“Khmer Times” สื่อกัมพูชา ออกมาตั้งคำถามต่อความช่วยเหลือจากไทย ข้อตกลงการค้าและความร่วมมือทั้ง 7 ฉบับ ในสมัย รัฐบาลแพทองธาร ลงนามร่วมกันกับ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในโอกาสการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – กัมพูชา เมื่อเดือนเมษายน 2568 ที่ผ่านมา จะยังคงดำเนินการได้ต่อเนื่องหรือไม่? หลังจากศาลรัฐธรรมนูญของไทย มีมติให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 จากกรณีคลิปเสียงสนทนา กับ สมเด็จ ฮุนเซน
- 7 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา มีอะไรบ้าง
ย้อนกลับไปเมื่อ ระหว่างวันที่ 23-24 เมษายน 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ในโอกาสครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการระหว่างไทย – กัมพูชา
ซึ่ง นางสาวแพทองธาร และ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงสนาม บันทึกความเข้าใจ (MoU) จำนวน 7 ฉบับ และข้อตกลงอย่างเป็นทางการอื่น ๆ ขับเคลื่อนความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ พร้อมยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และการพัฒนา ยืนยันผลประโยชน์เพื่อประชาชนของทั้งสองประเทศ ณ วิมานสันติภาพ (Peace Palace)
1. บันทึกความตกลงว่าด้วยกรรมสิทธิ์ การใช้ การบริหาร และการบำรุงรักษาสะพานมิตรภาพไทย – กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน – สตึงบท)
2. บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสิ่งแวดล้อมราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยความร่วมมือด้านมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมข้ามแดน
3. หนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อปรับเปลี่ยนสาระสำคัญของความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานกัมพูชา – ไทย
4. บันทึกข้อตกลงด้านการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
5. บันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับกัมพูชาว่าด้วยความร่วมมือเรื่องแรงงานและการจัดทำข้อตกลงด้านการจ้างงานไทย – กัมพูชา
6. บันทึกการหารือ สำหรับการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่ราชอาณาจักรกัมพูชา สำหรับงานออกแบบรายละเอียดโครงการปรับปรุงถนนหมายเลข 57 (บ้านผักกาด – บ้านปรม จังหวัดไพลิน – ถนนหมายเลข 5 จังหวัดพระตะบอง) ราชอาณาจักรกัมพูชา
7. ความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาดอำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี
ด้านนาย Seun Sam นักวิเคราะห์จากราชวิทยาลัยแห่งกัมพูชา หรือ Royal Academy of Cambodia (RAC) กล่าวกับ Khmer Times ว่า แม้นายกรัฐมนตรีแพทองธารจะถูกถอดถอน แต่บันทึกความเข้าใจและข้อตกลงทั้ง 7 ฉบับยังคงมีผลบังคับใช้ เนื่องจากเป็นข้อตกลงระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล ไม่ใช่ข้อตกลงระหว่างบุคคลใด
พร้อมเน้นย้ำว่าข้อตกลงเหล่านี้เป็น ข้อตกลงระหว่างรัฐ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ดังนั้น การเปลี่ยนตัวผู้นำทางการเมืองของไทยไม่น่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อความต่อเนื่องของข้อตกลง เว้นแต่ทั้งสองรัฐบาลจะตัดสินใจเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งที่ยังคงมีอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตวามตึงเครียดบริเวณชายแดน ทำให้โครงการพัฒนาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องหยุดชะงักลงด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย จากความขัดแย้งของสองประเทศ จนเกิดเหตุปะทะกัน ซึ่งอาจทำให้โครงการโครงสร้างพื้นฐาน, การค้า, แรงงาน และการลงทุนข้ามพรมแดนล่าช้าออกไป
นักลงทุนและภาคธุรกิจกำลังจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะหากข้อตกลงเหล่านี้หยุดชะงักหรือถูกยกเลิก อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค การลงทุนจากต่างประเทศ และความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ การดำเนินโครงการต่อไปจะต้องไม่เพียงแต่ต้องมีเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังต้องมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้แน่ใจว่ามีความปลอดภัยตามแนวชายแดน เพื่อให้รัฐบาลทั้งสองประเทศสามารถปฏิบัติตามข้อตกลงได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
cr.ภาพ thaigov