เรียกได้ว่าเป็นข่าวสะเทือนใจรับปลายปี สำหรับคนทำงานในภาคอุตสาหกรรม เมื่อโรงงานเย็บผ้าชื่อดังในจังหวัดนครปฐม ประกาศ “ปิดกิจการ” และเลิกจ้างพนักงานกว่า 606 ชีวิต หลังประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและคำสั่งซื้อลดลง
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ช่วงสายของวัน ผู้บริหารและฝ่ายบุคคลของบริษัทได้เรียกประชุมพนักงานทั้งหมด พร้อมประกาศอย่างเป็นทางการว่า บริษัทจำเป็นต้อง “เลิกจ้างทั้งหมด” เนื่องจากผลประกอบการไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และได้รับผลกระทบต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน ทำให้ไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ทันทีที่ประกาศจบ บรรยากาศภายในโรงงานเต็มไปด้วยความเงียบงัน พนักงานหลายคนถึงกับน้ำตาคลอ เพราะวันนี้คือ “วันทำงานวันสุดท้าย” ของพวกเขา ก่อนจะทยอยขึ้นรถบัสของบริษัทกลับบ้านด้วยความเศร้า
ต่อมา เจ้าหน้าที่จากสำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครปฐมได้เข้ามาชี้แจงขั้นตอนการขอรับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายแรงงาน และแนวทางขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานภายใน 30 วัน เพื่อให้พนักงานทุกคนได้รับเงินชดเชยจากกองทุนประกันสังคมในอัตรา 60% ของค่าจ้าง นาน 180 วัน
ภายหลังการชี้แจง พนักงานแต่ละคนทยอยเข้ารับ “เช็กค่าชดเชย” ซึ่งบริษัทจัดเตรียมไว้ครบถ้วน รวมมูลค่ากว่า 95 ล้านบาท โดยคำนวณตามอายุงาน ผู้ที่ทำงานเกิน 10 ปีได้รับชดเชย 300 วัน ส่วนผู้ที่ทำงานมากกว่า 25 ปีได้รับชดเชย 400 วัน พร้อมเงิน “ค่าตกใจ” เพิ่มอีก 1 เดือน 3 วัน
เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิกฤตเศรษฐกิจที่ยังคงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคแรงงานไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตที่ต้องพึ่งพาตลาดส่งออกเป็นหลัก