พุทธ อภิวรรณ เล่าว่า วันก่อนเกิดเหตุ มีคนอยู่ในบ้านทั้งหมด 5 คน คือ ต้น นัท บิ๊ก ออ และโอ ซึ่ง ออและโอ เป็นพนักงานในฝ่ายข่าวของช่อง 8 วันนั้นนัทมาจัดรายการกับตน เลิกงานประมาณตี 2 กว่า น้องก็กลับบ้าน กระทั่งมารู้ตอนเช้าว่าน้องเสียชีวิต ตนก็พยายามถามทุกคนว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็ใช้คำว่านัทนอนแล้วหลับไป จึงไม่ได้คิดอะไร

พุทธ อภิวรรณ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนก็ไปถามโอกับออถึงวันที่ไปที่บ้านนัท เขาบอกว่านัทมาชวนให้ตามไปที่บ้าน เพื่อจะไปกินอาหารกัน จึงไปรอที่บ้านของนัทก่อน ซึ่งโอเป็นเพื่อนรักของนัท ส่วนอาหารก็มีพิซซ่า ไก่ทอด ก๋วยจั๊บ และเกี๊ยวน้ำ เป็นอาหารเหลือที่กินไม่หมดแล้วถือไป โอกับออไปถึงประมาณ 1.45 น.
พุทธ อภิวรรณ กล่าวอีกว่า ตอนที่โอกับออไปถึงที่บ้าน เห็นต้นรออยู่ที่บ้านแล้ว ต้นก็เป็นเพื่อนของนัท ระหว่างที่โอกับออนั่งรอนัท ก็เจอบิ๊กเพื่อนของนัทเดินมาจากด้านบนบ้าน เมื่อนัทกลับมาถึงบ้าน นัทยังไม่เข้าบ้าน ก็ชวนออไปซื้อของข้างนอก แล้วกลับเข้ามากินพร้อมกัน

พุทธ อภิวรรณ กล่าวต่อว่า ออกับโอก็บอกว่าตอนที่กินกันก็ไม่มีการทะเลาะกัน นัทก็ดื่มเหล้าปกติ หลังจากนั้นก็ผัดมาม่ากินกัน จนถึงประมาณตี 5 เริ่มมีการเมา โอจึงขอกลับบ้านและเรียกรถมารับ ขณะรอรถ เวลา 05.22 น. ออก็ไปนอนที่โซฟา นัทยังแกล้งไปปลุกให้ตื่น ส่วนบิ๊กกับต้นยังนั่งอยู่ที่โต๊ะ ไม่มีการทะเลาะกัน
พุทธ อภิวรรณ กล่าวอีกว่า จากนั้นเวลา 05.28 น. โอก็ขึ้นรถกลับไป สักพักออก็กลับ ส่วนต้นออกไปประมาณ 06.00 น.เศษ ก่อนจะกลับเข้ามาที่บ้านอีกครั้งเวลา 07.00 น.เศษ เพื่อหยิบกระเป๋าเงินที่ลืมไว้ แล้วออกไปทำงาน กระทั่งบิ๊กมาพบนัทที่นอนอยู่ในห้องด้านล่าง ไม่มีชีพจร จึงโทรเรียกกู้ภัยมา และโทรบอกต้น จากนั้นมีรถตำรวจและกู้ภัยเข้ามาที่บ้านประมาณ 11.30 น. และรับร่างนัทออกไปในเวลา 12.06 น.

