เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ดร.เกษม ศุภสิทธิ์ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพัทยา ในฐานะทนายความ ให้ความเห็นกรณี กัน จอมพลัง อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง และกลุ่มบุคคล ใช้รถแห่เปิดลำโพงเสียงดังโหยหวนคล้ายเสียงผี และเสียงเครื่องบิน F16 เพื่อจงใจให้เสียงกระจายไปยังชาวบ้านกัมพูชาในพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อข่มขู่กดดันให้หวาดกลัว
หลายฝ่ายมองว่าอาจเข้าข่ายการทรมานด้วยเสียง ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน และกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ อนุสัญญาต่อต้านการทรมาน ขององค์การสหประชาชาติ ที่ประเทศไทยเป็นภาคีและลงนามเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2550
ดร.เกษม กล่าวว่า การกระทำของ กัน จอมพลัง นั้น ไม่เข้าข่ายการทรมานตามกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะเป็นการเปิดเครื่องเสียงดังเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาพิเศษเพื่อให้ได้ข้อมูลหรือคำรับสารภาพจากประชาชนชาวกัมพูชา
ตามมาตรา 1.1 ของอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน การทรมานหมายถึง การกระทำใดๆ ที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานอย่างรุนแรง ไม่ว่าทางร่างกายหรือจิตใจ แก่บุคคลใดโดยเจตนา เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น การได้มาซึ่งข้อมูลหรือคำสารภาพจากบุคคลนั้นหรือบุคคลที่สาม เพื่อลงโทษ ข่มขู่ หรือบีบบังคับบุคคลนั้น หรือด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตามโดยอาศัยการเลือกปฏิบัติ ไม่รวมถึงความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นจาก หรือโดยปริยาย หรือโดยบังเอิญจากการลงโทษที่ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนคำถามว่าการเปิดเครื่องเสียงดังของ กัน จอมพลัง เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 370 หรือไม่ ดร.เกษม ชี้ว่า ไม่เข้าข่าย เพราะเป็นการกระทำโดยมีเหตุอันสมควร เพื่อให้ประชาชนชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ของประเทศไทย และเป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนคนไทยที่จะปกปักรักษาอาณาเขตของประเทศ
