วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2568 รายการพุทธทอล์ก ดำเนินรายการโดย นายพุทธ อภิวรรณ ได้เชิญ บิ๊ก หนึ่งในเพื่อนสนิทของนัทปง ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันเกิดเหตุ มาเปิดใจและเล่าลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด

บิ๊กเปิดเผยว่า ตนรู้จักนัทปงประมาณ 4-5 ปี โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นัทปงเคยพูดถึงสารไซยาไนด์ในช่วงที่เกิดคดีแอม ไซยาไนด์ เป็นการพูดแบบทีเล่นทีจริงว่าจะซื้อมา กระทั่งตนเห็นสารไซยาไนด์จริงครั้งแรกในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 โดยพบวางอยู่บนโต๊ะรับแขกบริเวณจุดดูทีวี
จากนั้นบิ๊กได้เปิดแชทการพูดคุยระหว่างตนกับนัทปง ซึ่งมีการส่งรูปสารไซยาไนด์ไปให้นัทปงดู ก่อนจะมีการโทรคุยกัน แต่ตนไม่ทราบว่านัทปงนำสารชนิดนี้เข้าบ้านมาได้อย่างไร
บิ๊กกล่าวว่า ส่วนตัวไม่เคยศึกษาเกี่ยวกับไซยาไนด์และไม่คุ้นเคยกับสารนี้ ตอนแรกคิดว่านัทปงอาจแกล้งหรือหยอกเล่น จึงนำสารไซยาไนด์ไปเก็บไว้ในห้องคาราโอเกะเพื่อให้ไกลจากสุนัข กลัวว่าสุนัขอาจไปกัดหรือกินเข้าไป โดยตั้งใจว่าจะตรวจสอบให้แน่ใจก่อนแล้วค่อยทิ้งหรือทำลาย แต่ด้วยความที่ทำหลายอย่างพร้อมกันจึงลืมไป
สารไซยาไนด์ถูกเก็บไว้บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ในห้องคาราโอเกะ มีหนังสือหรือสมุดทับไว้ ทำให้มองไม่เห็นหากไม่สังเกต หลังจากบิ๊กนำสารไปเก็บแล้ว นัทปงไม่เคยถามถึงอีกเลย
ต่อมาบิ๊กเดินทางกลับต่างจังหวัด และจองตั๋วกลับมาหานัทปงอีกครั้งในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 พร้อมจองตั๋วเดินทางกลับวันที่ 30 พฤศจิกายน โดยปกติจะมาหานัทปงเดือนละครั้ง แต่เดือนพฤศจิกายนมาสองครั้งคือช่วงต้นเดือนและปลายเดือน
เมื่อถูกถามว่าทำไมไม่อยู่ร่วมงานขาวดำวันแรก บิ๊กอธิบายว่า ตนเสียใจมาก และเข้าใจว่าครอบครัวจะนำร่างของนัทปงกลับไปเชียงราย อีกทั้งตนจองตั๋วเดินทางกลับไว้แล้ว จึงกลับเชียงใหม่เพื่อเตรียมไปเชียงราย แต่ทราบภายหลังว่าร่างจะตั้งบำเพ็ญกุศลที่นนทบุรีก่อน 2 คืน จึงตัดสินใจเคลียร์ภารกิจให้เสร็จเพื่อจะมาช่วยงานอย่างเต็มที่

เมื่อถามถึงเหตุการณ์ทะเลาะในห้อง บิ๊กเล่าว่า นัทปงขึ้นห้องไปก่อนเวลาประมาณ 05.30 น. และตนตามขึ้นไประหว่าง 06.00-06.30 น. เมื่อขึ้นไปพบว่านัทปงเมาและหลับอยู่ จึงพยายามคุยและตีเบา ๆ เพื่อเรียกสติ เนื่องจากตนหยิบโทรศัพท์นัทปงขึ้นมาดูและต้องการให้มาเคลียร์กัน
บิ๊กเล่าว่า ตอนคุยอยู่แล้ว นัทปง ไม่ตื่น จึงตบหน้าเบาๆ ให้ นัทปง ตื่นขึ้นมาเคลียร์ แต่นัทปงไม่คุยด้วยและเข้าห้องน้ำชั้น 2 ของบ้าน จากนั้น นัทปง ลงมาชั้นล่างของบ้านและเข้าห้องที่เกิดเหตุเพียงคนเดียว จากนั้นได้ยินเสียง นัทปง อ้วก จึงเข้าไปช่วยและนอน โดยจับชีพจรก็ยังปกติ แต่มีความคิดว่า นัทปง จะทำร้ายตัวเองหรือเปล่า แต่คิดว่าไม่น่าใจ จึงเรียกต้นให้มาช่วย โดยตอนนั้น นัทปง ไม่พูดอะไรเลย จึงจับ นัทปง นอนบนโซฟา เป็นจังหวะที่ต้นจะออกไปธุระ ผมเลยบอกให้ต้นดูนัทปง แล้วตัวเองก็ขึ้นไปบนห้อง
บิ๊กกล่าวว่าตนเป็นห่วงนัทปง จึงกลับลงมาดูอีกครั้งในห้องด้านล่าง พบว่านัทปงยังนอนนิ่งในท่าเดิม จึงจับชีพจรและทำซีพีอาร์ พร้อมโทรเรียกต้นและพี่อีกคน ขณะนั้นตนนึกถึงเรื่องไซยาไนด์ แต่เมื่อจับชีพจรครั้งแรกยังพบว่าปกติ เลยคิดว่านัทปงอาจแกล้ง

เมื่อถามว่านัทปงรู้ได้อย่างไรว่าสารไซยาไนด์อยู่ตรงไหน ทั้งที่บิ๊กเป็นคนเก็บ บิ๊กตอบว่า ตนไม่รู้เลย และไม่มั่นใจว่านัทปงไปดูวงจรปิดหรือไม่
ส่วนกรณีที่ต้นโทรไปบอกออถึง 4 ครั้ง ทั้งบอกว่าพบสารไซยาไนด์และไม่พบ บิ๊กให้เหตุผลว่า ตอนนั้นทุกคนงงและสับสนมาก จึงอาจสื่อสารผิดพลาด
เมื่อถูกถามตรง ๆ ว่าบิ๊กเป็นคนทำร้ายนัทปงหรือไม่ บิ๊กตอบหนักแน่นว่า ไม่ใช่แน่นอน เพราะอยู่ด้วยกันมาหลายปี ทุกคนในเหตุการณ์รักนัทปง ไม่มีใครคิดร้าย และตอนนี้ตนเองยังทำใจไม่ได้ วันเกิดเหตุก็ได้แต่ร้องไห้ รู้สึกว่าดูแลนัทปงได้ไม่ดีพอ
บิ๊กระบุเพิ่มเติมว่า บิ๊กกับต้นไม่เคยทะเลาะหรือระแวงกัน มีแค่ดุๆ ต้นว่าพากันไม่พูดความจริงในกรณีอื่น เพราะบางครั้งต้นรู้นัทปงไปเที่ยวไหนแล้วไม่บอกบิ๊กเลย


