นอกจากนี้ พุทธ อภิวรรณ กล่าวช่วงหนึ่งว่า มีเรื่องสงสัยคือวันที่รดน้ำศพ ประมาณ 3 ธ.ค. มีเพื่อนของนัทบางคนเล่าให้ฟังว่า เขาสงสัยว่าที่บ้านของนัทมีไซยาไนด์ ซึ่งน้องคนนั้นไม่ได้อยู่ในวงกินข้าวว่า ตนก็สงสัยว่าทำไมถึงไม่บอกในวันแรก
พุทธ กล่าวว่า วันที่ 3 ธ.ค. หลังจากจัดรายการเสร็จ ตนจึงไปที่บ้านนัท คืนวันนั้นพบพ่อกับแม่นอนอยู่ข้างบน ตนจึงถามเพื่อนนัทว่าอันไหนที่สงสัย ซึ่งวันนั้นผลชันสูตรศพยังไม่ออก ปรากฏว่าเขาหยิบบางอย่างให้ดู เพื่อนก็สงสัยว่าอันนี้จะเป็นไซยาไนด์หรือไม่ ตนจึงส่งให้อาจารย์หมอ เพื่อรีบพิสูจน์ว่าเป็นอะไร
พุทธ กล่าวต่อว่า กระทั่งเมื่อวานนี้มีผลชันสูตรศพออกมาว่าเจอสารไซยาไนด์ในร่างน้อง และผงสีขาวที่ส่งไปตรวจพิสูจน์ก็พบว่าเป็นไซยาไนด์ ตนจึงบอกพ่อกับแม่น้อง จนนำมาสู่การอายัดร่าง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง

“จุดสำคัญอีกจุด ท่านอนของน้อง ชุดที่นอนเป็นชุดเดียวกับที่จัดรายการกับผม ผมก็ถามว่าทำไมศพน้องลงมานอนแบบนี้ เพื่อนก็บอกว่า เหมือนนัทฟุบอยู่บนโซฟา คนที่อยู่กับนัทคนสุดท้าย และคนที่เจอนัทนอนอยู่ในห้อง คือบิ๊ก ที่โทรหากู้ภัย ยกร่างนัทมานอนกับพื้น เพื่อปั๊มหัวใจ แต่ไม่เป็นผล บิ๊กบอกว่าหลับไป แต่ไม่รู้ว่ามีไซยาไนด์”
พุทธ กล่าวต่อว่า ส่วนรอยเท้าเป็นของกู้ภัยที่เข้ามาพยายามปั๊มหัวใจน้อง บิ๊กอ้างว่ามีการทะเลาะกันเกิดขึ้น แต่ไม่ได้เป็นคนทำร้ายนัท ไม่รู้ว่ามีเรื่องไซยาไนด์ หลังจากทุกคนกลับหมดแล้ว บิ๊กก็อยู่กับนัท 2 คนในบ้าน บิ๊กอ้างว่านัทนอนอยู่ข้างบนในห้องนอน แล้วนัทก็เดินลงมาในห้องข้างล่าง ตอนเช้าก็ลงมาตาม เห็นว่านัทไม่หายใจ จึงรีบโทรตามต้นให้กลับเข้ามาที่บ้าน
พุทธ กล่าวอีกว่า วันรดน้ำงานศพวันแรก บิ๊กไม่มา ตอนนั้นตนก็ไม่รู้ว่าบิ๊กอยู่ในที่เกิดเหตุ ตอนหลังเพิ่งมารู้ว่าอยู่กับนัทคนสุดท้าย วันงานศพวันแรกก็ไม่มา แต่ในที่เกิดเหตุวันที่ 30 พ.ย. บิ๊กอยู่ในที่เกิดเหตุ แล้วก็หายไปเลย ส่วนคนในวงกินข้าวทุกคนอยู่ในงานศพกันหมด บิ๊กบอกติดเรียนหนังสือทางภาคเหนือ คิดว่าศพนัทจะถูกนำส่งไปที่ภาคเหนือ ไม่คิดว่าจะจัดงานศพที่นนทบุรีก่อน จึงรออยู่ที่ภาคเหนือ จึงไม่ได้มาที่งานรดน้ำศพที่นนทบุรี

