Home ข่าว สุขภาพ ก่อนนอน “อย่าลืมเปิดโหมดนี้!” ลดรังสีจากมือถือ ร่างกายหลับลึกทันตา ตื่นขึ้นมาสดชื่น!

ก่อนนอน “อย่าลืมเปิดโหมดนี้!” ลดรังสีจากมือถือ ร่างกายหลับลึกทันตา ตื่นขึ้นมาสดชื่น!

5

ก่อนนอนอย่าลืมเปิด Airplane Mode! บอกลาแสงสีฟ้า‑มือถือ เสริมคุณภาพการนอนหลับทันที

แค่เปิดโหมดนี้ก่อนนอนทุกคืน คุณก็สามารถนอนหลับลึกขึ้น และลดการสัมผัสรังสีจากมือถือที่อาจรบกวนร่างกายโดยไม่รู้ตัว!

แม้ว่าโทรศัพท์มือถือจะไม่ได้ปล่อย รังสีที่เป็นอันตรายถึงขั้นก่อมะเร็ง ตามข้อมูลจากสถาบันการแพทย์ประยุกต์แห่งเวียดนาม แต่ “รังสีคลื่นความถี่วิทยุ (RF)” จากมือถือ Wi-Fi หรือ Bluetooth ก็สามารถ รบกวนระบบประสาทและการนอนหลับได้ในระยะยาว

วิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดรังสีจากมือถือ: แค่ “เปิดโหมดเครื่องบิน” (Airplane Mode) ตามคำแนะนำของ EducateEMF ซึ่งจะช่วยปิดสัญญาณคลื่นวิทยุทั้งหมดจากโทรศัพท์ เช่น สัญญาณมือถือ, Wi-Fi, Bluetooth ผลคือ ช่วยลดคลื่นรบกวนและรังสี RF ที่อาจสะสมในร่างกายได้ในระยะยาว

หากยังต้องเปิดเครื่องไว้ สามารถวางห่างจากศีรษะอย่างน้อย 15 เซนติเมตร ก็จะช่วยลดปริมาณรังสีได้เกือบ “ศูนย์” โดยการทดลองวัดรังสีจากโทรศัพท์ จากมหาวิทยาลัยเทียนจิน พบว่า หากวางมือถือห่างจากตัว 15 ซม. จะปลอดภัยจากรังสีโดยสิ้นเชิง

ระยะ 5 ซม. → 1 มิลลิเกาส์

ระยะ 10 ซม. → 0.5 มิลลิเกาส์

ระยะ 15 ซม. → 0.3 มิลลิเกาส์ (เทียบเท่าสภาพแวดล้อมปกติ)

ไม่ใช่แค่เรื่องรังสี: มือถือยังทำให้ “นอนหลับไม่สนิท”

แม้ว่ารังสีจากโทรศัพท์มือถืออาจไม่เป็นอันตรายร้ายแรงในระยะสั้น แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามคือ “ผลกระทบต่อคุณภาพการนอนหลับ” ซึ่งเกิดขึ้นจากพฤติกรรมการใช้มือถือก่อนนอนโดยตรง หนึ่งในสาเหตุหลักคือแสงสีฟ้าจากหน้าจอ ที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการหลั่งของฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่ช่วยให้เรารู้สึกง่วงและนอนหลับได้ลึก การดูมือถือก่อนนอนยังทำให้สมองตื่นตัวเกินไป โดยเฉพาะเมื่อเรารับชมเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์ เช่น ข่าว หรือโซเชียลมีเดีย ขณะเดียวกันเสียงแจ้งเตือนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อความหรือการแจ้งเตือนแอป ก็สามารถรบกวนการหลับลึกได้โดยที่เราไม่รู้ตัว

จากผลการวิจัยในประเทศอังกฤษ พบความเชื่อมโยงชัดเจนระหว่างการติดมือถือกับปัญหาการนอน โดยผู้ที่ติดการใช้สมาร์ทโฟนถึง 69% รายงานว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ ขณะที่กลุ่มที่ใช้มือถือแต่ไม่ถึงขั้นติดมีปัญหาการนอนหลับอยู่ที่ 57% เท่านั้น และที่น่าสนใจคือ ผู้ที่มีโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องนอนจะนอนหลับน้อยลงเฉลี่ยถึง 48 นาทีต่อคืน เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้เก็บโทรศัพท์ไว้ใกล้ตัวในช่วงเวลานอน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มือถืออาจส่งผลต่อวงจรการหลับได้มากกว่าที่คิด

มีคำตอบแล้ว! วิจัยเผย “คนอายุยืน” มักตื่นนอนตอนไหน ใช่ 6 โมงเช้า แบบที่คิดหรือเปล่า? รู้ไว้ดีกว่า! อาการโรคเบาหวาน ที่แสดงออกมา “หลังตื่นนอน” ตอนเช้าๆ ใครเป็นรู้ตัวหน่อย วิธีง่ายๆ ปกป้องคุณภาพการหลับ

เปิด Airplane Mode ก่อนนอนทุกครั้ง

วางโทรศัพท์ห่างจากเตียงอย่างน้อย 15 ซม.

ปิดแจ้งเตือนหรือเปิดโหมดกลางคืน

งดใช้งานมือถือก่อนนอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง

ใช้สัญญาณเตือนแบบไม่ใช้คลื่นสัญญาณ (เช่น นาฬิกาปลุก)

แม้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า “มือถือทำให้เป็นมะเร็ง” แต่การลดการสัมผัสรังสีคลื่นความถี่วิทยุ (RF) และแสงสีฟ้าจากหน้าจอก็มีผลต่อสุขภาพระยะยาวอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการนอนหลับที่เป็นช่วงเวลาสำคัญในการฟื้นฟูร่างกายและสมอง แค่ปรับพฤติกรรมเล็กๆ อย่างเปิดโหมดเครื่องบิน ก็ช่วยให้คุณหลับลึก สุขภาพดี และปลอดภัยจากคลื่นมือถือได้แบบไม่ยุ่งยาก

ที่มา: Soha.vn