Home ข่าว สุขภาพ ลูกสาวพูดไม่ออก ดูแลพ่อป่วยติดเตียง 15 ปี กลับยกมรดกทั้งหมดให้ลูกชาย สุดท้ายคดีพลิก

ลูกสาวพูดไม่ออก ดูแลพ่อป่วยติดเตียง 15 ปี กลับยกมรดกทั้งหมดให้ลูกชาย สุดท้ายคดีพลิก

133

ตลอดเวลากว่า 10 ปี ลูกสาวสองคนผลัดกันดูแล พ่อที่ป่วยติดเตียง ทั้งอาบน้ำ ป้อนข้าว พลิกตัว โดยไม่เคยบ่นสักคำ แต่เมื่อพ่อเสียชีวิต พวกเธอกลับได้รับเพียงคำพูดเดียวว่า “ทรัพย์สินทั้งหมดยกให้ลูกชาย”

ตามคำบอกเล่าของ หลี่ อี้หลิน หัวหน้าสำนักงานกฎหมายฮวาหนี จากไต้หวัน เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อราว 10 ปีก่อน ตอนที่เธอรับคดีมรดกคดีหนึ่ง พ่อของครอบครัวนี้ป่วยตั้งแต่อายุ 60 ปี และต้องนอนติดเตียงนานถึง 15 ปี ก่อนจะเสียชีวิตในวัย 75 ปี ระหว่างนั้น ภรรยาก็สุขภาพไม่ดีพอจะดูแล ส่วนลูกชายที่เป็นครูสอนคณิตศาสตร์ในโรงเรียนมัธยมและจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ กลับปฏิเสธที่จะดูแลพ่อ โดยอ้างว่า “ไม่มีเวลา เพราะต้องไปสอนหนังสือ” สุดท้ายลูกสาวทั้งสองจึงต้องผลัดกันรับผิดชอบทุกอย่าง

ทั้งคู่เป็นเพียงหญิงธรรมดาที่เรียนจบมัธยมต้น ทำงานช่วยครอบครัวก่อนแต่งงาน แม้ภาระงานและครอบครัวจะมาก แต่พวกเธอก็ยังจัดสรรเวลาเพื่อกลับมาดูแลพ่ออย่างไม่ขาด ตลอดหลายปี ลูกชายแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย

มรดกยกให้ลูกชายคนเดียว

หลังแม่เสียชีวิตได้เพียงหนึ่งปี พ่อก็จากไป ในงานศพ ลูกชายเอ่ยคำแรกว่า “พ่อบอกไว้แล้วว่า ทรัพย์สินทั้งหมดให้ผม” และเป็นจริงตามนั้น ก่อนเสียชีวิต พ่อได้ย้ำหลายครั้งว่า “ที่ดินและบ้านของบรรพบุรุษต้องยกให้ลูกชาย” ลูกสาวทั้งสองไม่โต้เถียง ไม่เรียกร้องใด ๆ กลับยินยอมเซ็นเอกสารสละสิทธิ์มรดก พร้อมพูดเพียงว่า “การดูแลพ่อแม่คือหน้าที่ของลูก ไม่เคยทำเพราะหวังทรัพย์สิน”

แต่สิ่งที่ลูกชายไม่เคยรู้ คือกว่า 10 ปีที่พ่อป่วย ค่ารักษา ค่ายา และค่าใช้จ่ายทั้งหมด ล้วนมาจากเงินของลูกสาวทั้งสองที่ช่วยกันออก

สุดท้ายมรดกวนกลับมาหาลูกสาว

สิบปีต่อมา โชคชะตาก็หมุนวนกลับอีกครั้ง ลูกชายคนเล็กของครอบครัวเสียชีวิตกะทันหันจากโรคหัวใจขณะกำลังสอนหนังสือ เขายังโสด ไม่มีลูก ทำให้ทรัพย์สินทั้งหมด ทั้งบ้านที่ดินของบรรพบุรุษซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 40 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 30 ล้านบาทไทย) รวมถึงคอนโดในไถจงและเงินออมกว่า 3 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ถูกส่งต่อให้พี่สาวทั้งสองโดยชอบธรรม