จับตา โรคหัดลาม ระบาดหนักชายแดน กลุ่มเสี่ยงต้องรีบฉีดวัคซีน ก่อนลุกลาม บริเวณชายแดนจังหวัดเชียงรายพบผู้ป่วยจากโรคหัดเพิ่มขึ้น กลุ่มเสี่ยงควรเข้ารับวัคซีนให้ครบ
สถานการณ์โรคหัดถูกจับตาอีกครั้ง หลังรองโฆษกรัฐบาลเผยว่าประเทศเพื่อนบ้านมีการระบาดเพิ่มขึ้น และไทยเองมีผู้ป่วยสงสัยโรคหัดและหัดเยอรมันสะสม 1,928 รายในปี 2568 ทั้งนี้ 1 ใน 4 ของผู้ป่วยโรคหัดมีความเชื่อมโยงทางระบาดวิทยา จำนวน 511 ราย มีภาวะปอดอักเสบ 23 ราย โดยในเดือน กันยายน – ตุลาคม 2568 พบรายงานผู้ป่วยสงสัยโรคหัดจำนวน 46 ราย พบได้ทั้งใน เด็กเล็ก เด็กโต และผู้ใหญ่ ซึ่งพบประปรายในจังหวัดระยอง พิษณุโลก หนองคาย อำนาจเจริญ นครปฐม ยะลา นราธิวาส นครศรีธรรมราช และสงขลา

ผู้ป่วยมักพบกระจายหลายจังหวัดทั่วประเทศ และมีการเพิ่มขึ้นชัดเจนในเชียงราย ทั้งในโรงพยาบาลและชุมชน โดยผู้ป่วยบางรายเกี่ยวข้องกับการระบาดในแขวงบ่อแก้วของ สปป.ลาว รวมถึงผู้ติดเชื้อจากลาวที่เข้ามารักษาในไทย
แม้ไทยมีมาตรการควบคุมด้วยวัคซีน MMR แต่ขณะนี้หลายจังหวัดยังมีอัตราการได้รับวัคซีนต่ำกว่าเกณฑ์ 95% ซึ่งเสี่ยงทำให้โรคกลับมาระบาดได้ จึงขอให้ผู้ปกครองเร่งพาเด็กเข้ารับวัคซีนให้ครบ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและลดการแพร่เชื้อในชุมชนต่อไป

สำหรับคำแนะนำประชาชนป้องกันโรคหัด มีดังนี้
1. นำเด็กเข้ารับวัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน (MMR) ตามเกณฑ์ที่กำหนด สำหรับพื้นพื้นที่ที่ไม่มีการระบาด แพทย์อาจพิจารณาให้เข็มแรกในช่วงอายุ 9-12 เดือน หากเด็กยังรับวัคซีนไม่ครบ 2 เข็ม ขอให้ผู้ปกครองพาเข้า
รับวัคซีนให้ครบโดยเร็วที่สุด
2. หลีกเลี่ยงสถานที่คนพลุกพล่านในพื้นที่ระบาด สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่างจากผู้อื่น
3. สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรคหัด และไม่เคยรับวัดขึ้น ควรฉีดวัดซีนป้องกันโรคหัด และหัดเยอรมัน ให้ครบ 2 เข็ม หรืออย่างน้อย 1 เข็ม ก่อนการเดินทางอย่างน้อย 2 สัปดาห์
4. กรณีเดินทางกลับจากประเทศที่มีการระบาดของโรค เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย เวียดนาม กัมพูชา ฟิลิปปินส์ สปป.ลาว (ข้อมูล ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568) ให้สังเกตอาการผิดปกติ เช่น มีใช้ ผื่น ตาแดง น้ำมูกไหล มีจุดขาวเล็กๆ ขอบสีแดงในกระพุ้งแก้ม ควรรีบพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการ เดินทางและสวมหน้ากากอนามัยหากมีอาการป่วย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ เนื่องจากโรคนี้ค่อนข้างแพร่เร็วผ่านการจาม ไอ พ่นของเหลว กระจายฝุ่น พูดคุย หรือกิจกรรมใดๆ ที่ก่อให้เกิดละอองฝอย
- ประชาชนควรติดตามข่าวสารและเฝ้าสังเกตอาการของตนเองและบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการระบาดและลดความเสี่ยงจากโรคหัด
หน่วยงานที่ตรวจสอบกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
ขอบคุณ : ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม






















