จากกรณี ศาลทหาร มณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีอาญาที่ครอบครัวของ “น้องเมย” นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ฟ้องร้องรุ่นพี่ที่บังคับธำรงวินัยจนหมดสติเมื่อปี 2560 โดยศาลพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกจำเลย 6 เดือน ลดเหลือ 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท และรอลงอาญา 2 ปี ชี้ลงโทษไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับใช้ชาติได้ต่อ
หลังรับฟังคำพิพากษา นายพิเชษฐ และ นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ คุณพ่อและคุณแม่น้องเมย ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในคดีนี้มาเป็นเวลา 8 ปี และไม่เคยรับเงินยียวยาจากทางกองทัพสักบาท ไม่เคยได้คำขอโทษ
เรื่องนี้กลับมาเป็นที่น่าสนใจอีกครั้ง ซึ่งทาง หนุ่ม กรรชัย ได้พูดคุยกับคุณพ่อและคุณแม่ของน้องเมยอีกครั้ง คุณพ่อน้องเมย ได้พูดเกริ่นถึงเรื่องราวทั้งหมดว่า “มันก็แตกสลายนะครับ ลองคิดดูว่า สู้กันมา 7-8 ปี ลูกผมตายแล้วตายเลย แต่คนที่ทำผิด ไปมียศมีตำแหน่ง ทั้งที่ตัวเองมีคดีอาญาติดตัว ทำไมเขาถึงไปมียศมีตำแหน่งได้”
คุณพ่อของน้องเมย ยืนยันว่ายังไงก็ต้องเดินหน้าต่อ ยังมีอะไรคาอยู่อีกเยอะ เรื่องอวัยวะของน้องเมยที่หายไป ที่เราไปแจ้งความไว้ที่ สน.พญาไท เกือบ 4 ปี ที่ตำรวจออกหมายเรียกนายแพทย์ที่ผ่าชันสูตรน้องคนแรก แล้วเขาไม่ยอมมา ทำไมเขาถึงไม่ออกหมายจับ มันมีอะไรกันแน่
ก่อนที่ทั้งสองคนเล่าย้อนไทม์ไลน์ในวันที่ลูกชายเริ่มเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ซึ่งในช่วงต้นก็เริ่มมีสัญญาณบางอย่างที่ผิดปกติ ลูกชายมักจะบาดเจ็บกลับมาบ้าน โดยที่เจ้าตัวไม่ยอมบอกว่าเกิดอะไรขึ้น บอกแต่ว่า “ตกบันได” เวลาพ่อแม่ถาม ก็จะตอบแค่ว่า “ผมอยากเรียนต่อครับ”
หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ คือเหตุการณ์วันที่ 23 สิงหาคม 2560 เมื่อน้องเมยถูกลงโทษอย่างรุนแรงด้วยท่า “ปักหัวโหม่งโลก” หลังจากรุ่นพี่ที่เรียกว่า “คอมแมน” ไปพบว่าน้องเมยใช้ “บันไดฝั่งซ้าย” ซึ่งมีไว้เฉพาะสำหรับรุ่นพี่ แม้น้องเมยจะยืนยันว่า มีรุ่นพี่อนุญาตให้ใช้ และพาลงมา แต่รุ่นพี่คนนั้นกลับไม่เชื่อ พาไปถามคนที่น้องเมยบอกว่าให้อนุญาต
แต่รุ่นพี่คนนั้นกลับคำ ปฏิเสธว่าไม่ได้อนุญาต เป็นชนวนเหตุให้ลูกชายต้องซ่อมในห้องน้ำเกือบหนึ่งชั่วโมงจนศีรษะกระแทกอย่างรุนแรง หลังจากนั้นก็มีอาการปวดหัว คลื่นไส้ และอาเจียน แต่ก็ไม่ได้รับการพักฟื้นอย่างจริงจัง ซึ่งตลอดเดือนต่อมา อาการน้องเมยยังไม่ดีขึ้น และในวันที่ 15 – 17 ตุลาคม 2560 น้องเมยถูกธำรงวินัยต่อเนื่องหลายคืน
ทั้งยึดพื้นในห้องอับอากาศ วิ่ง พุ่งหลัง กระโดดกบ และออกกำลังกายหนัก แม้จะมีใบรับรองแพทย์ให้พัก การซ่อมยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการถูกสาดน้ำเย็นในเวลากลางคืน หรือปลุกมาลงโทษอีกหลายครั้ง จนสุดท้าย ในเช้าตรู่วันที่ 17 ตุลาคม 2560 น้องเมยหมดสติและเสียชีวิตภายในโรงเรียนเตรียมทหาร ครอบครัวได้รับแจ้งในภายหลังว่าเขาเสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
สิ่งที่สร้างความสะเทือนใจเพิ่มเติมคือเมื่อนำร่างลูกชายกลับมาในวันที่ 21 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ครอบครัวพบว่าอวัยวะสำคัญ เช่น สมอง หัวใจ และกระเพาะอาหาร ได้ถูกนำออกไปโดยไม่ได้รับการแจ้งล่วงหน้า และไม่เคยได้รับคืนอย่างโปร่งใส ทั้งที่ผลชันสูตรของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันว่ามีการเก็บอวัยวะไว้ในระหว่างกระบวนการผ่าศพ
จากวันนั้นถึงวันนี้ ครอบครัวได้เดินหน้าฟ้องร้องหลายคดี ทั้งเอาผิดรุ่นพี่ที่ลงโทษลูกชาย ครูฝึกที่ปล่อยปละละเลย รวมถึงแพทย์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเก็บอวัยวะโดยไม่คืนให้ ซึ่งหลายคดีมีคำสั่งไม่ฟ้องหรือยกฟ้อง ส่วนคดีสำคัญที่ศาลทหารพิพากษาไปเมื่อวานนี้ คือกรณีรุ่นพี่ 2 คนที่ศาลตัดสินให้รอลงอาญา
แม้เวลาจะผ่านไปถึง 8 ปี พ่อแม่ของน้องเมยยังคงต่อสู้เพื่อความยุติธรรม พวกเขาไม่เพียงต้องการคำตัดสิน แต่ยังเรียกร้องให้สังคมหันกลับมามองปัญหาระบบวินัยในรั้วทหารที่ยังขาดความโปร่งใส และความจริงที่ยังไม่ถูกเปิดเผยอย่างหมดจดจนถึงทุกวันนี้
แม่ของน้องเมยยังเล่าว่า ช่วงที่น้องแค่บาดเจ็บ มีใบรับรองแพทย์สั่งให้หยุดฝึก แต่ทุกครั้งที่เมยลงจากกองแพทย์มาเจอรุ่นพี่พวกนี้ เขาก็ยังโดนทำโทษอีก เคยถามลูก ลูกบอกว่า “ทางโรงเรียนเคยมาสอบสวนผมแล้วครับแม่ แต่ถ้าผมพูดมากกว่านี้ พี่เขาจะไม่ได้เรียนต่อ” เมยบอกว่าเมยอยากเรียน คนอื่นก็อยากเรียนเหมือนกัน เขาคิดถึงคนอื่นเสมอ เมื่อพูดถึงตรงนี้ ยิ่งทำให้คุณแม่ หัวใจสลายยิ่งกว่าเดิม