น.ส.พรีม อายุ 23 ปี นักศึกษาปี4 มหาวิทยาลัยชื่อดัง นำหลักฐานเข้าร้องเรียนกับ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิ พร้อมทั้งยืนยันที่ออกมาพูด ไม่ได้ต้องการทำร้ายฝ่ายชาย ไม่ได้ต้องการสร้างปัญหาหรือเกาะกระแสแต่อย่างใด แต่ต้องการความยุติธรรมในฐานะคนๆหนึ่งที่เคยทุ่มเทความรักและความหวังดีให้กับนักแสดงแฟนหนุ่มฝ่ายชายแค่นั้น
ตลอดเวลาที่คบกันมา 4 ปี ดูแลฝ่ายชายทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ที่พัก อาหาร การเดินทาง รวมถึงการสนับสนุนเรื่องงานและการเรียน เพราะคิดว่าฝ่ายชายไม่มีใครในกรุงเทพฯ และอยากเป็นที่พึ่งให้กับคนที่เรารัก
น.ส.พรีม กล่าวด้วยว่า ทำทุกอย่างด้วยความเต็มใจไม่เคยคิดว่าต้องมาทวงคืน แต่เหตุการณ์หลังจากเลิกกัน ทั้งการผิดคำพูด การไปคุยกับมือที่สามในเวลาไม่ถึงเดือน สิ่งที่เสียใจที่สุดคือในระหว่างที่ยังคบกันอยู่ ตัวเองจับได้ว่าฝ่ายชายนอกใจไปยุ่งกับมือที่สาม ซึ่งตอนนั้นทั้งฝ่ายชายและมือที่สาม ยืนยันกับพรีมว่าไม่มีอะไรเกินเลย ทำให้พรีมก็เชื่อเลือกยอมถอย เพราะอยากจบทุกอย่างด้วยเพราะความรักที่มีให้ฝ่ายชาย แต่ความจริงที่เกิดขึ้นกลับไม่ใช่อย่างนั้น
ทำให้รู้สึกชัดเจนว่า เขาไม่ได้ซื่อสัตย์ตั้งแต่แรกแถมบล็อกหนีพรีมทุกช่องทาง ทำให้รู้สึกว่าตัวเองถูกเอาเปรียบและไม่ได้รับความจริงใจ ทั้งๆที่คอยช่วยเหลือและหวังดีกับเขาทุกอย่าง
พรีม บอกว่า ของที่เคยให้ด้วยความเสน่หาไม่ต้องการเอาคืน แต่สิ่งที่ต้องการมีแค่ค่าใช้จ่ายตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ซึ่งเขาไม่เคยออกค่าใช่จ่ายอะไรเลย รวมถึงเงินที่เขายืมเป็นครั้งคราว ซึ่งเขาเป็นฝ่ายพูดเองว่าจะคืนให้
ตลอดเวลาที่เกิดเรื่อง ได้พยายามติดต่อฝ่ายชายและติดต่อผู้จัดการ ติดต่อคนรอบตัวเขาแต่ก็ถูกบล็อก หรือเพิกเฉยทั้งหมด เลยต้องออกมาพูดตรงนี้ เพราะไม่มีช่องทางไหนที่เขาพร้อมจะรับผิดชอบหรือคุยกับหนูอย่างลูกผู้ชายเลย
ไม่ได้ต้องการให้นักแสดงหนุ่มคนนี้เสียอนาคตหรือเดือดร้อน แค่อยากให้เขามีความรับผิดชอบในสิ่งที่เคยพูดไว้ และอยากให้สังคมเข้าใจว่าตนไม่ได้สร้างเรื่อง แต่กำลังทวงสิ่งที่เป็นธรรมสำหรับตัวเองเท่านั้น
โดยหลังฝ่ายชายบอกเลิกเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้เจ้าตัวรู้สึกเสียใจอย่างมากจนป่วยเป็นโรคแพนิก ต้องไปหาหมอรับยามากินด้วย
ทั้งนี้ทางด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้น รู้สึกสงสารและเห็นใจแต่ในทางกฎหมายคงเรียกร้องอะไรกับเขาไม่ได้เพราะว่าผู้เสียหายเองให้ไปด้วยความเสน่หาและความรักที่มีต่อนักแสดงหนุ่มเอง
แต่จากการดูเอกสารหลักฐานต่างๆ พบว่าการแชทข้อความล่าสุด หนุ่มนักแสดงรายนี้พร้อมรับผิดชอบคืนเงินในส่วนที่ผู้เสียหายเรียกร้อง ต้องปล่อยให้ทางผู้เสียหายไปฟ้องทางแพ่ง แต่ทางที่ดีอยากให้นักแสดงรายนี้ออกมารับผิดชอบคืนค่าเสียหาย ในส่วนที่ควรจะคืนต่างคนจะได้ต่างอยู่กันไป
