จากประเด็นเปิดด่านไทย-กัมพูชา พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวถึงกรณีการเปิดด่านว่า เข้าใจได้ว่าเพราะประเทศที่สาม เขาทำเพื่อประเทศเขา แต่เราก็ทำเพื่อประเทศเรา
อยากให้คิดถึงครอบครัวผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ทั้งประชาชนและทหาร กัมพูชาต้องสิ้นสภาพการเป็นภัยคุกคามกับไทย ถึงจะเริ่มเจรจา
และควรที่จะไปกดดันกัมพูชา เพราะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ขนกำลังมาประชิดชายแดน และหากกัมพูชามีการถอนกำลังออก ไทยมีความเป็นสุภาพบุรุษเพียงพอ
ไม่มีการตลบหลังแน่นอน และพร้อมที่จะถอนกำลังเช่นเดียวกัน และตนก็ไม่เห็นด้วย ที่มาบอกว่าพื้นที่ที่ไม่มีการปะทะ ให้เปิดด่านก่อน
เพราะฝ่ายตรงข้ามก็ยังเป็นกัมพูชาอยู่วันยังค่ำดังนั้นต้องทำทุกวิถีทางให้กัมพูชาสิ้นสภาพการเป็นภัยคุกคามต่อไทย จึงไม่ใช่ข้ออ้างที่จะมาเปิดด่านตรงจุดที่ไม่ปะทะ
และในวันนี้กัมพูชายังไม่มีความจริงใจ แต่ก็ให้โอกาสที่กัมพูชาระบุว่าจะทำตามข้อตกลง การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC)
พล.ต.วันชนะ กล่าวอีกว่า จะเห็นได้ว่าการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ในกรอบทวิภาคี จะโยนไปมาระหว่าง GBC RBC และ JBC ซึ่งหากปล่อยเอาไว้แบบนี้
ก็จะยื้อกันต่อไปเรื่อยๆ ปัญหาไม่จบ วันนี้ให้ไปสอบถามประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทุกคนอยากให้ปัญหาชายแดนจบเร็ว
คำว่ากัมพูชาสิ้นสภาพต่อภัยคุกคามต่อไทย ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำลายจนสิ้นซาก เพียงแต่จะต้อง ทำให้กัมพูชาได้รับผลกระทบ ทั้งกำลังทหาร เศรษฐกิจและความน่าเชื่อถือ
เพื่อลดทอนการเป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทยต่อไปในอนาคตได้ วันนี้ถอนเพียงอาวุธหนักออกจากพื้นที่ยังไม่เพียงพอ เพราะกำลังทหารยังคงอยู่ในพื้นที่
เช่นเดียวกับทางกัมพูชาเรียกร้องให้เราส่งเชลยศึกกลับไป แต่ในขณะเดียวกันยังมีกำลังเผชิญหน้าพร้อมที่จะปะทะกันอยู่ หากทางกัมพูชาต้องการตัวเชลยศึกเขาต้องถอนกำลังทหารกลับไป
ตนไม่ทราบว่าการเปิดด่านเป็นนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ แต่อยากให้คิดถึงประชาชนและทหารที่เสียชีวิต และบาดเจ็บรวมถึงครอบครัวของเขา
ขอบคุณข้อมูล: เรื่องเล่าเช้านี้