ผักนักฆ่าน้ำตาล สมุนไพรไทยพื้นบ้านที่เบาหวานกลัว นักวิจัยญี่ปุ่นยังยกย่องสรรพคุณ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
“ผักเชียงดา” หรือที่บางท้องถิ่นเรียกว่า “ผักจินดา” พืชเถาเลื้อยพื้นบ้านภาคเหนือของไทย ที่นอกจากจะอร่อยในเมนูพื้นเมืองแล้ว ยังถูกขนานนามว่าเป็น “นักฆ่าน้ำตาล” (Sugar Killer) เพราะมีงานวิจัยทั้งในไทยและต่างประเทศยืนยันสรรพคุณด้านการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ผักเชียงดาไทย ชื่อวิทยาศาสตร์: Gymnema inodorum (Lour.) Decne. อยู่ในวงศ์ APOCYNACEAE (ตระกูลเดียวกับมะลิ) เป็นไม้เถาเลื้อย ใบเดี่ยวรูปหอก สีเขียวเข้มเป็นมัน ออกดอกเล็กสีขาว–เหลืองอ่อน ยอดอ่อนและใบอ่อนนิยมนำมาลวกจิ้มน้ำพริก แกงส้ม แกงเลียง หรือผัดใส่ไข่
ต้นเชียงดา
สรรพคุณทางยา
ปัจจุบันผักเชียงดาไม่ได้เป็นแค่ผักพื้นบ้านในภาคเหนือ แต่ถูกพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น ชา เครื่องดื่ม และอาหารเสริมควบคุมน้ำตาล จนได้รับความสนใจในตลาดญี่ปุ่นและยุโรป
นักวิจัยพบว่าในผักเชียงดามี สารกลุ่มไตรเทอร์ปีนซาโปนิน (Gymnemic acid) ที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย
ลดการดูดซึมน้ำตาลกลูโคสจากลำไส้เล็ก
ยับยั้งเอนไซม์อัลฟาอะไมเลส และอัลฟากลูโคซิเดส ที่เกี่ยวข้องกับการย่อยแป้ง
กระตุ้นให้ตับอ่อนสร้างและซ่อมแซมเบต้าเซลล์ ช่วยเพิ่มการหลั่งอินซูลิน
มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ลดการอักเสบ ชะลอความเสื่อมของเซลล์
ช่วยลดไขมันและความดันโลหิต


นักวิจัยญี่ปุ่นที่ศึกษาในเชียงใหม่ พบว่าใบเชียงดาช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล และมีการนำไปผลิตเป็นชาเพื่อควบคุมเบาหวาน พร้อมจดสิทธิบัตรในยุโรป
การศึกษาในสัตว์ทดลองและคนปกติ พบว่า ชาเชียงดา สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้จริง โดยฤทธิ์แปรผันตามขนาดที่ดื่ม
การทดลองในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่าชาเชียงดาเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการรักษา แต่สามารถใช้เป็น “ตัวช่วยเสริม” ในการควบคุมระดับน้ำตาลได้
ข้อควรระวัง
แม้ผักเชียงดาจะถูกกินเป็นผักพื้นบ้านมานานและยังไม่พบพิษร้ายแรง แต่ก็มีข้อที่ควรใส่ใจ:
ห้ามใช้กับเด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร เพราะยังไม่มีข้อมูลความปลอดภัยเพียงพอ
ห้ามใช้หากแพ้พืชวงศ์โฮย่า (เช่น ตีนเป็ด นมตำเลีย)
ควรระวังเมื่อรับประทานร่วมกับยาเบาหวานหรืออินซูลิน เพราะอาจเสริมฤทธิ์จนทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป


















