เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 4 ส.ค. 2567 คุณหนุ่ม สามีของ ออฟฟี่ แม็กซิม เปิดใจกับ “ข่าวสดออนไลน์” หลังจากโพสต์เฟซบุ๊ก ตามหารถ Porche รุ่น boxster สีขาว หมายเลขทะเบียน ขษ 56 กรุงเทพมหานคร รถแสนรักของภรรยา ที่หายไปปริศนา หลังมีคนใกล้ชิด อ้างหวังดี จะเอารถไปต่อ พ.ร.บ.ภาษีรถยนต์

คุณหนุ่ม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลา 15:00 น. มีคนมารับออฟฟี่กลับบ้านไปดูแล จากนั้นเวลาประมาณ 2 ทุ่ม มีคนใกล้ชิดติดต่อมาหาตนว่าจะนำรถไปต่อ พ.ร.บ.ภาษีรถยนต์ให้ ด้วยความที่ตนรู้จักและไว้เนื้อเชื่อใจ จึงมอบกุญแจรถไปให้ เพราะคิดว่าน่าจะไม่มีอะไร

คุณหนุ่ม กล่าวต่อว่า เมื่อผ่านไปหลายวัน ตนเลยสงสัยจึงถามออฟฟี่ว่ารถหายไปไหน ซึ่งภรรยาตอบมาว่า “รถขายไปแล้ว” ตอนนั้นตนไม่เชื่อ เนื่องจากภรรยาเคยผ่าตัดสมองมา 2 ครั้ง เวลาพูดก็มีหลงลืมบ้างหรือพูดผิดพูดถูก จึงไม่ได้คิดว่าจะพูดจริง

คุณหนุ่ม กล่าวอีกว่า พอเวลาผ่านไปตนเริ่มสงสัยและพยายามติดต่อไปที่คนดูแลและคนใกล้ชิดที่อาสาจะนำรถไปต่อพ.ร.บ.ภาษีรถยนต์ ทุกคนก็บ่ายเบี่ยงไม่มีใครตอบคำถามอะไรตนเลย จนทำให้ตนกับอีกฝ่ายมีปัญหากัน

คุณหนุ่ม กล่าวต่อว่า ตนก็เริ่มคิดว่าหรือว่ารถมันจะหายไปจริงๆ ทุกคนก็ตอบว่า “ขายแล้ว” ตนเลยพยายามออกตามหา โดยปรึกษาทนายและตำรวจ ก็สืบทางโลกโซเชียลจนสุดท้ายมาทราบว่าบุคคลนี้ซื้อรถของตนไป ตนจึงอยากไปหาหรือเจรจากับผู้ซื้อ แต่ตนไม่มีเอกสารอะไรเลย มีเพียงการลงบันทึกประจำวันเอาไว้ที่ สน.สายไหม ว่ารถของตนหายไป

คุณหนุ่ม กล่าวอีกว่า เมื่อไปตรวจสอบก็พบว่าชื่อที่ครอบครองรถคันนี้ก็ยังเป็นชื่อของออฟฟี่อยู่ จากนั้นตนได้สอบถามคนที่ขายรถของตนไปว่า ถ้าหากขายรถไปจริง เอกสารการซื้อขายรถอยู่ที่ไหน ก็ได้รับคำตอบมาว่า เอกสารที่ขายรถนั้นฉีกทิ้งไปแล้ว

คุณหนุ่ม กล่าวต่อว่า ตนมองว่าถ้าการขายมันเป็นไปในทางที่ถูกต้อง ราคาที่ขายนั้นขายไปเท่าไหร่ ตอนนี้ตนไม่ทราบรายละเอียดอะไรเลย แม้จะพยายามสอบถามคนที่ขายไปแล้ว แต่อีกฝ่ายได้โอนเงินจำนวนหนึ่งเข้ามาในบัญชีของตน

คุณหนุ่ม กล่าวอีกว่า ตนจึงรีบไปลงบันทึกประจำวันกับตำรวจว่า มียอดเงินจำนวนเท่านี้เข้ามาในบัญชีและตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมกับมองว่าเป็นไปไม่ได้ที่รถราคา 6 ล้านบาท แต่ขายได้หลักแสน แล้วการขายในครั้งนี้จะสมบูรณ์ได้อย่างไร ในเมื่อออฟฟี่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ร่างกายซีกขวาไม่สามารถใช้งานได้

คุณหนุ่ม กล่าวต่อว่า ใครเป็นคนเซ็นเอกสารเหล่านั้น เนื่องจากตัวของออฟฟี่เป็นคนถนัดขวา ในวันที่ภรรยากลับมาหา ตนก็เห็นว่ามือของภรรยามีหมึกเปื้อนอยู่ที่นิ้วโป้งมือ ซึ่งตอนแรกที่เห็นคิดว่าเป็นการปั๊มลายนิ้วมือเพื่อทำเรื่องประกัน แต่ไม่คิดว่าเป็นการปั๊มเพื่อขายรถ

คุณหนุ่ม กล่าวอีกว่า อยากให้สังคมและคนที่เสพข่าวนี้ลองพิจารณาดูว่าสิ่งที่ทำมันถูกต้องทั้งหลักศีลธรรมและมนุษยธรรมหรือไม่ เพราะว่าคนป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ บางครั้งก็จำชื่อไม่ได้ เขาจะสามารถไปทำธุรกรรมเหล่านั้นได้ยังไง มาทำแบบนี้ไม่รู้สึกสงสารกันบ้างเหรอ

“ผมพยายามปกป้องทรัพย์สินของเขา แต่มีคนบางคนฉวยโอกาสในขณะที่เขาป่วยมาเอาของเขาไป แล้วแฟนผมที่ฟื้นขึ้นมาแล้วมารู้เรื่องแบบนี้ เขาจะรู้สึกยังไง เพราะว่ารถคันนี้เป็นรถคันที่ออฟฟี่รักมาก บางครั้งก็มาถามว่ารถหายไปไหน บางครั้งก็เข้าใจว่ารถขายไปแล้ว ซึ่งหลังจากที่เกิดเรื่องราวนี้ ผมก็รับรู้ได้ว่าออฟฟี่รู้สึกเสียใจมาก”

คุณหนุ่ม กล่าวอีกว่า ที่ตนต้องออกมาพูดเพราะต้องการแสดงเจตจำนงว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องนี้ และต้องการที่จะปกป้องภรรยาของตัวเองด้วย