Home ต่างประเทศ ทัวร์ลงฟรี! จบ ม.ท็อปมา “ขับไรเดอร์” โดนแซะตกอับ แต่เห็นเงินในบัญชี…ถึงกับขอขมา

ทัวร์ลงฟรี! จบ ม.ท็อปมา “ขับไรเดอร์” โดนแซะตกอับ แต่เห็นเงินในบัญชี…ถึงกับขอขมา

6

หนุ่มจีนจบ ม.ดัง ผันตัวเป็น “ไรเดอร์” โดนดูถูกยับว่าเรียนมาเสียเปล่า ก่อนงัดรายได้โชว์ ทำเอาคนวิจารณ์ต้องขอโทษ

เงินเดือน 15,000 หลบไป! เปิดรายได้ “ไรเดอร์ดีกรีปริญญา” ขยันถูกที่ 3 ปีมีเงินล้าน ใครว่าเรียนสูงเสียเปล่า?

เรื่องราวของบัณฑิตจบใหม่ที่ต้องมาทำงานไม่ตรงสาย หรือผันตัวมาเป็นพนักงานส่งของ (Shipper/Rider) ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงในสังคมอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อผู้ที่ทำงานนั้นจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับประเทศ

ในยุคที่ตลาดแรงงานแข่งขันสูงลิบลิ่วและเศรษฐกิจผันผวน “ใบปริญญา” อาจไม่ใช่ตั๋วทองในการการันตีงานทำเหมือนในอดีต ล่าสุดในโลกโซเชียลมีเดียของจีนได้มีการแชร์เรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยเทียนจิน (Tianjin University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยระดับท็อป (โครงการ 985) ของประเทศ แต่กลับเลือกสวมเสื้อกั๊กออกไปวิ่งส่งของ

คำครหา: “เรียนสูงเสียเปล่า”

ในสายตาคนทั่วไป งานส่งของมักถูกมองว่าเป็นงานที่ไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษาสูง ใครๆ ก็ทำได้ ทำให้การที่บัณฑิตจากรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดังลงมาทำอาชีพนี้ กลายเป็นเป้าวิจารณ์อย่างหนัก ชาวเน็ตหลายคนมองว่าเขา “ไม่มีความอดทน” หรือ “ไม่พยายามหางานออฟฟิศดีๆ” ให้สมกับเกียรติสถาบัน

ความจริงอีกด้าน: จบ “โลจิสติกส์” มาทำ “โลจิสติกส์”

ความจริงที่หลายคนไม่รู้คือ ชายหนุ่มคนนี้เรียนจบมาในสาขา “โลจิสติกส์” โดยตรง แต่เนื่องจากโอกาสงานในสายงานบริหารที่ตรงวุฒินั้นหายากมากในช่วงนี้ เพื่อความอยู่รอด เขาจึงตัดสินใจทำงานเป็นพนักงานส่งของมาตลอด 3 ปี

เปิดรายได้ที…มีสะดุ้ง!

แม้จะดูเป็นงานที่เหนื่อยยาก แต่ตัวเลขในบัญชีธนาคารกลับสวนทางกับคำดูถูก ในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นหลายคนทำงานออฟฟิศได้รับเงินเดือนเริ่มต้นประมาณ 3,000 หยวน (ประมาณ 14,000 บาท) แต่พ่อหนุ่มไรเดอร์คนนี้ทำรายได้รวมตลอด 3 ปีไปถึง 400,000 หยวน (ประมาณ 1.9 ล้านบาท)

เมื่อเฉลี่ยแล้ว เขามีรายได้ตกเดือนละประมาณ 11,000 หยวน (กว่า 52,000 บาท) ซึ่งมากกว่าเงินเดือนเพื่อนร่วมรุ่นถึง 3-4 เท่า! เจ้าตัวเผยทัศนคติสั้นๆ แต่อิมแพ็คแรงว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการหาเงิน เพราะเงินสมัยนี้มันหายาก”

ดราม่าเสียงแตก: เสียดายวิชา หรือ ชีวิตต้องรอด?

หลังจากตัวเลขรายได้ถูกเปิดเผย กระแสวิจารณ์ก็ตีกลับทันที แม้จะมีบางส่วนที่ยังมองว่าเขาทิ้งโอกาสก้าวหน้าในระยะยาวและเสียดายเวลาเรียน 4 ปี แต่ชาวเน็ตส่วนใหญ่ต่างชื่นชมในการตัดสินใจที่ “อยู่บนโลกความเป็นจริง”

หลายคอมเมนต์ระบุว่า “เมื่อท้องหิว อุดมการณ์ก็กินไม่ได้” และ “งานสุจริตที่ทำแล้วได้เงินเยอะขนาดนี้ จะอายทำไม” อย่างไรก็ตาม การทำงานผิดสายงานเป็นเวลานานอาจทำให้เสียโอกาสในการพัฒนาทักษะเฉพาะทาง แต่สำหรับหนุ่มคนนี้ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการหาเงินก้อนโตได้ก่อน ก็ถือเป็นความสำเร็จในรูปแบบหนึ่ง

สรุปแล้ว ไม่มีใครตัดสินได้ว่าเส้นทางของใครถูกหรือผิด เพราะสุดท้ายทุกคนต่างก็ต้องดิ้นรนเพื่ออนาคตในแบบของตัวเอง