Home ข่าว สุขภาพ 2 ใบไม้สู้ “โรคเกาต์” ช่วยขับกรดยูริก ผักพื้นบ้านประโยชน์มหาศาล ปลูกง่ายขายไม่แพง

2 ใบไม้สู้ “โรคเกาต์” ช่วยขับกรดยูริก ผักพื้นบ้านประโยชน์มหาศาล ปลูกง่ายขายไม่แพง

123

2 ใบไม้สู้ “โรคเกาต์” ช่วยขับกรดยูริก ผักพื้นบ้านประโยชน์มหาศาล ปลูกง่ายขายไม่แพง

เมื่อพูดถึงโรคเกาต์ หรือภาวะกรดยูริกสูง หลายคนมักนึกถึงการงดเนื้อแดง เครื่องในสัตว์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ทราบหรือไม่ว่า ใบโหระพา และ ใบชิโซะ ซึ่งเป็นผักที่หาซื้อง่ายและราคาไม่แพง ก็มีส่วนช่วยสนับสนุนการขับกรดยูริกออกจากร่างกายได้อย่างน่าทึ่ง

ใบชิโสะ (ใบงาขี้ม่อน)

วารสาร Journal of Ethnopharmacology (สหราชอาณาจักร) ระบุว่า สารสกัดจากใบชิโสะมีสารออกฤทธิ์สำคัญอย่าง กรดโรสมารินิก (rosmarinic acid) และฟลาโวนอยด์ตามธรรมชาติ สารเหล่านี้มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยยับยั้งเอนไซม์ แซนทีนออกซิเดส (xanthine oxidase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีส่วนร่วมในการผลิตกรดยูริกในร่างกาย

การเพิ่มใบชิโสะในมื้ออาหาร จึงสามารถช่วยลดระดับกรดยูริกในเลือดตามกลไกธรรมชาติได้ นายแพทย์ วิลเลียม หลี (William Li) ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการในสหรัฐฯ กล่าวว่า พืชอย่างใบชิโสะไม่เพียงช่วยควบคุมกรดยูริก แต่ยังช่วยต้านการอักเสบ และปกป้องหลอดเลือด ตับ และไตอีกด้วย

วิธีที่นิยมใช้คือการต้มน้ำดื่ม โดยใช้ใบสดประมาณ 10-15 ใบ ล้างให้สะอาด ต้มกับน้ำ 300 มล. เป็นเวลา 10 นาที แล้วดื่มอุ่นๆ ทุกวัน อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังคือไม่ควรใช้มากเกินไป โดยเฉพาะกับผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ และห้ามใช้ร่วมกับยาหรือสมุนไพรอื่นตามอำเภอใจ เพราะอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยาได้

ชิโสะ

โหระพา

ตามศาสตร์การแพทย์แผนตะวันออก โหระพามีรสเผ็ด ฤทธิ์อุ่น มีกลิ่นหอม ช่วยขับปัสสาวะ ขับสารพิษ กระตุ้นการย่อยอาหาร และลดการอักเสบ คุณสมบัติอุ่นของโหระพาช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น และลดอาการปวดเมื่อยตามข้อ

ในทางการวิจัยสมัยใหม่ โหระพามีสารประกอบล้ำค่ามากมาย เช่น ฟลาโวนอยด์, ยูจีนอล (eugenol), ลูทีโอลิน (luteolin) และกรดโรสมารินิก ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายระหว่างกระบวนการเผาผลาญพิวรีน ซึ่งเป็นสาเหตุของการก่อตัวของกรดยูริก

การศึกษาชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัย Burdwan (อินเดีย) พบว่า สาร ยูจีนอล (eugenol) ในใบโหระพาสามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์แซนทีนออกซิเดสได้เช่นกัน เมื่อเอนไซม์นี้ถูกยับยั้ง ปริมาณกรดยูริกที่ผลิตขึ้นจะลดลงอย่างมาก จึงช่วยจำกัดความเสี่ยงของภาวะกรดยูริกในเลือดสูง

นอกจากนี้ การวิจัยของสถาบันวิทยาศาสตร์เภสัชกรรมแห่งอินโดนีเซียยังระบุด้วยว่า สารสกัดจากใบโหระพาช่วยเพิ่มความสามารถในการกรองของไต และสนับสนุนการขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะ

ข้อควรระวังและการใช้ร่วมกับการรักษาโรคเกาต์ โหระพาและใบชิโสะเป็นเพียง “ตัวช่วยเสริม” ไม่สามารถใช้แทนยารักษาโรคเกาต์หรือยาลดกรดยูริกที่แพทย์สั่งได้ ผู้ที่ทานยาโรคเกาต์ ยาขับปัสสาวะ ยาละลายลิ่มเลือด หรือมียาประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้สมุนไพรควบคู่ หากมีอาการปวดข้อรุนแรง ข้อบวมแดง มีไข้ หรือปวดซ้ำบ่อย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย ไม่ควรพึ่งแต่สมุนไพรอย่างเดียว ผู้ที่แพ้พืชตระกูลใบหอม (เช่น โหระพา กะเพรา สะระแหน่) ควรหลีกเลี่ยง ดูแลกรดยูริกให้สมดุล ต้องไม่ลืมเรื่องอาหารและไลฟ์สไตล์

ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและโภชนาการเน้นตรงกันว่า การใช้โหระพาหรือใบชิโสะจะได้ผลดีขึ้นเมื่อทำควบคู่กับการดูแลตัวเองด้านอื่น ๆ ได้แก่:

ลดอาหารที่มีพิวรีนสูง เช่น เครื่องในสัตว์ เนื้อแดงบางชนิด อาหารทะเลบางประเภท จำกัดหรือหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และน้ำอัดลม ดื่มน้ำสะอาดวันละ 1.5–2 ลิตร เพื่อช่วยให้ไตขับกรดยูริกได้ดีขึ้น ควบคุมน้ำหนักตัว และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อลดภาวะดื้อต่ออินซูลินซึ่งเกี่ยวข้องกับกรดยูริกสูง

สรุป

โหระพาและใบชิโสะแม้จะเป็นแค่ผักเคียงในจานอาหาร แต่จากข้อมูลทั้งในเชิงภูมิปัญญาพื้นบ้านและงานวิจัยสมัยใหม่ต่างชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า พืชทั้งสองชนิดนี้มีศักยภาพช่วยต้านอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ และอาจช่วยลดระดับกรดยูริกได้ เมื่อใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและการรักษาที่เหมาะสม จึงถือเป็น “ตัวช่วยราคาหลักสิบ” ที่น่าหยิบมาใส่จานบ่อยขึ้นสำหรับคนที่ห่วงใยสุขภาพข้อและไตของตัวเอง