ดราม่าครูอนุบาล ส่งภาพเด็กนอนกลางวันลงกลุ่มไลน์ ก่อนรีบลบใน 10 วินาที แต่ผู้ปกครองเซฟไว้ทัน โวย ครูไม่ใส่ใจเด็ก!!!
กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ เมื่อคุณครูอนุบาลจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในประเทศจีน ส่งภาพถ่ายเด็กนักเรียนช่วงนอนกลางวันลงในกลุ่มไลน์ของผู้ปกครอง หวังจะแชร์บรรยากาศการเรียนรู้ในชีวิตประจำวัน แต่ไม่กี่วินาทีหลังจากโพสต์ ครูกลับรีบลบภาพออกทันที เพราะพบสิ่งผิดปกติในภาพนั้น ทว่าไม่ทันสายตาและปลายนิ้วของผู้ปกครองที่แคปหน้าจอเก็บไว้เรียบร้อย
ภาพที่ถูกแชร์เผยให้เห็นเด็กๆ กำลังนอนหลับพักผ่อนบนที่นอน แต่มีหลายคนเตะผ้าห่มออก ทำให้ร่างกายของพวกเขาเผยออกมามากกว่าที่ควรจะเป็น ผู้ปกครองหลายคนรู้สึกไม่สบายใจ และบางรายถึงกับแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงในกลุ่มไลน์ เช่น ข้อความหนึ่งที่ว่า “น้องนอนเตะผ้ากันหมดแบบนี้ แล้วครูไม่คิดจะห่มให้เลยเหรอ?” พร้อมตำหนิครูว่า “ขาดความใส่ใจ” บางคนไม่หยุดแค่ในกลุ่มไลน์ ยังนำภาพดังกล่าวไปโพสต์บนโซเชียลมีเดีย พร้อมข้อความวิจารณ์เชิงลบ ซึ่งยิ่งทำให้เรื่องราวลุกลามกลายเป็นดราม่าหนักขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตบางส่วนกลับมองในมุมที่แตกต่าง หลายคนเห็นว่าการใช้แค่ภาพถ่ายภาพเดียวมาตัดสินครูอาจไม่ยุติธรรม เพราะจากภาพ เด็กๆ ทุกคนก็ดูหลับสบาย ไม่มีใครร้องไห้หรือลุกเดินวุ่นวาย บางความเห็นระบุว่า “เด็กนอนหลับได้เรียบร้อยแบบนี้ แสดงว่าครูดูแลดีระดับหนึ่งแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะมีการฝึกวินัยเบื้องต้นมา”
ผปค.ไม่โอเค ครูอนุบาลจัดที่นอนแปลก “เท้าโดนหัวลูก” แต่รู้เหตุผลทึ่ง พ่อแม่ยังคิดไม่ถึง แม่วีนเดือด “ครูอนุบาล” ตัดเสื้อตัวใหม่ลูก แต่รู้ทำไปเพื่อ “ช่วยชีวิต” รีบขอบคุณสุดหัวใจ
สิ่งที่น่าสนใจคือ เหตุการณ์นี้สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ปกครองในยุคปัจจุบัน ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและคุณภาพของการดูแลเด็กในโรงเรียนอนุบาลมากขึ้น บางครอบครัวถึงกับตั้งเงื่อนไขว่าต้องมี “กล้องวงจรปิด” หรือ “ส่งภาพกิจกรรมรายวัน” เป็นข้อบังคับก่อนเลือกโรงเรียนให้ลูก
ขณะเดียวกัน ก็ชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางในการสื่อสารระหว่างครูและผู้ปกครอง ซึ่งบางครั้ง ความหวังดีอาจกลายเป็นดราม่า หากไม่มีความเข้าใจและพื้นที่ให้พูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา
บทเรียนที่ทุกฝ่ายควรคิดต่อ
สำหรับครู อาจต้องระมัดระวังมากขึ้นในการส่งภาพเด็ก โดยเฉพาะในเวลาส่วนตัวอย่างตอนนอน ส่วนผู้ปกครองเองก็ควรใช้วิจารณญาณในการแสดงความคิดเห็น และให้โอกาสครูได้อธิบาย มากกว่าจะรีบตัดสินจากภาพเพียงใบเดียว
และนี่ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ครู-ผู้ปกครอง” เท่านั้น แต่เป็นภาพสะท้อนของสังคมที่ต้องหาจุดร่วมระหว่าง “การดูแลเด็ก” กับ “ความไว้วางใจ” ที่ควรเดินไปด้วยกัน