Home ท้องถิ่น รมว.กลาโหมสวีเดน ฟาดแล้ว หลังสื่อกัมพูชางอแง ให้ทำสัญญาไม่ใช้โจมตีเพื่อนบ้าน

รมว.กลาโหมสวีเดน ฟาดแล้ว หลังสื่อกัมพูชางอแง ให้ทำสัญญาไม่ใช้โจมตีเพื่อนบ้าน

85

ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์ข่าวกัมพูเจีย ทะแมย์ เดลี่ (Kampuchea Thmey Daily) ของกัมพูชา รายงานคำพูดของสมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาที่เคยบอกว่า ประเทศที่ขายเครื่องบินขับไล่ให้กับประเทศไทย ควรทำสัญญาการใช้งาน เพื่อไม่ให้ไทยใช้เครื่องบินรุกรานประเทศเพื่อนบ้าน

โดยเมื่อวานที่ผ่านมา ดร.พอล ยอนสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน ได้ให้สัมภาษณ์ถึง ความร่วมมือระหว่างสวีเดนและไทย ภายหลังการลงนาม จัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน ดร.พอล ย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นหลังการลงนามในสัญญาความร่วมมือฉบับล่าสุด

พร้อมแสดงความเห็นต่อกรณีการใช้เครื่องบินขับไล่กริพเพนในสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่ผ่านมา ดร.ยอนสันกล่าวว่า สิ่งนี้ (สัญญาฉบับล่าสุด) ทำให้ความร่วมมือทวิภาคีระหว่างสวีเดนและไทยลึกซึ้งยิ่งขึ้น

และผมภูมิใจมากที่เรามีคนไทยจำนวนมากอาศัยอยู่ในสวีเดนกว่า 80,000 คน และมีชาวสวีเดนกว่า 200,000 คนเดินทางมาประเทศไทยทุกปี ดังนั้น จึงเป็นเรื่องปกติที่เราจะกระชับความร่วมมือด้านกลาโหมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

รัฐมนตรีกลาโหมสวีเดน ยังชี้ให้เห็นว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมไทยในวงกว้าง นอกเหนือจากมิติด้านความมั่นคง โดยกล่าวว่า ผมคิดว่าความร่วมมือนี้จะเป็นประโยชน์ต่อภาคส่วนที่กว้างขวางขึ้นของสังคมไทยด้วย เพราะแพ็คเกจชดเชยจาก Saab (บริษัทผู้ผลิตกริพเพน)

จะหมายถึงการลงทุนในด้านการศึกษา การวิจัยและพัฒนา และภาคเกษตรกรรมของไทย เมื่อถามถึงผลกระทบจากการที่ไทยนำเครื่องบินขับไล่กริพเพนเข้าปฏิบัติการในช่วงความขัดแย้งกับกัมพูชา

ดร. ยอนสันได้ตอบอย่างชัดเจนว่า คุณ (ประเทศไทย) มีสิทธิ์ใช้กริพเพนตามกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อเป็นการป้องกันตนเอง แน่นอนว่านั่นเป็นทางเลือกของคุณ ตราบเท่าที่คุณใช้มันตามกฎบัตรสหประชาชาติและตามกฎหมายระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ ดร. ยอนสันยังได้แสดงความเห็นว่าทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาต่างมีความพยายามที่จะลดความตึงเครียดของสถานการณ์ และยินดีที่มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมและมีผู้สังเกตการณ์จากอาเซียนเข้ามามีบทบาท

ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองชาติ แน่นอนว่าประเทศไทยก็เหมือนกับประเทศอื่นๆ มีสิทธิ์ในการป้องกันตนเอง และเราเคารพในสิ่งนั้น ดร. ยอนสันกล่าวปิดท้าย