหัวใจหยุดเต้นได้ทุกเมื่อ
สาเหตุของโรค
ครอบครัวเผยว่า คุณยาย ดื่มโค้ก 500 มล. ทุกวันต่อเนื่องกว่าทศวรรษ แถมชอบกินบัวลอยและข้าวเหนียวหวานเป็นอาหารหลัก ทำให้เกิด “พิษหวาน” จนระบบเผาผลาญล้มเหลว
การต่อสู้ใน ICU
ใช้อินซูลินปั๊ม (Insulin Pump) ลดน้ำตาลชั่วโมงละ 3–5 mmol/L
ให้น้ำเกลือ, โพแทสเซียม, ยาแก้กรด, ยาปฏิชีวนะ, ยาป้องกันเลือดแข็งตัว ฯลฯ
วันที่ 14 ส.ค. เธอลืมตาได้ ระดับกรดแลคติกลดเหลือ 1.5 mmol/L น้ำตาลลดเหลือ 38 mmol/L วันที่ 15 ส.ค. เริ่มพูดคุย กินอาหารเองได้ และถามหาว่า “มีโค้กไหม ฉันอยากดื่มโค้ก!”
ทีมแพทย์ได้แต่ปลอบว่า ตอนนี้ดื่มได้เพียงน้ำเปล่า อนาคตหากอยากดื่ม อาจได้แค่ จิบเล็กน้อยเท่านั้น
ทำไมน้ำอัดลมถึงอันตราย
ศ.เจียง หรงหลิน เตือนว่า วิกฤตน้ำตาลสูงเกิดขึ้นได้ทันที ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาสะสม ตั้งแต่ต้นฤดูร้อน โรงพยาบาลรับผู้ป่วยสูงอายุที่เกิดภาวะฉุกเฉินจากเครื่องดื่มหวานกว่า 10 รายแล้ว
โคล่า 550 มล. มีน้ำตาลประมาณ 53 กรัม เกินกว่าที่ WHO แนะนำ (≤25 กรัม/วัน)
ขนมบัวลอย ข้าวเหนียวหวาน มีดัชนีน้ำตาล (GI) > 90 ยิ่งทำให้ระดับน้ำตาลพุ่งเร็ว
คำแนะนำเพื่อเลี่ยงวิกฤต
ผู้สูงอายุ คนอ้วน หรือผู้มีประวัติครอบครัว ควรเลี่ยงเครื่องดื่มหวานทุกชนิด
น้ำอัดลม “สูตร 0” หรือ “ไร้น้ำตาล” ก็ยังเสี่ยง เพราะมีน้ำตาลแฝง เช่น มอลโทสไซรัป ฟรุกโตสไซรัป
เครื่องดื่มที่ดีที่สุด: น้ำเปล่า ชาเจือจาง หรือชาสมุนไพรตามคำแนะนำแพทย์