วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า วิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่ เป็นบทพิสูจน์ภาวะผู้นำของอนุทิน ทุกครั้งที่เกิดวิกฤต จะเห็นความสามารถในการบริหารจัดการต่างจากภาวะปกติ ระบุว่า
วิฤกตน้ำท่วมหาดใหญ่ กับภาวะผู้นำของอนุทิน
ทุกครั้งที่มีวิกฤตเกิดขึ้น จะเป็นบทพิสูจน์ถึงภาวะผู้นำประเทศเสมอ
ในภาวะปกติ ผู้นำจะทำพูด แสดงท่าทีสวยหรูอย่างไรย่อมทำได้
จึงขอให้ดูภาวะผู้นำของนายกฯ อนุทิน กับการบริหารจัดการน้ำท่วมที่หาดใหญ่ครั้งนี้
นายกอนุทินฯ ลงพื้นที่หาดใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
แล้วรีบกลับมากรุงเทพฯ วันอาทิตย์ เพื่อเปิดตัว ส.ส. ที่ดูดมาเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย
จากนั้นลงไปอีกครั้งในวันเดียวกัน ด้วยลีลานักการเมือง ขึ้นรถ ตรวจงาน แจกของ ส่งอาหาร ผัดกับข้าวโชว์
พร้อมประกาศว่า น้ำท่วมหาดใหญ่วันอังคารจะลดลง สามารถควบคุมได้ จบแล้ว
แต่หารู้ไม่ การเป็นผู้นำต้องมีข้อมูลรอบด้าน ประมวลไม่ครบ ประเมินไม่ถูก
ครั้งนี้หาดใหญ่มีน้ำมา 2 ระลอก
โดยรอบแรกจากคอหงษ์ ประกอบกับฝนตกมาตลอดตั้งแต่วันพุธที่ 19 ต่อเนื่องถึงวันเสาร์ที่ 22
และรอบสองน้ำมาจากสะเดา
เมื่อผู้นำพูดไปในวันอาทิตย์โดยไม่มีข้อมูล ไม่เอาใจใส่ ไม่ศึกษา
ในคืนวันอาทิตย์เที่ยงคืนนั่นเอง มวลน้ำขนาดมหึมาไหลบ่าเข้าหาดใหญ่ สวนทางกับที่นายกฯ อนุทินบอก
วันจันทร์น้ำท่วมมิดโดยไม่มีการประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้า เพราะลั่นไว้ว่า ไม่มีปัญหา
ชาวบ้านจึงไม่มีใครระวังตัว ติดอยู่ในพื้นที่เกือบแสนคน ร้องระงมขอความช่วยเหลือ
เหตุการณ์หนักต่อเนื่องไปถึงคืนวันจันทร์ที่ 24
รัฐบาลประกาศอพยพในวันที่น้ำท่วมเต็มพื้นที่แล้ว
จะอพยพด้วยอะไร?
ในเมื่อทุกคนติดอยู่ในบ้าน ไม่มีข้าว ไม่มีน้ำ ขาดการติดต่อสื่อสาร
การประกาศอพยพต้องมาก่อนล่วงหน้า ไม่ใช่ปล่อยให้ท่วมหนักแล้วค่อยมาบอก
นายกฯ อนุทินมอบหมายให้ ธรรมนัส เป็นผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศนภ.)
มีการประชุมวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ แต่ไม่มีธรรมนัส ตอบ
นายกฯ ยังคิดว่า ธรรมนัสอยู่หาดใหญ่ ทั้งๆ ที่ตัวธรรมนัสไปอยู่ที่เชียงใหม่
เป็นคนสั่งแต่งตั้งเองแท้ๆ แต่ยังไม่รู้ว่าธรรมนัสอยู่ไหน? เมื่อธรรมนัสอยู่เหนือ แต่ไปแต่งตั้งให้อำนวยการน้ำท่วมที่ภาคใต้ อย่างนี้จะไปบริหารจัดการอะไรได้?
นี่เป็น วิฤกตมหาอุทกภัยหาดใหญ่ แต่ต่อมเอ๊ะไม่มี กระตุกไม่รู้เรื่อง ยังคิดว่าเป็นน้ำท่วมปกติ
ทั้งที่ล้อมรอบด้วยผู้เชี่ยวชาญงบประมาณ ใช้เวลาพิจารณางบแข่งขัน MotoGP รวดเร็ว 5 วัน ฟาดไป 4,000 ล้าน
ตอนที่บอกว่า โควิดกระจอก ก็ปากไวจนพาพังมาแล้ว
อย่างนี้ทำงานเป็นหรือเปล่า?
ชาวบ้านคิดเอาเอง
ภาวะผู้นำต้องรู้ ต้องบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินได้
ตั้ง วอร์รูมบัญชาการ พร้อมผู้เชี่ยวชาญครบทุกฝ่าย ไม่ใช่เฉลี่ยให้อำนาจกันจนครบ ทั้งข้าราชการ ทหาร นักการเมือง
แต่ไม่รู้ใครสั่งการใหญ่สุด ยิ่งทำงานลำบากขึ้นไปอีก
ต้องวางแผนงานลำดับขั้นตอนการสั่งการให้เป็นระบบล่วงหน้า ไม่ใช่มาต่างคนต่างสั่งเอาตอนท่วมหนัก
เพราะทุกอย่างมันลอยไปที่หาดใหญ่ไม่ได้ในทันที
นี่คือเหตุที่คนอย่าง เปิ้ล นาคร หรือ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ถึงกับต้องพูดออกมาจากใจพร้อมน้ำตาว่า มันไม่ไหวแล้ว
และเมื่อธรรมนัสมาด้วยสไตล์นักการเมืองอีกคน ก็แจกของพร้อมโวยวายว่า รือมีพอ ทำไมไม่ไป?
เสียงร้องโหยหวนขอความช่วยเหลือของชาวบ้านจึงดังระงมท่ามกลางความโกลาหล
ด้วยการบริหารจัดการของท่านผู้นำสาย สุขนิยม ที่มาเผชิญหน้ากับ วิฤกตน้ำท่วมหนักที่หาดใหญ่
เราจึงรู้ว่านายกฯ หนู ทำงานไม่เป็น และไม่มีข้อมูลในการแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที
ที่สำคัญ ยังไม่รู้ตัวว่าทำอะไรอยู่
สะท้อนให้เห็นว่าเมื่อเจอกับของจริงอย่างภัยธรรมชาติ ยังรับมือไม่ได้ และไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร ไม่รู้แม้กระทั่งต้องทำอย่างไร
ประชาชนได้เห็นเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า ภาวะผู้นำ มีขนาดไหน เพราะที่ผ่านมา อุ้มบุญ มาตลอด
แต่งานนี้จะทำให้ประชาชนตาสว่าง แล้วเห็นเอาเองตามไทม์ไลน์คำพูดท่าทีของนายกฯ ที่ชื่ออนุทิน
ว่าเหมาะสมจะเป็นนายกฯ ต่ออีกสมัยหรือไม่?
ไม่วิจารณ์มากกว่านี้ ดูเอาเองแล้วกัน



