พุทธ กล่าวต่อว่า ส่วนต้นออกไปทำงานตอนเช้า บอกว่าได้ยินเสียงนัทกรนปกติตอน 7 โมง จากนั้น 8 โมงครึ่งบิ๊กลงมาจากห้อง ปลุกนัทจะให้ขึ้นไปนอนข้างบน แต่เจอนัทไม่มีชีพจร จึงโทรหากู้ภัยและโทรตามต้นกลับมาที่บ้าน
พุทธ กล่าวอีกว่า ตนได้เข้าไปในบ้านของนัท พบมีกล้องวงจรปิดหลายมุม แต่มีตัวหนึ่งในห้องนอน ซึ่งตนเข้าใจว่าน่าจะไม่มีการบันทึกเอาไว้ เพราะอาจมีการทำกิจวัตรส่วนตัว ปรากฏว่ากล้องวงจรปิดในห้องนอนทราบว่าดูผ่านมือถือได้ ไม่แน่ใจว่ากล้องที่เสียจะเป็นตัวนี้หรือไม่ ความสำคัญของกล้องในห้องนอน จะได้เห็นตอนที่นัทเดินกลับขึ้นไปหลังดื่มกินแล้ว
พุทธ กล่าวต่อว่า ตนให้ไอซ์ สารวัตร ไปถามบิ๊กที่งานศพ ว่ากล้องตัวนี้ใช้ได้หรือไม่ บิ๊กยืนยันว่าไม่ได้ถอดอะไรทั้งสิ้น และไม่ได้เคลื่อนย้ายกล้อง กล้องเสียหรือไม่ก็ไม่ทราบ พร้อมให้ไปพิสูจน์ว่าไม่มีรอยนิ้วมือเขาบนกล้องในห้องนอน ส่วนกล้องวงจรปิดตัวอื่นยังจับภาพได้ แต่บางเรื่องต้องขออนุญาตครอบครัวก่อน เพราะเป็นเรื่อส่วตัวของนัท เชื่อว่ามีผลกับคดี

พุทธ กล่าวอีกว่า วันที่พบศพ ออบอกว่า 09.40 น. ต้นโทรมาหา 4 รอบ รอบแรกไม่มีสัญญาณคุยกันไม่รู้เรื่อง รอบที่ 2 ต้นบอกว่านัทปงตายแล้ว หลับไม่ตื่น ออก็ถามว่าพูดเล่นใช่ไหม ต้นบอกพูดจริง ปั๊มหัวใจแล้ว แล้วก็วางสายไป จากนั้นรอบที่ 3 ต้นโทรมาบอกว่าเจอไซยาไนด์ ออก็คิดว่า นัททำร้ายตัวเอง แล้วได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ในสายว่า “ทำไม ทำแบบนี้ทำไม” ออก็ถามว่าอยู่ไหน ต้นก็บอกว่าอยู่ที่บ้าน รอหมอมาชันสูตร
พุทธ กล่าวต่อว่า จากนั้นออก็วางสายไปและจะไปที่บ้านของนัท แต่ต้นก็โทรมาหาออรอบที่ 4 บอกว่าสงสัยมันน่าจะไม่ใช่ไซยาไนด์ เพราะไซยาไนด์เหลือเท่าเดิม ตนสงสัยว่าทำไมคนในวงข้าวพูดกลับไปกลับมา รอบแรกมาแจ้งว่าหลับไม่ตื่น และครั้งที่ 2 บอกหลับไม่ตื่น รอบ 3 บอกเจอไซยาไนด์ รอบ 4 บอกไม่น่าจะใช่ไซยาไนด์ นี่เป็นข้อที่ต้องไปอธิบายกับตำรวจ
พุทธ กล่าวอีกว่า เพื่อความเป็นธรรมกับบุคคลทั้งหมดที่กินข้าวกัน บิ๊กก็ไม่หนีไปไหน ทุกครั้งตนก็ให้คนที่รู้จักบิ๊กโทรไปถามบิ๊กเรื่อยๆ บิ๊กก็ชี้แจงไม่ได้หลบไปไหน ขนาดต้นตนยังไม่ค่อยได้คุย ทั้งหมดตำรวจถ้าได้เห็นอะไรบางอย่าง หรือแม้แต่หลักฐานที่ตนมี จะส่งให้ทั้งหมดแล้วนำไป




















