วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระบรมราชโองการ ประกาศถวายพระราชสมัญญา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาธีรราชเจ้า โดยมีเนื้อหาดังนี้
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า
โดยที่ ทรงพระราชอนุสรณ์คำนึงถึงพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 6 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ สมเด็จพระบรมอัยกาธิราช ผู้ทรงกอปรด้วยพระบรมราชอัจฉริยคุณ เป็นมหาบุรุษจอมปราชญ์ ทรงทศพิธราชธรรมจริยาสถาวร มิหวั่นไหว ทรงอธิษฐานพระราชหฤทัยในทางบำรุงราชอาณาจักรให้บรรลุถึงความเป็นอารยประเทศในเวทีสากล มีพระราชกมลมั่นคงในพระบวรพุทธศาสนา เป็นอัครพุทธศาสนูปถัมภก ผู้พระราชทานอารักขามหาสังฆมณฑลให้ผาสุก ทรงปลุกชาติให้ชาวไทยมีน้ำใจสมัครสมานสามัคคี พร้อมพลีสรรพกำลังเพื่อบ้านเมือง ยังให้สยามรัฐสีมารุ่งเรืองด้วยสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จัดระเบียบเข้าเป็นธงไตรรงค์ซึ่งทรงประดิษฐ์ อีกทั้งทรงผูกราชสัมพันธมิตรกับนานามหาประเทศ ทรงมีสายพระเนตรสอดส่องการณ์ไกลในเชิงยุทธศาสตร์ สามารถวินิจฉัยเข้าร่วมการพระราชสงครามทวีปยุโรป กระทั่งสยามได้รับชัยชนะ เป็นปฐมบทแห่งการปลดเปลื้องภาวะบกพร่องของอิสราธิปไตย อันมีมูลเหตุมาในสนธิสัญญาไม่เป็นธรรมที่ผูกมัดไว้กับมหาประเทศได้หมดสิ้น
ทรงเป็นอัจฉริยศิลปินผู้เชี่ยวชาญศิลปวิทยาหลากสาขา ทรงวางรากฐานและพัฒนาระบบการศึกษาทุกช่วงชั้นนับแต่ขั้นประถมกระทั่งถึงอุดมศึกษา ทรงกำหนดแนวพระราชนิยมผสมผสานความเป็นไทยประยุกต์เข้าไว้ในวัฒนธรรมสากลอย่างแยบคายขยายเป็นการเสริมสร้างคุณลักษณะที่พึงประสงค์สำหรับราษฎรในยุคใหม่ ทรงประสิทธิ์ประสาทให้ประเทศชาติมั่นคงก้าวหน้าด้วยโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม การสาธารณูปโภค สาธารณูปการและระบบการเงินการธนาคารสมัยใหม่ พระบารมีธรรมทุกสถานที่ทรงสั่งสมไว้มากเหลือคณานับ ประดุจรัตนวราภรณ์ประดับพระเกียรติคุณอลังการ เป็นสักขีพยานแห่งพระราชอัจฉริยลักษณ์ ที่ชาวโลกประจักษ์สรรเสริญ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ จึงประกาศถวายราชสดุดีเมื่อวาระคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 100 ปี ว่าทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก
ปรารถเหตุดั่งนี้ รัชสมัยของพระองค์จึ่งยิ่งยงวัฒนารุ่งเรืองงาม ยังให้มหาชนชาวสยาม ถึงความผาสุกสืบมาตราบเท่าทุกวันนี้ โดยยังมิได้มีการประกาศพระราชสมัญญาให้สมควรเพื่อสนองพระเดชพระคุณเฉลิมพระเกียรติยศ ให้ปรากฏแผ่ไพศาลยิ่งขึ้น จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ถวายพระราชสมัญญาแด่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่า พระมหาธีรราชเจ้า ขอให้พระเกียรติคุณวิบุลยศแห่งพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาธีรราชเจ้า ปรากฏแผ่ไพศาลไปในสากลจักรวาลตราบจิรัฏฐิติกาล นิรันดร เทอญ
ประกาศ ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2560 เป็นปีที่ 10 ในรัชกาลปัจจุบัน
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ยังได้เผยแพร่ พระบรมราชโองการประกาศสถาปนา สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา มีเนื้อหาดังนี้
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า
สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประสูติแต่พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี เมื่อวันอังคารที่ พฤศจิกายน พุทธศักราช 2468 ได้ทรงยังความโสมนัสพระราชหฤทัยให้บังเกิดแต่สมเด็จพระบรมชนกนาถ เป็นพระปีติสุดท้ายก่อนเสด็จสวรรคตในวันรุ่งขึ้น หากทรงพระเจริญขึ้นในรัชสมัยแห่งสมเด็จพระบรมชนกนาถ คงได้ทรงรับพระราชทานเฉลิมพระอิสริยยศพระอิสริยศักดิ์สมกับพระราชหฤทัยสนิทเสน่หา แม้สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีมิอาจได้ทรงมีโอกาสเช่นนั้นในพระชนมชีพ หากกลับทรงพระกตัญญูกตเวทิตาธรรมอย่างยวดยิ่งเมื่อทรงศึกษาและซาบซึ้งว่าสมเด็จพระบรมชนกนาถ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจไว้ในสิ่งหนึ่งประการใด ก็ทรงเอาพระหฤทัยใส่สืบสาน รักษา และต่อยอดทุกสิ่งอันในประการนั้นอย่างมั่นคง
ทรงดำรงพระองค์เป็นแบบอย่างของอุบาสิกาผู้ครองธรรมจริยาอย่างงดงามพิสุทธิ์ ด้วยพระวิริยขันตยาทิคุณ มีพระจริยวัตร อัธยาศัยละมุนละม่อมสุวภาพ สมเป็นสุขุมาลขัตติยชาติ ทรงพากเพียรประกาศความเป็นไทยและพระเกียรติคุณของสมเด็จพระบุพการี บริบูรณ์ด้วยพระกรุณาปรานีเหลือคณานับต่อประเทศชาติ และประชาชน อันมีเหตุมาแต่พระกมลซึ่งเต็มเปี่ยมด้วยความจงรักภักดีอย่างมั่นคงต่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กับทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัยสนิท ดั่งที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาพระเกียรติยศพระศพให้ได้ทรงสัปตปฎลเศวตฉัตร ไว้เป็นคำรบหนึ่งแล้วเมื่อพุทธศักราช 2555 ครั้นถึงรัชกาลปัจจุบันก็เป็นที่ทรงนับถือยิ่งในพระฐานะสมเด็จพระราชปิตุจฉา บัดนี้ บรรจบอภิลักขิตสมัย 100 ปีแห่งวันประสูติ สมควรจะยกย่องเชิดชูพระเกียรติยศตามโบราณราชประเพณี
จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิเป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายใน มีพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา
ขอให้พระเกียรติคุณวิบุลยศแห่งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา ปรากฏแผ่ไพศาลไปในสากลจักรวาลตราบจิรัฏฐิติกาล นิรันดร เทอญ




















